ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (7 มิ.ย. 2567) หลังตำรวจได้ควบคุมตัวนายแซน อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพนางสาวแจน หรือ หมิ๊งหมิง อายุ 19 ปี แฟนสาว ก่อนตัดมือโยนทิ้งริมคลองเชียงราก และนำศพไปโยนทิ้งใต้ทางด่วน มาที่ สภ.ปากคลองรังสิต แล้ว




ต่อมาเวลา 09.20 น. พนักงานสอบสวน พร้อมกับเจ้าหน้าที่อาสากู้ชีพร่วมกตัญญู ได้ควบคุมตัวนายแซน ผู้ต้องหาไปส่งศาลฯ ฝากขังผลัดแรก ที่ศาลจังหวัดปทุมธานี หลังนายแซนถูกดำเนินคดีใน 4 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา , ซ่อนเร้นอำพรางศพ , เคลื่อนย้ายศพ และเคลื่อนย้ายศพก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง โดยทางพนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวท้ายคำร้องก่อนขอฝากขัง เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และเป็นคดีอุกฉกรรจ์ เกรงว่าหากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวอาจจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรืออาจจะกระทำอัตวินิบาตกรรม (ฆ่าตัวตาย) ได้ จึงสมควรที่จะได้รับการฝากขังเพื่ออยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่อย่างใกล้ชิด


โดยในระหว่างที่ควบคุมตัวนายแซน มีลักษณะคล้ายกับคนหลับ ไม่รู้ตัว จนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดต้องหิ้วปีกออกมา ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา ในระหว่างนั้น ทีมข่าวพยายามสอบถามว่าอยากจะขอโทษคนตายหรือครอบครัวของคนตายหรือไม่ แต่นายแซนปิดปากเงียบ หลับตา และไม่ตอบคำถามใด ๆกับสื่อมวลชน




ขณะที่ครอบครัวของผู้ต้องหา ทั้ง พ่อ แม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ ก็ยืนดูเหตุการณ์อยู่ โดยมีช่วงจังหวะหนึ่ง หน้าห้องขัง ก่อนที่น้องชายจะขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา สังเกตเห็นว่าพี่ชายได้ไปกระแทกกลางวงสื่อก่อนจะเข้ามาอุ้มผู้ช่วยช่างภาพช่องหนึ่ง ไม่ให้เข้าไปเบียดกับน้องชาย ซึ่งบอกว่า “น้องเดินไม่ได้” ก่อนทั้งคู่จะมีปากเสียงกัน ทำให้ผู้เป็นพ่อเห็นต้องเข้ามายกมือไหว้ขอโทษ




ขณะที่ครอบครัวของนายแซน เมื่อช่วงเช้าก่อนจะนำตัวนายแซนไปฝากขัง ทางครอบครัวของนายแซน ได้แก่ พ่อ , แม่ , พี่ชายของนายแซน และแฟนพี่ชายของนายแซน ได้เดินทางนำของมาเยี่ยมนายแซน ประกอบไปด้วย เสื้อยืดสีเทา , กางเกงขาสั้นสีดำ , กางเกงใน , น้ำยาบ้วนปาก , ทิชชู่เปียก และผ้าชุบน้ำสำหรับเช็ดตัว จากการสังเกตเห็นว่ามีบางจังหวะที่ครอบครัวของนายแซนเข้าเยี่ยมในห้องผู้ต้องขัง แม่ของนายแซนถึงขั้นเข่าทรุดนั่งร้องไห้ จนพ่อนายแซนต้องช่วยกอดปลอบระหว่างการเยี่ยมพูดคุยกับนายแซนในห้องผู้ต้องขัง พบว่า นายแซนมีสติตื่นจากการนอน และรับประทานอาหารได้ตามปกติ แต่กินได้แบบเลอะเทอะ


หลังจากเข้าเยี่ยมนายแซนประมาณ 30 นาทีแล้ว พ่อของนายแซน ได้เดินออกมาจากห้องขังเพื่อไปเข้าห้องน้ำ โดยทีมข่าวคอยซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณพ่อยกมือไหว้ตลอดเวลา พร้อมกับพูดว่า "ผมขอโทษ ๆ ขอโทษแทนทุกคน ผมไม่ได้อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ผมขอโทษรู้สึกผิด และได้มีโอกาสพูดคุยกับฝั่งคู่กรณีแล้ว ส่วนเรื่องลัทธิซาตานนั้น ไม่เป็นเรื่องจริง" ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องควบคุมผู้ต้องขัง






