จากกรณี นายธนากรณ์ หรือ แซน อายุ 19 ปี นักศึกษาหนุ่ม ฆ่าเปลือย นางสาววรัญญา หรือ หมิ๊งหมิง อายุ 19 ปี แฟนสาวเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน เชือดคอจนหลอดลมขาดใช้มีดตัดมือทั้ง 2 ข้าง อำพรางไม่ให้ตรวจลายนิ้วมือได้ จากนั้นอุ้มศพขึ้นรถ จยย. ไปหมกกองขยะใต้ทางด่วนอุดรรัถยา ม.4 ต.บางพูน อ.เมืองปทุมธานี โดยหลังฆ่าแฟนสาวเสร็จเจ้าตัวได้กินยาฆ่าตัวตายหวังหนีผิด แต่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน ซึ่งเหตุการณ์ขึ้นเมื่อเวลา 08.15 น. วันที่ 5 มิ.ย. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย. 2567) เมื่อเวลา 16.00 น. ที่หน้าห้องผู้ป่วยวิกฤต รพ. ตำรวจ สภ.ปากคลองรังสิต นำกำลังแสตนบายเตรียมคุมตัวนายแซน ผู้ก่อเหตุฆ่าแฟนสาวไปสอบปากคำที่โรงพัก จากนั้นเวลา 16.30 น. หลังจากแพทย์ลงความเห็นว่านายแซนอาการเป็นปกติแล้ว ตำรวจได้เข้าไปอ่านหมายจับ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ ซ่อนเร้น อำพรางศพ เพื่อปิดบังการตาย ซึ่งเจ้าตัวยังอยู่ในท่าทีนอนนิ่ง แต่ระหว่างการอ่านหมายจับมีพี่ชายของผู้ก่อเหตุยืนอยู่ด้วย ก่อนที่ตำรวจจะหิ้วปีก 2 ข้างขึ้นรถตู้ตำรวจ โดยพบว่ามีหน่วยกำลังปฏิบัติการพิเศษพร้อมอาวุธครบมือคุ้มกัน เพื่อนำตัวไปสอบปากคำโดยละเอียดที่ สภ.ปากคลองรังสิต
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายธนากรณ์มาถึงที่ สภ.ปากคลองรังสิต โดยเจ้าตัวยังหลับตา อยู่ในสภาพอิดโรย หลับตาตลอด ไม่ตอบคำถามสื่อใด ๆ จนทางตำรวจต้องหิ้วปีกและพยุงตัวลงจากรถ และอุ้มนำตัวเข้าไปในห้องขังทันที เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าทางแพทย์ ยืนยันว่า ผู้ต้องหามีสภาพที่เป็นปกติ
ขณะที่ความคืบหน้าการตามหาชิ้นส่วนมือของน้องหมิ๊งหมิง หลังนายแซนให้การเบื้องต้นว่า ไม่ได้มีการทิ้งชิ้นส่วนซึ่งเป็นมือของคนตายในชักโครกหรือบ่อเกอะภายในบ้าน แต่มีการโยนทิ้งลงคลองใกล้หมู่บ้าน ทำให้เมื่อเวลา 13.30 น. พนักงานสอบสวน สภ.ปากคลองรังสิต และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้เดินทางมายังสะพานบางพูน ข้ามคลองเชียงราก ถนนรังสิต-ปทุมธานี ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ติดริมรั้วศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังก่อเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร และห่างจากจุดทิ้งศพใต้ทางด่วนประมาณ 3.8 กิโลเมตร
หลังจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดในบริเวณดังกล่าว พบว่า เมื่อเวลาประมาณ 04.43 วันที่ 5 มิถุนายน ตามปรากฏเวลาในภาพวงจรปิด นายแซน ผู้ก่อเหตุ ฆาตกรรมแฟนสาว ได้จอดรถมอเตอร์ไซค์บริเวณเชิงสะพานดังกล่าว ก่อนโยนถุงดำที่คาดว่าบรรจุมือของแฟนสาวทิ้งริมคลอง ก่อนจะกลับไปเอาศพที่บ้านเพื่อไปทิ้งศพใต้ทางด่วน เบื้องต้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยยืนยันแล้วว่า ในถุงดำดังกล่าวเป็นมือทั้งสองข้างของ น.ส.แจน หรือ น้องหมิ๊งหมิง ผู้เสียชีวิตจริง โดยถุงดังกล่าวติดอยู่ที่ริมตลิ่งซึ่งมีต้นบอนบังถุงอยู่ คาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะพยายามโยนถุงดำดังกล่าวลงไปในคลอง แต่โยนไปไม่พ้นจนติดอยู่ริมตลิ่ง
ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.ณรงค์ เอี่ยมระหงษ์ ผกก.สภ.ปากคลองรังสิต พร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวนและพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางมายังบริเวณริมคลอง เพื่อตรวจสอบมือที่พบภายในถุงดังกล่าว จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ พฐ. มาถึง จึงได้ลงไปตรวจสอบจุดที่มือถูกทิ้งไว้ริมคลอง โดยมือนำขึ้นมาพบว่าเป็นถุงดำ 1 ถุง โดยในถุงดำมี ข้อมือ 2 ข้าง พร้อมกับผมสีแดงที่มีรอยตัด 1 กระจุก นอกจากนี้ยังพบว่าในถุงดำมีเสื้อสีขาวลายเชอร์รี่ 1 ตัว ถุงขนม 1 ห่อ ทิชชู่เปียก 1 ห่อ ผ้าอนามัยใช้แล้ว 2 แผ่น และกางเกงใน 1 ตัว ขณะนี้เจ้าหน้าที่นิติเวช สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เข้าเก็บพยานหลักฐานเพื่อตรวจสอบโดยละเอียด
ทั้งนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ติดตามพร้อมกับชุดสืบสวนที่พยายามแกะรอยจากภาพกล้องวงจรปิด และรวมถึงมีการเดินสำรวจคลองและแม่น้ำใกล้กับหมู่บ้าน หลังจากได้รับเบาะแสว่ามีการทิ้งชิ้นส่วนมือของผู้ตาย จนกระทั่งไปถึงสะพานต้องสงสัยที่ใกล้กับหมู่บ้านมากที่สุด ซึ่งเป็นช่วงเวลาประมาณ 12.15 น. หลังจากที่มีการไปสำรวจจุดต้องสงสัย ทีมข่าวพร้อมกับชุดสืบสวนได้เดินทางไปที่เทศบาลบางพูน เพื่อไปดูกล้องวงจรปิดบริเวณจุดต้องสงสัย
จนกระทั่งพบวินาทีที่เห็นนายแซนเดินมาที่คอสะพาน ในคืนวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 04.43 น. จะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของนายแซนขี่มาจอดที่คอสะพานและมีการโยนสิ่งของบางอย่างลงไป ก่อนที่จะขับรถย้อนศรขึ้นริมฟุตบาท มุ่งหน้ากลับไปที่หมู่บ้านเพื่อที่จะห่อศพแล้วเอาไปทิ้งในเวลาต่อมา
หลังจากเห็นภาพกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้แล้ว จึงได้มีการประสานกู้ภัยและรวมถึงตำรวจชุดสืบสวนอีกชุดที่อยู่หน้างาน ลงพื้นที่ไปทำการตรวจสอบ จนกระทั่งพบถุงดำ ซึ่งไม่ได้ลงไปอยู่ในน้ำ แต่ติดคาอยู่บริเวณตลิ่งชัน ซึ่งเป็นชิ้นส่วนมือ 2 ข้างของผู้ตาย
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการไปบันทึกภาพห้องนอนของนายแซน พบว่า เป็นกองอุจจาระซึ่งคาดว่าเป็นของแมวที่นายแซนเลี้ยงไว้ อีกทั้งยังมีภาพภายในห้องน้ำ พบถุงดำซึ่งทางตำรวจคาดว่านายแซนชำแหละศพแฟนสาวภายในห้องน้ำแห่งนี้ แต่เพราะบ้านหลังดังกล่าวมีครอบครัวอาศัยอยู่ จึงทำได้แค่เพียงหั่นมือ แล้วขี่รถออกไปทิ้งที่คอสะพาน ก่อนจะนำร่างไปทิ้งที่กองขยะใต้ทางด่วน
จากนั้น ทีมข่าวมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดไทม์ไลน์เกี่ยวกับการก่อเหตุของนายแซนตั้งแต่ขี่รถมีศพของแฟนสาวอยู่ท้ายรถมอเตอร์ไซค์ มุ่งหน้าเอาไปไปทิ้งใต้ทางด่วน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดวานนี้ 5 มิ.ย. เวลาตั้งแต่ 05.29-05.33 น. จับภาพตั้งแต่เห็นนายแซนขี่รถออกจากหมู่บ้าน ยูเทิร์นที่ถนน รังสิต-ปทุมธานี จากนั้นเลี้ยวซ้ายเพื่อใช้ทางลัดภายในซอยชุมชนวัดบางพูล รอยต่อระหว่างเทศบาลตำบลบางพูน กับเทศบาลตำบลบ้านกลาง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพตั้งแต่เลี้ยวเข้า จนกระทั่งผ่านกล้องวงจรปิดในเขตเทศบาลอีกหลายตัว จนไปถึงบริเวณใต้ทางด่วนจุดทิ้งศพ
และภายหลังมีการนำศพของน้องหมิ๊งหมิงไปที่ใต้ทางด่วนและมีการอำพรางศพ โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 20 นาที ได้มีการขี่รถย้อนกลับมาตามเส้นทางเดิมเพื่อกลับไปที่หมู่บ้าน ก่อนไปกินยาพยายามฆ่าตัวตายตาม ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิด วันเดียวกัน 5 มิ.ย. เวลา 05.50-05.54 น. ตั้งแต่ใต้ทางด่วนย้อนกลับผ่านวัดบางพูน กลับมามาที่ถนนรังสิต-ปทุมธานี และมีการยูเทิร์นอีกครั้งเพื่อกลับเข้าไปภายในหมู่บ้าน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพตลอดเส้นทาง หลังมีการทิ้งศพและขับรถหนีกลับบ้าน
