จากกรณีที่มีสมาชิก TikTok รายหนึ่งได้มีการโพสต์เรื่องราวของลูกชายที่ชื่อ น้องโก๊ะ อายุ 11 ขวบ เผยถึงลักษณะความสามารถพิเศษของ น้องโก๊ะ ที่ได้มีการกล่าวอ้างว่ามีดวงตาที่สาม คือ สามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ขณะที่ใช้ผ้าปิดตาทั้งสองข้างไว้ และมีการโพสต์คลิปทำกิจกรรมหลายอย่าง เพื่อพิสูจน์ดวงตาที่สามของน้องโก๊ะ
อาทิ ในโพสต์แรกทางพ่อของน้องโก๊ะ ได้มีการให้เพื่อนเข้ามาพิสูจน์น้องโก๊ะ ด้วยการใช้ผ้าปิดตาน้องโก๊ะทั้งสองข้าง และได้มีการให้น้องโก๊ะตอบว่า ผู้ที่ทดสอบได้ชูจำนวนนิ้วทั้งหมดกี่นิ้ว ซึ่งไม่ว่าจะให้น้องโก๊ะตอบกี่ครั้ง น้องก็สามารถตอบได้ถูกต้องทั้งหมด ส่วนคลิปที่สองผู้ทดสอบได้หยิบธนบัตรขึ้นมาหนึ่งใบ จากนั้นให้น้องโก๊ะปิดตาทั้งสองข้าง แล้วทายตัวเลขและตัวอักษรบนธนบัตร ซึ่งน้องโก๊ะก็สามารถตอบได้ และตรงหมดทั้งตัวเลข ทั้งตัวอักษร จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ยังมีการให้น้องโก๊ะปิดตาทั้งสองข้าง และให้ขี่รถจักรยานตามเส้นทาง ซึ่งน้องโก๊ะก็สามารถขี่รถจักรยานได้โดยไม่ชนสิ่งกีดขวาง และสามารถไปตามเส้นทางได้โดยตลอด อีกทั้งยังมีการให้น้องโก๊ะแยกธนบัตรต่าง ๆ โดยที่นำธนบัตร ซึ่งมีใบละ 20 บาท ใบละ 100 บาท ใบละ 500 บาท และใบละ 1,000 บาท กองรวมกันไว้ลักษณะปนกัน ซึ่งในขณะที่น้องโก๊ะปิดตาทั้งสองข้าง ก็สามารถแยกธนบัตรจากกันได้อย่างถูกต้องทั้งหมด
และในเรื่องที่น่าแปลกใจอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ เมื่อนำน้องโก๊ะไปร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งต้องสั่งอาหารผ่านทางแท็บเล็ต น้องโก๊ะก็สามารถปิดตาทั้งสองข้าง และเลือกอาหารที่สั่งได้อย่างถูกต้องทั้งหมด
ล่าสุดในวันนี้ (7 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวได้เดินทางเข้าไปพบกับน้องโก๊ะและครอบครัว เพื่อพิสูจน์กรณีดังกล่าวว่าเป็นความสามารถพิเศษของน้องโก๊ะ ตามที่ได้มีการโพสต์ลง TikTok จริงหรือไม่ จากนั้นทีมข่าวจึงได้ประสานไปที่ นายณัฐกร อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นคุณพ่อของ ด.ช วชิรวิทย์ หรือน้องโก๊ะ จึงได้สอบถามเกี่ยวกับลูกชาย คุณพ่อได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า จากกรณีดังกล่าวที่น้องโก๊ะมีความสามารถพิเศษนั้น ตนได้ทราบแต่ไม่ชัดเจนมาตั้งแต่น้องโก๊ะยังเล็กแล้ว แต่ในตอนนั้นตนก็ไม่มั่นใจ ซึ่งความสามารถนี้มาชัดเจนมากที่สุดก็เมื่อช่วงห้าเดือนที่แล้ว โดยในช่วงแรกตนได้สัมผัสและเห็นว่าน้องโก๊ะมีความสามารถนี้ ก็เพราะว่าน้องโก๊ะได้ใช้ผ้าปิดตา และเล่นกับน้องของเขาด้วยการทายสีต่าง ๆ ซึ่งในระหว่างนั้นตนก็แอบมองก็พบว่าน้องโก๊ะทายได้ถูกทั้งหมด
ตนจึงเริ่มให้ความสนใจกับความสามารถพิเศษดังกล่าว และได้พัฒนาฝึกฝนน้องโก๊ะมาเรื่อย ๆ ในลักษณะให้เกิดความเคยชิน และทำให้สมาธิแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น จนกระทั่งมีความเชี่ยวชาญและสามารถทำได้อย่างแม่นยำ ตนจึงได้เปิดเผยความสามารถดังกล่าวของน้องโก๊ะออกทางสื่อ