จากนั้นพ่อและแม่ของนายแซน ได้เดินออกมาพร้อมกับยกมือไหว้สื่อมวลชนอีกครั้ง ก่อนเปิดใจครั้งแรกว่า ตัวเองอยากจะขอโทษทุกคนแทนลูก โดยเฉพาะอยากจะขอโทษพ่อแม่ของน้องแจน เพราะเรารับรู้ว่าเขาเสียใจมาก ซึ่งเราเองก็เสียใจเช่นกัน “แม่ผิดเองที่แม่เลี้ยงลูกไม่ดี แม่ขอโทษ” และแม่อยากจะไปร่วมงานศพของน้องแจนที่ จ.อุตรดิตถ์ด้วย เบื้องต้นอยากจะไปขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วยตัวเอง


โดยตอนที่เข้าไปเยี่ยมลูกตอนเช้า ลูกชายก็ยังไม่ได้มีสติมากนัก ยังไม่สามารถยกมือขึ้นทานข้าวเองได้ และพูดแต่คำว่า “ขอโทษ” อย่างเดียว พร้อมกับเล่าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ ทั้งสองคนนอนด้วยกัน และพลั้งมือบีบคอน้องแจน โดยที่ไม่ได้มีการทะเลาะกันก่อนหน้านี้ พอหลังจากที่ทราบว่าน้องแจนเสียชีวิตแล้ว ก็ตั้งใจตัดมือและปาดคอเพื่อจะอำพรางศพเพราะตกใจ ส่วนประเด็นเรื่องลัทธิซาตานที่ต้องฆ่าคนฆ่าสัตว์ ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ครอบครัวจะไม่ยื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัว จะให้ลูกชายรับโทษตามกฎหมายต่อไป




ด้าน พ.ต.ท. เนติ รุ่งฟ้าแสงอรุณ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.ปากคลองรังสิต กล่าวว่า ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาไม่ยอมให้การ ส่วนในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การกับตำรวจ และรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วนสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำหรือไม่ นายแซนทำเป็นไม่รู้มากกว่า โดยระหว่างสอบสวนได้มีแม่มานั่งอยู่ด้วยตลอดเวลา นายแซนจะเป็นเป็นลักษณะรู้สติบ้าง ไม่รู้สติบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งจากการสอบสวนยังไม่ยอมบอกรายละเอียดของพฤติการณ์ เพียงแต่ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือฆาตกรรม


ส่วนสาเหตุที่ของการลงมือ และวิธีการลงมือฆาตกรรมนายแซนได้พยักหน้าและบอกกับตำรวจด้วยการชี้ภาพหลักฐานที่ตำรวจมีแต่ไม่ขอลงรายละเอียด เนื่องจากว่าจะส่งผลกับรูปคดีและสงสารผู้ตาย โดยคดีนี้ ผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือแม้แต่น้อย หลักฐานทุกอย่างเกิดขึ้นจากที่ตำรวจหาเอง แม้เขาจะให้การหรือแกล้งหลับตลอดเวลา ก็ไม่มีผลต่อรูปคดี เพราะหลักฐานทุกอย่างมัดตัว




นอกจากนี้ หลังมีการรายงานข่าวนายแซนเมื่อวาน ช่วงสัมภาษณ์พี่ชายของนายแซน ปรากฏว่าในโซเชียลต่างสังเกตเห็นจี้สร้อยคอรูปดาว 6 แฉกที่ตัวพี่ชายนำมาห้อยไว้ คล้ายกับสัญลักษณ์ดาว 5 แฉกในภาพพิธีกรรมบูชาซาตานที่นายแซนเคยโพสต์ไว้ด้วย


ต่อมาช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. พ่อของนายแซน ผู้ต้องหา เดินทางมาที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ นำบัตรประชาชนของน้องหมิ๊งหมิง ผู้เสียชีวิต เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมถึงแมวเพศผู้ ชื่อ “โคบี้” มาให้ญาติของน้องหมิ๊งหมิง และมีช่วงหนึ่งที่ 1 ในญาติของน้องหมิ๊งหมิง ซึ่งเป็นน้า ได้ถือรูปภาพน้องหมิ๊งหมิงขึ้นไปคุยกับพ่อผู้เสียชีวิต บนรถประมาณ 2-3 นาที