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้รับภาพจากแหล่งข่าว ซึ่งเป็นภาพในสตอรี่ของนายแซน เป็นภาพการทำพิธี มีการจุดเทียนบนผืนผ้าที่เขียนยันต์ตัวใหญ่ และนายแซนเองก็นั่งอยู่ บริเวณตรงทำพิธี พร้อมระบุข้อความว่า ณ เวลา 16.58 น. วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2023 คำสาปประดับพิเศษซาตาน แบบปรากฏตัว โดยมีการจุดเทียนทั้งหมด 10 เล่ม ลักษณะยันต์เขียนด้วยสีแดงบนผ้าขาว เป็นรูปคล้ายดาว แล้ววาดวงกลมล้อมรอบอีกทีหนึ่งด้วยสีแดง ซึ่งไม่รู้ว่าสีแดงนี้เป็นสีปกติหรือเป็นเลือดที่นำมาบูชาหรือไม่
อีกทั้งทีมข่าวยังได้เข้าไปดูช่อง TikTok และ YouTube ของนายแซน พบว่า ฆาตกรหนุ่มรายนี้เป็นคนที่ชื่นชอบแมวเป็นอย่างมาก และมักจะอัดคลิปทำเหมือนตัวเองรักแมว ดูแลแมว เก็บแมวมาเลี้ยงเป็นอย่างดี โดยนายแซนตั้งชื่อแมวตัวโปรดเป็นชื่อเดียวกับตัวเองคือ “แซน” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “ปิ๊ดปี๋” หรือ “ปี๋” รวมไปถึงยังมีคลิปที่นายแซน เล่นกับแมว โดยใส่เพลง แสดงถึงความรักว่า “มีหัวใจพิเศษ เอาไว้ให้กับคนพิเศษ”
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังพบว่าภายในช่อง YouTube ของนายแซนผู้ก่อเหตุ ในสมัยที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา เพื่อนยังได้เคยอัดคลิปเจ้าตัวนั่งหลับภายในชั้นเรียน ในคลิปจะได้ยินเสียงคุณครูวิชาแนะแนวได้ผู้สอนเกี่ยวกับการเลือกคณะที่ชอบ เพื่อจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการแนะนำถึงอนาคตของเด็กนักเรียนที่จะต้องเจอ แต่กลับพบว่า นายแซนไม่ได้มีความสนใจกับสิ่งที่คุณครูได้พูดแม้แต่น้อย แถมยังนั่งหลับหน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่เพื่อน ๆ คนอื่นนั่งฟังคุณครูอย่างตั้งใจ
ในขณะที่พี่ชายของนายแซน เปิดใจว่า ในช่วงที่เกิดเหตุตัวเองก็อยู่กับน้องชายและผู้เสียชีวิตด้วย ซึ่งได้ให้รายละเอียดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว ประเด็นที่ได้ยินหรือไม่ได้ยิน เสียงระหว่างเกิดเหตุให้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนฝ่ายครอบครัวของผู้เสียชีวิต พ่อของตัวเองได้พูดคุยและได้ขอโทษไปแล้ว แต่ในรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ทราบ ตนขอไม่พูด
นอกจากนี้ที่ผ่านมาเท่าที่อยู่กับแซน น้องและแฟนเป็นคนจิตใจอ่อนโยน เพราะมักจะเก็บแมวจรจัดมาเลี้ยง 5-6 ตัว ส่วนประเด็นลัทธิซาตานที่น้องเคยอัดคลิปทำพิธี ตัวเองคิดว่าน่าจะเป็นคอนเทนต์มากกว่า เขาก็หาทำของเขาไปเรื่อย ส่วนเรื่องการป่วย ยืนยันว่าป่วยจริง แต่ไม่รู้เป็นหนักแค่ไหน ก็ตามสภาพที่ทุกคนเห็น คิดว่าตำรวจน่าจะตั้งใจที่จะนำตัวน้องชายมาสอบปากคำและดำเนินคดีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องทะเลาะกันระหว่างน้องชายกับผู้ตาย เป็นเรื่องปกติ เพราะขนาดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ก็ยังสามารถนำมาทะเลาะกันได้ อาทิ ซักผ้า ส่วนเรื่องการใช้ความรุนแรงนั้น ตนไม่สามารถตอบได้เนื่องจากไม่ได้โตมาด้วยกัน อย่างไรก็ตามในเรื่องของการประกันตัวให้เป็นเรื่องหน้าที่ของครอบครัว