ทั้งนี้ในกรณีดังกล่าวที่น้องโก๊ะมีความสามารถนั้น ตนใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์อ้างอิงทั้งหมด และไม่ได้ใช้เกี่ยวกับทางด้านไสยศาสตร์มาอ้างอิงเลย เพราะสังคมในตอนนี้กระแสโซเชียลก็แรงมาก และนอกจากนี้ถ้าเปิดเผยอะไรแบบนี้หรือทำอะไรแบบนี้ลงไปโดยที่ไม่มั่นใจกระแสสังคมก็จะตอบโต้อย่างรุนแรง ซึ่งในกรณีดังกล่าวก็อยากเปิดเผยให้สังคมได้รู้ถึงความสามารถพิเศษของน้องโก๊ะ และอยากให้รู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีอยู่จริง
นอกจากนี้น้องโก๊ะก็ยังมีความสามารถอื่น อย่างเช่น มองเห็นอะไรที่อยู่ไกลในลักษณะ เป็น 100 ถึง 200 กิโลเมตร ก็ยังเห็นอยู่ได้ แต่น้องโก๊ะจะต้องรู้จักและสัมผัสกับคนนั้นก่อน จึงจะสามารถเห็นได้ อีกทั้งยังสามารถอ่านจิตใจของคนอื่นได้ แต่ในทุกเรื่องนั้นความแม่นยำก็จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมันก็จะมีอยู่อุปสรรคอื่น ๆ และขึ้นอยู่กับความฝึกฝนของตัวน้องเอง ตนอยากให้สังคมมองไปในแง่ความบันเทิง ในด้านความสามารถพิเศษของน้องโก๊ะมากกว่า ซึ่งการเปิดเผยในลักษณะนี้ตนก็ไม่ได้นำมาเพื่อหารายได้แต่อย่างใด และไม่ได้มาทำให้คนอื่นเข้ามางมงาย แต่ก็อยากให้มองในแบบ ใช้วิจารณญาณ
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น้องโก๊ะ ซึ่งทางด้านคุณพ่อของน้องโก๊ะ ได้อนุญาตให้ทีมข่าวสัมภาษณ์และเปิดเผยของโก๊ะออกสื่อได้ โดยไม่ต้องมีการปิดบังแต่อย่างใด โดยน้องโก๊ะได้บอกกับทีมข่าวว่า ในขณะที่ตนปั่นจักรยานพุ่งเข้ามาหานักข่าว โดยที่มีผ้าปิดตาอยู่สามชั้นนั้น ตนได้เห็นว่านักข่าวยืนอยู่บริเวณกลางถนนตั้งแต่ช่วงที่ตนกลับรถ ซึ่งห่างจากจุดดังกล่าวประมาณ 200 เมตร โดยตนเห็นเป็นภาพเหมือนมองผ่านด้วยตาทั้งหมด และจะเป็นภาพที่สว่างกว่าภาพปกตินิดหน่อย ในส่วนเรื่องของสีสันก็จะเป็นเหมือนภาพจริงทั้งหมด
นอกจากนั้นตนยังสามารถถ่ายสิ่งต่าง ๆ ขณะที่ปิดตาอยู่ได้ทั้งหมด ซึ่งอาการลักษณะนี้ตนเห็นชัดเจนเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกตนก็รู้สึกตกใจ ว่าตนเป็นอะไรจึงได้พูดคุยกับพ่อ และได้มีการฝึกฝนสมาธิให้ดียิ่งขึ้น จนกระทั่งมีความเคยชิน และเห็นภาพต่าง ๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้การไปโรงเรียนบางครั้ง การคุยกับเพื่อนก็จะมีเพื่อนที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ตนก็เป็นกังวลในเรื่องนี้ แต่หลังจากนี้ตนก็คิดว่ามันน่าจะดีขึ้น และมีคนเข้าใจมากยิ่งขึ้น ทางนี้ก็อยากจะขอให้คนที่เข้ามาแล้ววิพากษ์วิจารณ์ ก็อยากให้ชมความสามารถของตนแล้วลองพิจารณาดู