จากการสอบถามของผู้สื่อข่าว หลังจากการพูดคุยบนรถแล้ว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้น ๆ ว่าได้รับคำขอโทษจากพ่อผู้เสียชีวิต ซึ่งมีสีหน้ารู้สึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังบอกว่าก่อนเกิดเหตุยังนั่งรับประทานอาหารร่วมกันอยู่ ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น รู้สึกผิดและอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตมาก ๆ


จากนั้นเวลา 16.00 น. แม่และพี่สาวของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางกลับมาถึงที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังไปทำเรื่องเอกสารที่กระทรวงยุติธรรม โดยได้เข้าไปติดต่อขอรับร่างของน้องหมิ๊งหมิง จากนั้นพี่สาวได้ออกมาจุดธูป และจุดเทียนนำทาง พร้อมบอกว่า “กลับบ้านกลับพี่นะ” โดยพี่สาวยังคงร้องไห้และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ต่อมาได้มีการเคลื่อนย้ายร่างของน้องหมิ๊งหมิง ผู้เสียชีวิต ขึ้นรถตู้ของอาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู จังหวัดปทุมธานี




โดยก่อนนำร่างออกมาขึ้นรถกู้ภัย ทางครอบครัวได้นำแมวตัวโปรดที่พ่อของผู้ก่อเหตุนำมาให้ ชื่อ โคบี้ แมวเพศผู้ มาให้น้องแจน หรือหมิ๊งหมิงดู แล้วบอกว่า “โคบี้มาส่งแจนนะ” ก่อนจะนำร่างบรรจุใส่หีบศพ และเคลื่อนออกมาขึ้นรถกู้ภัย ซึ่งผู้เป็นแม่ถือรูปของน้องแจนหันรูปเข้าหาตัวตามความเชื่อ นำร่างขึ้นรถกู้ภัย พร้อมด้วยพระสงฆ์ 1 รูป


ต่อมา เวลา 16.30 น. ครอบครัวได้พาร่างของน้องแจน มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณที่บริเวณใต้ทางด่วนบางพูน จุดที่พบศพของน้องแจน โดยแม่ของผู้เสียชีวิต ได้จุดธูปแล้วบอกกับดวงวิญญาณของลูกสาวด้วยเสียงสั่นเครือว่า “แจนกลับบ้านกับแม่นะ แม่มารับแจนแล้ว กลับไปที่วัดบ้านเรานะ แม่เอาโคบี้กลับมาเลี้ยงให้แล้วนะ”




ภายหลังทำพิธีเชิญดวงวิญญาณน้องแจน ทางแม่ดาว แม่ผู้เสียชีวิตให้สัมภาษณ์ เปิดเผยว่า น้องแจน (หมิ๊งหมิง) เป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัว ทำงานขายนมเปรี้ยวส่งตัวเองเรียน และยังส่งเงินไปจุนเจือแม่ด้วย ที่ผ่านมาน้องเคยพาแซนไปที่บ้านที่จังหวัดอุตรดิตถ์ 2 ครั้ง ตอนที่ไปแม่ก็ได้คุยกับแซน เห็นว่าดูเป็นคนพูดจาดี ดูจิตใจดี แซนได้บอกกับแม่ว่า ให้ช่วยบอกแจนว่า อย่าเลิกกับตน หลังเรียนจบจะช่วยกันทำงาน เก็บเงิน มาแต่งงานด้วยกัน แม่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมาทำกับลูกแม่แบบนี้