ขณะที่คุณพ่อของนายแซน ยอมเปิดใจเป็นที่แรกกับทีมข่าว ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นยอมรับผิดทุกอย่างซึ่งการกระทำของลูกชายก็การกระทำที่รุนแรง และยอมรับว่าไม่รู้ว่าลูกกินยาต่อเนื่องหรือไม่ แต่ลูกชายป่วยจริง ทั้งนี้อยากขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยากขอโทษสังคม ขอโทษครอบครัวผู้สูญเสียและเสียใจเป็นอย่างมาก จากนี้ก็พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและจะเยียวยาดูแลครอบครัวผู้สูญเสียให้ดีที่สุด
ส่วนกรณี ภาพที่มีการปรากฏออกไปเป็นลักษณะลูกชายกำลังทำพิธีบูชายันต์ โดยมีการจุดเทียนและมีสัญลักษณ์คล้ายกับการทำพิธีตามลัทธิความเชื่อบางอย่าง คุณพ่อระบุว่า ไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนและไม่เคยเห็นว่าลูกทำพิธีกรรมแบบนี้
ความคืบหน้า เวลา 18.20 น. หลังจากตำรวจคุมตัวมาที่ สภ.ปากคลองรังสิต พบว่า ครอบครัวของนายแซน คือ พ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน และนำของมาฝากเยี่ยมลูกชาย เป็นอาหาร คือ ไข่ตุ๋น ข้าวต้มหมู และน้ำเปล่า พอแม่เห็นนักข่าวได้พูดขึ้นมาว่า “ถ้าภาพหลุดออกไปจะฟ้อง” ก่อนจะเข้าไปพบพนักงานสอบสวน
ต่อมาเวลา 19.10 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการควบคุมตัวนายแซม ออกมาจากห้องขัง ในลักษณะของการหิ้วปีกออกมาเช่นเดิม โดยนายแซม ยังคงหลับตาในท่าทีสะลึมสะลือ นักข่าวได้สอบถามว่า "แซมไหวหรือเปล่า" นายแซมส่ายหัว นักข่าวยังคงสอบถามต่อว่า ฆ่าแฟนสาวเพราะอะไร ตัดมือทิ้งทำไม ก่อนหน้านี้เคยพูดหรือไม่ว่าหากจากกันต้องจากตายเท่านั้น พบว่าเจ้าตัวยังคงนิ่ง ไม่ตอบนักข่าว และยังหลับตลอดเวลา
สำหรับการนำตัวนายแซนออกมาจากห้องขังในครั้งนี้ เพื่อทำการปรึกษาทนายเป็นการส่วนตัวพร้อมกับครอบครัว โดยระหว่างที่มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัวนั้น ผู้สื่อข่าวสังเกตว่า ขณะที่แม่ของนายแซนได้ไถ่ถาม นายแซนได้พูดจาตอบกลับมาบ้าง พยักหน้าตอบรับ ส่ายหน้าบ้าง แต่ยังคงหลับตาอยู่เหมือนเดิม ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่า แม่มีการจับใบหน้าของลูกพร้อมทั้งใช้ภาพเช็ดหน้าให้ลูกชาย บางจังหวะมีการสะกิดให้ลูกลืมตาด้วย แต่ยังคงหลับตาเช่นเดิม เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา 2 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และอำพรางศพ
ขณะที่ทีมข่าวได้รับแชตที่น้องแจน หรือ หมิ๊งหมิง ผู้ตายส่งหาแม่ ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องการโอนเงินคืนแม่ โดนหมิ๊งหมิงบอกว่าจะโอนเงินคืนแม่ในวันที่ 10 นี้ เพราะว่าเป็นวันที่เงินเดือนแซนออก ซึ่งแม่ก็ได้บอกว่า “ถ้าไม่มีก็อย่าไปกวนมัน แม่ก็เกรงใจแจนเหมือนกัน” ซึ่งแจนก็ตอบแม่ว่า “แซนได้ติดเงินตนเองอยู่และยังไม่ได้คืนเงินที่ติดให้” และแจนยังบอกแม่ว่า “วันที่ 15 นี้จะไปทำงานพิเศษที่ร้านสะดวกซื้อ”
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2567 แจนยังได้ส่งข้อความไปหาแม่โดยบอกว่า “หนูน่าจะกลับไปแม่” ซึ่งแม่ก็ได้แชตถามว่า “มีอะไรเหรอแจน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่อยู่ตรงนี้นะแจน ถ้าจะมาบ้านแม่ก็มีงานทำทุกวันแล้วไม่ต้องกลัวนะ คนอย่างวรัญญา ไม่มีวันตกอับ” อีกทั้งยังมีแชตที่แจนคุยกับแม่เรื่องการสอบชิงทุน มีการส่งตารางเรียนให้แม่ดู รวมถึงแชตที่แจนบอกแม่ว่าถ้าเงินออกจะซื้อพัดลมแอร์ให้แม่ และยังมีการส่งสลิปโอนเงินให้แม่จำนวน 2,200 บาท ซึ่งแม่ก็ได้อวยพรให้แจนด้วย โดยข้อความสุดท้ายที่แจนคุยกับแม่คือเมื่อวันที่อังคารที่ 4 มิ.ย. 2567 แม่ส่งข้อความไปหาแจนว่า “วันนี้แม่ยังไม่ได้ส่งของนะ ตอนเช้าแม่จะไปถอนฟันเขาทำรากฟันแม่หัก แม่เลยไปผ่ารากที่ รพ.พรุ่งนี้ แม่ส่งให้ตอนนี้อย่างปวด” ซึ่งแจนได้ส่งข้อความหาแม่ว่า “หายไว ๆ นะแม่” จากนั้นในวันที่ 5 มิ.ย.67 (วันเกิดเหตุ) แม่ได้พยายามโทรหาแจนในเวลา 14.28 น. ก่อนที่ในเวลา 20.48 น. แม่ได้ส่งข้อความหาแจนโดยว่าบอกว่า “แจน แม่กำลังไปรับกลับบ้านเรานะลูก”