หลังจากนั้นทางด้านคุณพ่อได้ให้น้องโก๊ะขี่รถจักรยานด้วยการปิดตาด้วยผ้าปิดตาจำนวนสามชั้น ให้ทีมข่าวได้ดูความสามารถ โดยให้น้องโก๊ะขี่รถจักรยานพุ่งเข้ามาที่บริเวณผู้สื่อข่าวยืนอยู่ ห่างจากจุดที่ยืน 10 เมตร น้องโก๊ะก็ได้ชะลอรถจักรยาน และหยุดรถตรงหน้าที่ผู้สื่อข่าวยืนอยู่ โดยในขณะนั้นน้องโก๊ะได้ปิดตาด้วยผ้าปิดตาทั้งสามผืน ก็ถือว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่น้องโก๊ะสามารถมองเห็นได้ทั้งที่ปิดตาด้วยผ้าปิดตา
อีกทั้ง ทีมข่าวได้ทดลองพิสูจน์ความสามารถของ น้องโก๊ะ และให้น้องโก๊ะใช้ผ้าปิดตาของน้องโก๊ะเอง ซึ่งก่อนที่จะทดสอบทีมข่าวได้นำผ้าปิดตาดังกล่าวมาตรวจสอบ ก็พบว่าเป็นผ้าปิดตาลักษณะปิดทึบ และบริเวณบริเวณด้านในจะมีฟองน้ำซับระหว่างดวงตา และมีผ้าปิดกั้นบริเวณดั้งจมูก
จากนั้นทีมข่าวสร้างสถานการณ์ขึ้นมา โดยการนำสิ่งของจำนวนสี่อย่างใส่ไว้ในกระเป๋า ซึ่งเป็นกระเป๋าที่มีลักษณะปิดทึบสีดำ และหลังจากนั้นได้เตรียมเสื้อคลุมสีดำเพื่อไปคลุมทับ ทั้งหัวเพื่อปิดตาน้องโก๊ะอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งสิ่งของสี่อย่างด้านในก็จะมี แว่นตากันแดด โทรศัพท์มือถือ กรรไกรตัดเล็บ และพวงกุญแจ โดยหลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้เข้ามาขออนุญาตคุณพ่อขอน้องโก๊ะ และได้ทำการให้น้องโก๊ะใช้ผ้าปิดตาจำนวนสามชั้นซึ่งเป็นของน้องโก๊ะเอง และทีมข่าวได้นำผ้าคลุมซึ่งเป็นลักษณะเสื้อคลุม คลุมที่หัวของน้องโก๊ะอีกชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้นำกระเป๋าขึ้นมา และให้น้องโก๊ะบอกว่าด้านไหนมีสิ่งของอะไรอยู่บ้าง
ซึ่งในขณะนั้น น้องโก๊ะได้ตอบว่าภายในกระเป๋านั้นมีลักษณะเป็นของใช้ บัตรที่เป็นลักษณะเหมือนการ์ด และหวีที่ไว้ใช้สำหรับหวีผม ซึ่งในขณะที่น้องโก๊ะได้ทายนั้น ทางด้านคุณพ่อและครอบครัวก็ได้ยืนอยู่ด้วย และได้มีการพยายามสอบถามน้องโก๊ะว่านอกจากนั้นเห็นอะไรหรือไม่ ซึ่งน้องโก๊ะได้ตอบว่ามีเพียงเท่านี้
โดยหลังจากนั้นทีมข่าวจึงได้เปิดกระเป๋าดังกล่าวให้ทางด้านน้องโก๊ะและคุณพ่อได้ดู ว่าด้านในมีสิ่งของอะไรอยู่บ้าง โดยหลังจากที่ได้ทราบว่าด้านในมีสิ่งของอะไรอยู่ ทางด้านน้องโก๊ะก็ได้บอกว่า สิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นบัตรก็คือโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมันเป็นลักษณะสี่เหลี่ยม และสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นวีนั้น ก็คือแว่นตากันแดด ซึ่งทางด้านคุณพ่อก็ได้พูดเสริมขึ้นมาว่า โดยปกติคุณพ่อจะนำแว่นตากันแดดไปคาดที่หัว ซึ่งคาดว่าน้องโก๊ะจะเข้าใจว่านั้นคือหวี และอีกสองอย่างก็คือของใช้ที่น้องโก๊ะไม่สามารถเรียกถูก แล้วน้องโก๊ะได้บอกว่าเป็นลักษณะเหมือนของใช้ ก็คือกรรไกรตัดเล็บ และพวงกุญแจ
ซึ่งทางด้านพ่อของน้องโก๊ะ ได้อธิบายภายหลังว่า ในการมองเห็นของน้องบางครั้งก็จะเห็นเป็นลักษณะรูปทรง โดยไม่เห็นสิ่งของต่าง ๆ นั้นอย่างชัดเจน ซึ่งจะเป็นการเอ็กซเรย์ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งของดังกล่าวนั้นคืออะไร