ตำรวจ สน. วังทองหลาง ควบคุมตัว น.ส.วรรณิภา หรือมด ภรรยาของเสี่ยต้นและผู้ต้องหาในคดีจ้างวาพยามฆ่าเสี่ยต้น สามีตัวเอง ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องขัง เพื่อนำตัวไปฝากขังยังศาลอาญารัชดา ซึ่งนางสาวมด เดินออกมาในชุดเสื้อแขนกุดสีดำ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยและยังมีความกังวลอยู่

 

ระหว่างที่ควบคุมตัวนางสาวมดออกมาจากห้องควบคุมก่อนจะนำขึ้นรถก็ผู้ต้องขัง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางสาวมดระบุว่า ตอนนี้ตัวเองเป็นห่วงลูกมาก เป็นเสียงเดียวที่ตัวเองเป็นห่วงมาก แต่ลูกก็เป็นคนเข้มแข็ง ฝากชื่นชมเด็กทั้ง 3 คนน่ารักมาก ซึ่งลูกตัวเองได้บอกว่าอยากให้มาม๊ากลับไปกินมาม่าฝีมือของลูก แต่เมื่อถามว่ากังวลใจหรือไม่ว่าอาจจะไม่ได้รับการประกันตัวนางสาวมดไม่ตอบ บอกแต่เพียงว่าตอนนี้คิดถึงลูกแค่นี้จริงๆ และเมื่อถามว่าตอนนี้ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจอยู่หรือไม่นางสาวมดก็ไม่ตอบคำถามนี้ และเมื่อนางสาวมดขึ้นไปนั่งบนรถควบคุมผู้ต้องขังผู้สื่อข่าวยังได้ตามไปสอบถามว่าอยากจะฝากบอกอะไรใครหรือไม่ นางสาวมดบอกว่า อยากบอกน้องมิ้นท์น้องมุก และกัปตันเดี๋ยวมาม๊าจะกลับไปหา และเป็นห่วงกัปตันลูกอีกคนเป็นอย่างมากเพราะต้องคอยเกาหลังให้ก่อนนอน จากนั้นตำรวจได้เคลื่อนรถออกจาก สน. ไปยังศาลอาญารัชดาทันที่ โดยมีรถตู้กำลังตำรวจคุ้มกัน เพื่อรักษาความปลอดภัยตามไปด้วยจำนวนหลายนาย

 

ขณะที่ตำรวจสิบเวร สน.วังทองหลาง เปิดเผยข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา คุณมดได้นอนอย่างเดียว ยังไม่ได้เรียกร้องหรือต้องการอะไรเพิ่ม ซึ่งทางสิบเวรก็ปล่อยให้คุณมดนอนพักผ่อนในห้องผู้ต้องขังโดยไม่รบกวน เพราะทราบมาว่า คุณมดมีอาการเครียดตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้

 

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สิบเวรยังคงเฝ้าสังเกตการณ์ผ่านกล้องวงจรปิดอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้คุณมดทำอันตรายใด ๆ แก่ตนเอง ในขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พบว่าตัวคุณมดยังสามารถพูดคุยกับตำรวจได้ดี ยังไม่แสดงอาการเครียด สามารถรับประทานอาหารได้และบอกกับตำรวจเพียงแค่ว่า อยากไปที่ศาลโดยเร็วที่สุด

 

ส่วนผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นายสาโรจน์ ผู้ทำหน้าที่จัดหาอาวุธปืน ซึ่งถูกคุมขังที่ สน.หัวหมาก และนายวีรภัทร ผู้ทำหน้าที่ขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งถูกคุมขังที่ สน.โชคชัย ไม่ได้นำตัวมารวมกันที่ สน.วังทองหลาง ก่อนส่งฝากขังพร้อมกัน แต่จะให้ตำรวจของแต่ละสถานีตำรวจที่คุมขังผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เป็นผู้ดำเนินการส่งศาลอาญา แล้วทางพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง เจ้าของคดี ก็จะตามไปยื่นคำร้องฝากขังรวมกันภายหลัง โดยพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงและเกรงว่า หากได้รับการประกันปล่อยตัวชั่วคราวแล้วจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจจะหลบหนี

 

โดยเมื่อวานนี้ทีมงานทนายความของนางสาวมดได้ระบุว่ามีการเตรียมหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวนางสาวมด ในชั้นศาลไว้แล้วจำนวนหนึ่งล้านบาทซึ่งจะให้นางสาวส้ม ที่เป็นน้องสาว เป็นผู้ยื่นประกันตัวพี่สาว ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลว่าจะพิจารณาอนุมัติให้ประกันตัวหรือไม่

 