ขณะที่พี่สาวของ แจน หรือ น้องหมิ๊งหมิง ได้โพสต์ข้อความถึงฆาตกรว่า “จะด้วยเหตุผลอะไรมึงก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าน้องกู คนทั้งคนจิตใจมึงทำด้วยอะไร คำขอโทษสักคำก็ไม่มี ก็ให้มึงทรมานยิ่งกว่าน้องกู”
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้ตรวจสอบพฤติกรรมก่อนเกิดเหตุ โดยพบว่า นายธนากรณ์ หรือ แซน คนก่อเหตุ และนางสาววรัญญาหรือ หมิ๊งหมิง ซึ่งเป็นนักศึกษาปี 1 ทั้งคู่ ได้เดินทางมารายงานตัว เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเปิดภาคเรียน วันที่ 23 มิ.ย. นี้ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดในมหาวิทยาลัยดัง ย่านบางเขน จับภาพ นายแซน เป็นคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีน้องหมิ๊งหมิง คนตายนั่งซ้อนท้ายพากันเดินทางมาที่มหาวิทยาลัยดังกล่าว เพื่อที่จะรายงานตัว โดยสังเกตว่าจะมีช่วงหนึ่งที่ทั้งคู่แวะซื้อของ โดยฝ่ายชายขับรถมารับฝ่ายหญิงขึ้นซ้อนท้ายขี่รถออกไปจากร้านค้า และขับอยู่ภายถนนมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าไปที่หอประชุมเพื่อรายงานตัว
โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะเดินทางออกไปจากมหาวิทยาลัย ซึ่งมีช่วงหนึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพของน้องหมิ๊งหมิง คนตาย นั่งซ้อนท้าย ก้มมองพื้น ก้มหน้าตลอดไม่ได้มีการเงยหน้าขึ้นมา โดยเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่เห็นทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกัน และจากข้อมูลเพิ่มเติม หลังจากที่ทั้งคู่เข้ามารายงานตัวก่อนเปิดภาคเรียน เป็นช่วงเช้า ของวันที่ 31 พ.ค. น้องหมิ๊งหมิง คนตาย มารายงานตัว ในภาควิชาสาขา “ภาษาจีน” ส่วนนายแซนมารายงานตัวในภาควิชาสาขา “เทคโนโลยีอาหาร และความเป็นผู้ประกอบการสมัยใหม่”
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถาม นางชัญญา หรือ แม่ดาว แม่ของน้องแจน หรือ หมิ๊งหมิง เปิดเผยว่า ทุกวันน้องแจน จะแชตมาคุยให้ฟังว่าในแต่ละวันทำอะไรไปบ้างคุยกับแม่ทุกวันทุกวัน แบบคิดถึงแม่แต่จะไม่พูดเรื่องที่ทำให้แม่ไม่สบายใจ แต่ถ้ามีเรื่องอะไรหนักก็จะบอกพี่สาว เหมือนเหตุการณ์วันที่ 12 เขาไม่บอกแม่ ว่าถูกจับมัดมือมัดเท้าเขาบอกแม่แค่ว่าหนูน่าจะกลับบ้านแม่ก็ถามว่าแจนเป็นอะไรไหม เพราะปกติจะไม่กลับบ้าน แม่ก็เลยตอบไปว่าแม่อยู่ตรงนี้นะ เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกเราโดนจับมัดมือมัดเท้า คิดว่าคงงอนกันกับนายแซน เพราะเป็นปกติที่เขาคุยกันก็งอนกันบ้าง
ส่วนนายแซนเจอแม่ที่อุตรดิตถ์เท่าที่ได้สัมผัส ก็เป็นเด็กน่ารักพูดจาดี พูดจาเพราะ เหมือนเด็กที่ได้รับการอบรมมาดีเรียก “แม่ครับผมรักลูกสาวแม่ครับ”และบอกว่า “แม่ครับบอกแจนอย่าทิ้งผมนะครับ” นิสัยน่ารัก ซึ่งแม่อยู่กับเขาแค่เป็นบางครั้งจึงไม่รู้ว่านิสัยลึก ๆ เขาเป็นอย่างไร นายแซนบอกว่าจะตั้งไจเรียนแล้วจะไปเรียนต่อกับหมิงและทำงานจะขอหมิงแต่งงาน โดยส่วนตัวลูกสาวแม่เป็นคนทำงานหนักเอาเบาสู้ แจนก็ขยันหาเงิน ส่วนแซนบ้านเค้ามีฐานะแต่ก็ยังไปทำงานพาร์ตไทม์ไปขายนมตามสี่แยกไฟแดง เพื่อหารายได้เสริม