โดยมีครั้งหนึ่งที่น้องแจนเคยมาบอกแม่ว่าอยากกลับบ้าน แต่ก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง ตนเพิ่งมารู้ทีหลังว่า วันเดียวกันนั้น น้องไปเล่าให้พี่สาวฟังว่าถูกแซนจับมัดมือมัดเท้า เอาคัตเตอร์จี้คอ แต่ลูกไม่บอกตนเพราะไม่อยากให้ไม่สบายใจ ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต แม่ไม่อยากรับรู้ว่าเกิดจากอะไร เพราะวันนี้ลูกแม่ไม่สามารถฟื้นกลับมาได้แล้ว สิ่งที่แม่ทำได้ คือปล่อยวางและอโหสิกรรม ยอมรับความเป็นจริง แต่ขอให้ครอบครัวของฝ่ายชาย ปล่อยให้การดำเนินการตามกฎหมาย เป็นไปอย่างเที่ยงธรรม ใครทำอะไรไว้ก็ต้องได้รับผลตามนั้น ส่วนในงานศพ หากครอบครัวของนายแซนจะเดินทางไปร่วมงาน ก็ยินดี แต่ขอให้ไปด้วยใจบริสุทธิ์ เพราะเข้าใจว่าเหตุการณ์แบบนี้พ่อแม่ไม่ได้อยากให้ลูกเขามาฆ่าลูกเรา แต่เหตุเกิดแล้วก็ต้องรับผิดชอบ เพราะคนที่ทำลูกเราคือลูกคุณ




ล่าสุดทีมข่าวยังได้ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า ก่อนหน้านี้นายแซนกับเพื่อน ๆ ได้ตั้งกลุ่มในเฟซบุ๊ก โดยมีนายแซน เป็นนักแสดงนำ โดยมีการตัดต่อเป็นรูปนายแซน กำลังแขวนคอตัวเองในห้องเรียน ซึ่งคาดว่า เป็นภาพที่สร้างขึ้นเพื่อทำเป็นโปรสเตอร์บางอย่างอีกด้วย ก่อนเรียนจบ


ทีมข่าวได้เดินทางไปพบ นายนิกม์ แสงศิรินาวิน อดีตผู้สมัคร ส.ส. บอกว่า สัญลักษณ์ดาว 5 แฉกที่ตนโพสต์ เริ่มมาจากข้อสงสัยที่ว่า พี่ชายของแซน พูดว่า น้องเป็นคนอ่อนโยน รับแมวจรจัดมาเลี้ยงทีละ 5-6 ตัว ตนจึงไปค้นหาเอารูปภาพมาเทียบ ไปซูมดูรอยสีแดง ก็สันนิษฐานว่ามันเป็นเลือดแมวหรือเปล่า บวกกับใส่ชุดดำและห้อยสร้อยก็ซูมภาพเข้าไปดูก็พบว่า สร้อยที่ห้อยมาเป็นสัญลักษณ์ดาว 5 แฉก




ซึ่งสัญลักษณ์ดาว 5 แฉก เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ แต่ส่วนมากจะเป็นลัทธิซาตาน บูชาซาตาน แต่การบูชาซาตานจริง ๆ นั้น เขาก็ไม่ใช้เลือดในการบูชา ไม่ได้ส่งเสริมให้ฆ่าสัตว์อยู่แล้ว แต่กลุ่มเด็กเหล่านี้สร้างความเชื่อขึ้นมาเองว่า จะจับมัดแขน มัดขา ตัดแขน ตัดขา แล้วก็มีการบูชายันต์ ตามภาพที่เห็นก็คือรอยเลือด




ตนคิดว่าอันนี้เป็นอาวุธของนายแซนที่ใช้ข่มขู่หมิ๊งหมิงให้ไปตามเด็กอายุ 13 ปี ลงมาเพื่อให้เขากระทำ ซึ่งปกติคดีข่มขืนที่เคยเจอก็จะพบว่า ใช้ปืน หรือมีดจี้เด็ก แต่เคสนี้ไม่มีมีดและปืนแต่ใช้จิตวิทยาขั้นสูง ก็แน่นอนคงเคยจับมัดแขน มัดขากัน แต่ไม่ถึงขั้นตัดในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมันเป็นกลุ่มคนก็เชื่อว่า เป็นการกระทำหลาย ๆ คน ไม่ใช่คนคนเดียว ตอนนี้ตนอยากฝากให้ตามหาแมว เพราะตนเองก็เป็นทาสแมว