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 สน. ได้มีการนำตัวนางสาวมด ภรรยาของเสี่ยต้น พร้อมด้วยกลุ่มแก๊งมือปืน อาทิ นายวี หรือวีรภัทร , นายสาโรจน์หรือแป๊ะ ที่ถูกคุมตัวก่อนหน้านี้ในข้อหาร่วม พยายามฆ่าเสี่ยต้น จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 8 เม.ย. โดยหลังจากที่ตำรวจมีการคุมตัว 3 ผู้ต้องหาส่งมายังศาลอาญารัชดา ซึ่งทราบว่ามีญาติบางส่วนได้มีการยื่นขอประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ ทั้งเงินสด ที่ดิน และรวมถึงเช่าหลักทรัพย์ โดยทราบว่าตัวของนางสาวมดภรรยาของเสี่ยต้นได้มีการเตรียมเงินประกันตัวจำนวน 1 ล้านบาท

 

และยังพบว่าที่ศาลอาญารัชดา ได้มีครอบครัวของเสี่ยต้น นำโดย นางสาวปภาพินท์ แม่เสี่ยต้น , นางสาวณัฐปภัษร์ หรือเจ น้องสาว , ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ ได้เดินทางมาเพื่อยื่นขอคัดค้านการประกันตัว ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่ากลัวจะมีการยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เพราะเนื่องจากมือปืนยังจับไม่ได้ ประกอบกับยังอยู่การขยายผลและรวมถึงสืบเพิ่มเติม เกี่ยวกับพฤติกรรมหรือคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของเสี่ยต้นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ฉะนั้นหากได้รับการประกันตัวกลัวว่าจะมีการข่มขู่พยาน ทำลายหลักฐาน หรือแม้แต่อาจจะทำให้ครอบครัวไม่ได้รับความปลอดภัย

 

วันนี้ทางด้านนายถนอม ซึ่งเป็นคนที่ร่วมวงกินข้าวกับนายพิชิตก็ได้ให้ข้อมูลที่น่าสนใจกับทีมข่าวช่อง 8 โดยนายถนอมได้เล่าว่า ในคืนวันที่ 15 เมษายน 2567 ช่วงเวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ก็มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่ค่อนข้างน่าสงสัย เพราะระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันที่ศาลาไม้ ลูกสาววัย 16 ปีของนางสาวมดและนายพิชิต ก็ได้หยิบแก้วเป๊กออกมา 1 แก้ว แล้วทำการรินเหล้าใส่ไปเกือบเต็มแก้ว จากนั้นก็ได้นำแก้วเป๊กที่ใส่เหล้าเดินออกไปห่างจากศาลาประมาณ 20 เมตร แล้วก็ทำการจุดธูปขึ้นมา 1 ดอก พร้อมกับทำท่าทีเหมือนกำลังไหว้อะไรสักอย่าง แต่เป็นการไหว้นอกบ้านและไหว้เพียงลำพังโดยที่คนอื่น ๆ ไม่ได้ตามไปด้วย ไม่นานนักลูกสาววัย 16 ก็ได้นำเหล้าในแก้วเป๊กอันเดิมมายื่นให้นายพิชิตดื่ม พร้อมกับบอกว่าเมื่อสักครู่เป็นการไหว้บรรพบุรุษ นายพิชิตนอกใจไปมีผู้หญิงอื่นจึงต้องทำการขอขมาพ่อตาที่ล่วงลับไปแล้ว โดยบอกให้ดื่มเหล้าในแก้วเป๊กให้หมดถือเป็นการขอขมา จากนั้นนายพิชิตก็ได้ดื่มเหล้าในแก้วเป๊กดังกล่าวหมดภายในรวดเดียว ซึ่งตอนนั้นนายถนอมเองก็รู้สึกแปลกใจว่าหากไหว้บรรพบุรุษทำไมถึงไม่ไหว้ในบ้าน แล้วทำไมไม่ให้นายพิชิตไปไหว้ขอขมาตั้งแต่ตอนที่เดินทางมาถึงบ้านช่วงค่ำ แต่ตนก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร

 

และย้อนกลับไปในตอนที่ตนกำลังนั่งอยู่บนรถกับนายพิชิต หลังจากที่ไปรับจากสนามบินร้อยเอ็ด นายพิชิตก็ได้มีคำพูดแปลก ๆ โดยนายพิชิตบอกว่า “ลุงช่วยอยู่กับผมตลอดเวลาได้ไหม ผมกลับไปก็ไม่รู้ว่าจะต้องโดนอะไรบ้าง” ในตอนนั้นนายถนอมก็คิดว่านายพิชิตคงจะกลัวว่าลูกเมียและแม่ยายจะดุด่าที่แอบไปมีผู้หญิงอื่น แต่นายถนอมก็ไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องการลอบฆ่าแบบนี้ ซึ่งทุกอย่างที่เล่าให้นักข่าวฟังในวันนี้ นายถนอมก็ได้เล่าให้กับตำรวจฟังไปหมดแล้วเช่นกัน

"เจ๊มด" เปิดปากครั้งแรก! แปลก ลูกเอาแก้วไปไหว้บรรพบุรุษก่อนส่งให้ "เสี่ยต้น" กินก่อนตาย