ส่วนประเด็นอาการป่วย แม่มองว่า เป็นแค่ข้ออ้างที่เขาไม่อยากรับผิด หรือเพื่อที่จะไม่ต้องรับโทษอะไรทั้งสิ้น เรื่องนี้แม่ก็กังวลเช่นกัน ส่วนกรณีที่นายแซนไปก่อเหตุกับเด็ก 13 แม่ก็เพิ่งรู้เพราะถ้ารู้มาก่อนก็คงไม่ให้คบกัน ลูกเราเป็นคนดีเป็นเด็กดีมาตลอด แต่ต้องมาถูกทำร้ายแบบนี้และนำทิ้งในกองขยะแบบนี้มันไม่ใช่ ลูกเราตัวเล็กนิดเดียว จะมีแรงอะไรไปสู้กับผู้ชายตัวใหญ่
นอกจากนี้ แม่ยังเปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า แม่มองว่าการที่อ้างป่วยเรื่องจิตเวชเป็นการปัดความรับผิดชอบมันไม่แมน เอะอะก็บอกว่าป่วยที่ทำเพราะป่วย แม่มองว่าตอนที่ก่อเหตุเขาคงหึงจริงและทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ สิ่งที่บ่งบอกว่าหึงเพราะลูกสาวบอกบ่อย ๆ ระยะหลังตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ว่านายแซนขี้หึงและทำพฤติกรรมไม่ดีตามราวี และวันที่ 12 พฤษภาคม ลูกก็อยากกลับบ้าน และเชื่อว่าเขาคงง้อลูกและด้วยความที่เขาปากหวาน ลูกคงยอมเชื่อและยังอยู่ด้วยกันต่อ และอีกอย่างหนึ่งคือลูกอยากเรียนมหาวิทยาลัย จึงยอมอยู่กับเขา เพราะเงินค่าเทอมเขาเอาไปหมดแล้ว และลูกก็หาเงินไปจ่ายค่าเทอม และที่สำคัญ ลูกแม่คงคาดไม่ถึงว่านายแซนจะทำแบบนี้คิดว่าแค่เป็นคำขู่
ส่วนนิสัยส่วนตัวของลูกสาว เป็นคนมุ่งมั่นทะเยอทะยานและยังเคยส่งแชตมาเล่าให้ฟังว่าสอบชิงทุนและอาจจะได้ทุนไปเรียนต่างประเทศ ซึ่งตอนนั้นแม่ก็รู้สึกลูกมุ่งมั่น เป็นคนดีและดูแลแม่ดีมาก แจนรับผิดชอบตัวเองและไม่เคยทำให้แม่ลำบากใจเสียใจ แจนจะบอกเสมอว่าแม่อย่าอดนะ หนูรักแม่หนูรักน้อง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกสาว แม่อยากบอกว่า “แม่สงสารลูกมากเพราะอยากเห็นลูกมีอนาคตที่ฝันไว้อยากเห็นอนาคตลูก ๆ เป็นคนดีเจริญเติบโตก้าวหน้า ลูกเราไม่ใช่คนเลวร้ายแต่ต้องมาโชคร้าย” ส่วนนายแซน คนก่อเหตุ หากเจอหน้า
แม่อยากถามว่า “คิดอะไรมันคืออะไรลูกเราดีด้วยขนาดนี้ แต่ทำไมถึงทำกันได้ทำไมจิตใจอำมหิตเกินมนุษย์”
ส่วนแจนลูกแม่ที่จากไปแล้ว หากแจนรับรู้ได้แม่อยากบอกแจนว่า แม่เสียใจที่แม่ไม่สามารถยื้อหรือช่วยลูกไม่ให้เกิดอันตรายได้ แม่รู้สึกเสียดาย เสียใจ และที่ลูกต้องมาเจอสิ่งโหดร้ายเกินไป ลูกเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ แต่ต้องมาเจอสิ่งมันไม่สมควรต้องเจอสิ่งเหล่านี้
ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนของนายแซนผู้ก่อเหตุ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งจะเรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 มาได้ไม่ถึง 1 ปี เราได้พูดคุยกับคุณครูภายในโรงเรียน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า บรรดาคณะครูและเด็กนักเรียนในโรงเรียนได้ทราบข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ทุกคนต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าลูกศิษย์จะไปก่อเหตุฆ่าโหดสะเทือนขวัญขนาดนี้ โดยพวกตนเองไม่ได้สอนเด็กโดยตรง แต่มักจะเห็นทั้งนายแซน คนก่อเหตุ และน้องที่ตายมากินข้าวและเดินอยู่ภายในโรงเรียนอยู่เป็นประจำ
ซึ่งดูจากภายนอกนายแซนก็ดูเด็กปกติทั่วไป แต่จะมีพฤติกรรมค่อนข้างเงียบ ไม่ได้มีเพื่อนมากมาย และจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับผู้ตาย นั่งมอเตอร์ไซค์มาโรงเรียนด้วยกัน จะเดินไปไหนมาไหนก็มักจะมีแฟนสาวซึ่งเป็นผู้ตายเดินอยู่ด้วยกันตลอด นั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ตลอดในโรงอาหาร ตัวแทบจะติดกัน
ซึ่งทุกคนไม่คิดว่านายแซนจะไปทำกับแฟนสาวได้ขนาดนี้ ส่วนชีวิตของฝ่ายหญิงจากที่ตนเองสังเกตพบว่า เป็นเด็กเรียนดี แต่ฐานะยากจน หลังจากเลิกเรียนส่วนใหญ่น้องจะเป็นเด็กที่ขยันทำมาหากินมาก เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่เลิกเรียนเสร็จก็จะกลับบ้าน แต่เด็กผู้ตายกลับเลิกเรียนแล้ว มักจะเดินทางไปขายยาคูลแถวสามแยกไฟแดง ไม่ไกลจากโรงเรียนเพื่อหารายได้เสริม ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาถูกทำร้ายจากฝีมือแฟนหนุ่มแบบนี้
ทีมข่าวช่องแปดได้รับภาพวงจรปิดตอนที่นายแซนก่อเหตุกับเด็กหญิงวัย 13 ปี เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ต่อเนื่องวันที่ 31 ธันวาคม โดยภาพแรกจะเห็นว่า นายแซนขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาการเคหะมายังตึกที่เด็ก 13 ปีพักอาศัยอาศัยอยู่ ภาพที่สองจะเห็นน้อง 13 ปี ลงมาพบกับนายแซน โดยน้องใส่ชุดกางเกงขายาว เสื้อยืดคล้ายกับชุดนอน และ ยืนรอนายแซนอยู่ ต่อมาจะเห็นว่านายแซมเมื่อเจอหน้ากับน้องวัย 13 ปี ก็กระโจนเข้าไปต่อยหน้าน้องทันทีจนล้มลง และก็กระทืบจนน้องได้รับบาดเจ็บและสลบไป ซึ่งภาพตอนกระทืบนั้นเป็นมุมอับกล้องไม่สามารถส่องไปถึง
จากนั้นนายแซนก็เดินวนเวียนอยู่บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ของการเคหะ ซึ่งเป็นจุดที่ทำร้ายเด็กวัย 13 ปี หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปกระชากเด็กวัย 13 ปี แล้วพยายามดึงให้เดินไปที่ป่าข้างตึก ซึ่งเป็นมุมอับและเปลี่ยว จุดนี้นายแซนลงมือก่อเหตุอนาจารน้องและต่อยเตะตีจนเด็ก วัย 13 ปีได้รับบาดเจ็บและเริ่มมีอาการเดินเซไม่ไหว
จากนั้นนายแซนก็บังคับให้น้องขึ้นรถจักรยานยนต์ไปด้วย โดยให้น้องนั่งข้างหน้าแล้วนายแซมเป็นคนขับ ออกไปจากการเคหะ จนกระทั่งไปประสบเหตุ และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแม่ จึงรอดชีวิตมาได้ ซึ่งขณะเกิดเหตุนั้นนายแซนอยู่ชั้น ม.5
ล่าสุดทีมช่อง 8 พบผู้เสียหายจากการกระทำของนายแซน เคยไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายและอนาจารเด็กหญิง 13 ปีเมื่อปี 2567 ทีมข่าวพูดคุยกับคุณสุกัญญา (นามสมมติ) แม่ของผู้เสียหาย เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นกับลูกสาวตนเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2565 ต่อเนื่องวันที่ 31 โดยลูกสาวได้ไปรู้จักนายแซนและหมิ๊งหมิงเพราะหาอาชีพเสริมขายนมตามสี่แยก แต่ตำรวจมาเตือนไม่ให้ลูกตนทำงานเพราะอายุยังน้อยอยู่จึงหยุดทำงาน แต่ตอนนั้นลูกได้สั่งซื้อโทรศัพท์กับนายแซนในราคา 800 บาท และได้จ่ายไปแล้ว 300 บาท เหลืออีก 500 บาท โดยหมิ๊งหมิง ผู้เสียชีวิต ได้แชตมา ทวง เงินโดยใช้โทรศัพท์ของหมิ๊งหมิงแชตมาหา ทำให้เชื่อว่าลูกสาวกำลังคุยกับหมิ๊งหมิงอยู่ แต่มารู้ที่หลังว่าที่จริงเป็นการคุยกับนายแซน
โดยในแชตมีการระบุให้น้องผู้เสียหายเดินลงมาพบที่ใต้ตึกการเคหะที่พักอยู่ เพื่อเคลียร์เงิน 500 บาทที่ติดค้าง ว่าจะดำเนินการเช่นไร แต่พอมาถึงนายแซนกระโจนเข้าใส่เด็กวัย 13 ปี แล้วต่อยจนเซล้ม จากนั้นก็ตามไปกระทืบซ้ำจนน้องสลบไป จากนั้นกล้องวงจรปิดจับภาพนายแซนเดินวนเวียนอยู่แถวที่น้องสลบซึ่งเป็นลานจอดรถจักรยานยนต์ของการเคหะตึกนั้น พอน้องเริ่มรู้สึกตัวนายแซนก็เข้าไปกระชากลากตัวเดินออกไปจากจุดลานจอดรถจักรยานยนต์ ไปที่ป่าข้างตึกโดยตอนนั้นสภาพของเด็ก 13 ปี มีอาการเดินเซและได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า จากนั้นนายแฟนก็พาเข้าไปที่มุมตึก ก่อเหตุอนาจารเด็กวัย 13 ปี และบังคับให้เด็กวัย 13 ปี ขึ้นรถจักรยานยนต์ไปด้วยโดยให้นั่งหน้ารถแล้วนาย แซนเป็นคนขับ โดยบอกว่าจะพาไปใต้ดินซึ่งไม่รู้ว่าคืออะไร
คุณแม่ เล่าต่อว่า ลูกสาวหวาดกลัวอย่างมากแต่ไม่มีทางสู้ อีกทั้งร่างกายสะบักสะบอมเพราะถูกเตะต่อยกระทืบมาอย่างหนักจึงยอมนั่งรถจักรยานยนต์ไปกับนายแซน และขับไปบนถนนสายไหมจนถึงหน้าร้านอาหารที่แม่เคยทำงาน เด็ก 13 ปีจึงตัดสินใจปัดมือนายแซนออกจากคันเร่ง แล้วบิดคันเร่งเองทำให้รถเสียหลักล้มแล้วพยายามวิ่งไปหาเพื่อนแม่ขอความช่วยเหลือ ส่วนนายแซนตอนนั้นคนกำลังเข้ามาช่วยกลับบอกว่าเรื่องผัวเมีย ไม่มีอะไร แล้วก็ขับรถหนีออกไป
ซึ่งการที่เด็กวัย 13 ปี ลงไปหานายแซนในยามวิกาลนั้น เพราะเชื่อว่านายแซนคือน้องหมิ๊งหมิง ผู้เสียชีวิต เพราะแชตที่คุยกันเป็นแชตของน้องหมิ๊งหมิง นอกจากนี้ยังมีการชวนให้ไปทำงานเป็นผู้ช่วยในคลินิกทันตแพทย์ โดยได้ค่าจ้างวันละ 400 บาท และนัดให้น้องลงมาคุยเรื่องนี้เพื่อจะได้มีเงินมาจ่ายค่ามือถือที่ค้างอยู่ 500 บาท เด็กวัย 13 ปี จึงเชื่อ
โดยมีการแชตข้อความระหว่างเด็ก 13 ปีกับนายแซนซึ่งใช้แชทของหมิงหมิงเป็นคนตอบโต้กับเด็กวัย 13 ปี
แชทสนทนา น้อง...งับ พี่มีงานให้ทำเป็นผู้ช่วยถือของในคลินิก แค่ช่วยถือของหยิบของให้พี่ในคลินิก ทำงาน 5 ชั่วโมงงับ ถ้าสนใจพรุ่งนี้พี่ขอเข้าไปคุย เรื่องงานที่ทำหน้าหอ หนูจะช่วงสามทุ่ม พี่เลิกงานเวลานั้น ทางด้านเด็กวัย 13 ปีตอบแชตว่า หนูต้องขอโทษพี่หมิงด้วยนะคะ หนูลงไปไม่ได้จริง ๆ พ่อกับแม่หลับแล้ว กลัวตัวเล็กตื่นค่ะ พี่โทร. คุยแทนได้ไหมคะ
นายแซน ซึ่งใช้แชตของหมิงตอบกลับข้อความว่า แต่พี่อยู่ตรงตึกหนูแล้ว กำลังเดินเข้ามากลับยังไม่ได้กลับเลยพี่ตรงมาหาหนูเลย เด็ก13 ตอบ เดี๋ยวขออนุญาตแม่ก่อนนะคะ แม่หลับเดี๋ยวหนูขอก่อนนะคะ พี่อยู่ตรงไหนคะ นายแซนตอบว่า กำลังตรงไปตึกหนู เด็ก 13 ตอบว่าโอเคค่ะ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ถูกทำร้ายร่างกายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หลังเกิดเหตุไปแจ้งความที่ สน.คันนายาว และไปขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างชั้นศาลโดยศาลนัดแรกได้มีการสืบพยานไปแล้วหนึ่งนัด และนัดที่สองคือวันที่ 28 สิงหาคม นี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม่สุกัญญาบอกว่า เป็นสิ่งเลวร้ายในชีวิตเพราะส่งผลกระทบกับสภาพจิตใจของลูกเด็กวัย 13 ปีต้องมาเจอกับเรื่องเลวร้าย และครอบครัวของเราก็มีปัญหาทางสภาพจิตเช่นกัน ทุกวันนี้น้องต้องเข้าสู่การบำบัดสภาพจิตเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด กับเงินแค่ 500 บาท หากนายแซนจะเอาเงิน จะเอาทำไมไม่มาบอกแม่ แม่ก็รู้จักกับนายแซน เพราะแต่ก่อนบ้านก็อยู่สายไหม เรียนโรงเรียนเดียวกันกับลูก ทำไมถึงทำกันขนาดนี้
ส่วนการก่อเหตุที่บอกว่ามีอาการป่วย แม่เชื่อว่าเขาป่วยจริง เพราะมีอาการตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว แต่แม่อยากรู้ว่าเขาอป่วยควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ทำไมทางครอบครัวไม่ดูแลให้ดี แม่เชื่อว่าหากมีการดูแลให้ดี ผู้ป่วยก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น เมื่อทราบข่าวการฆาตกรรมน้องหมิ๊งหมิง ก็ตกใจและเชื่อเลยว่าการกระทำของนายแซน ส่วนหนึ่งมาจากอาการป่วย