จากนั้นทีมข่าวไปสำรวจร้านเครื่องประดับย่านพระราม 9 พบว่ามีเครื่องประดับรูปดาว 5 แฉก วางขายอยู่ด้วย ทีมข่าวจึงเข้าไปพูดคุยกับ นายตะวัน คนดูแลร้าน บอกว่า ส่วนใหญ่สัญลักษณ์ของซาตานก็จะเป็นดาว 5 แฉก โดยจุดเริ่มต้นของดาว 5 แฉก ก็มาจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ และจิตวิญญาณ อีกความหมายก็คือ เป็นตัวแทนของบาดแผลทั้ง 5 ของพระเยซู ตอนที่ถูกตรึงไม้กางเขนไว้ ส่วนดาว 5 แฉก เกี่ยวกับลัทธิซาตานหรือไม่ ตนคิดว่า น่าจะเป็นความเชื่อของแต่ละคน ส่วนใหญ่คนที่มาซื้อดาว 5 แฉก มักจะเป็นชาวต่างชาติ คนไทยก็มีแต่เป็นส่วนน้อย




ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เข้าตรวจสอบภายในช่อง YouTube ของนายแซน ผู้ก่อเหตุ โดยพบว่าก่อนที่นายแซนจะลงมือฆ่าแฟนสาวอย่างโหดเหี้ยม พบว่าเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 เจ้าตัวได้อัปคลิปในช่องเป็นคลิปสุดท้าย มีการตัดพ้อถึงหญิงสาวรายหนึ่ง แต่ไม่ได้ระบุชื่อ แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ตาย ในคลิปมีใจความประมาณว่า “ก่อนหน้านี้ ตัวผมที่กำลังมีความสุขอยู่กับการเที่ยวเล่นตอนอายุ 17 ปี” แต่ตอนนี้เมื่ออายุ 18 ปี “ตัวฉันเองที่รู้สึกผิดมาก ๆ ที่เวลานั้นฉันควรจะอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนที่ไม่เคยขออะไรมากเลย แค่ขอให้ฉันอยู่ด้วย ถ้าย้อนกลับไปได้ฉันจะแก้ไขมัน ฉันสัญญา”




ทีมข่าวได้ตามไปเจอเพื่อนสนิทของนายแซน ผู้ก่อเหตุ คนแรกคือนายเบส (นามสมมติ) เป็นเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม 1 จนถึง ม.6 ซึ่งนายเบส เป็นเพื่อนที่นายแซน อัดคลิปลงช่อง TikTok ของตัวเองล่าสุด ขณะไปฝึก รด. ด้วยกัน โดยเจ้าตัวให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในชีวิตของนายแซนเพื่อนของตนเองนั้นมีเพื่อนน้อยคนมาก เท่าที่นับได้มีเพียง 4 คนเท่านั้นที่เป็นเพื่อนสนิท ซึ่งตั้งแต่ตนเองคบกับเพื่อนมา นิสัยของแซนเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เป็นคนพูดอะไรแล้วทำจริง กล้าที่จะชน ไม่สนผิดหรือถูก และค่อนข้างเป็นเด็กเกเร มาโรงเรียนสาย ชอบพกมีดมาโรงเรียน และนิสัยที่เด่นสุดคือ เวลาแซนทำผิด แซนจะชอบตีมึน แกล้งทำตัวเอ๋อ ๆ บ้าง ทำตัวไม่สนโลกบ้าง ครูตักเตือนอะไรแซนจะตีมึน ไม่ยอมฟังใคร


และหลังจากที่ตนทราบว่าเพื่อนไปก่อเหตุฆ่าคนตายก็ตกใจมาก และยิ่งรู้ว่าเป็นแฟนสาว ซึ่งรู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนก็รู้สึกผิดหวังที่เพื่อนไปทำร้ายผู้หญิงแบบนี้ อีกทั้งพอทีมข่าวเปิดคลิปที่ตำรวจได้หิ้วตัวนายแซนขึ้นโรงพัก ในสภาพหมดสติ ซึ่งนายเบส จากที่ดูคลิปนายแซนแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่า แซนแกล้งตีมึน ทำการแสดง แกล้งหลับ เพื่อหนีปัญหามากกว่า ไม่น่าจะเกิดจากอาการป่วยจริง ๆ




เช่นเดียวกับนายพีช (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทอีกคนของนายแซน เมื่อทีมข่าวให้ดูคลิปแล้ว เจ้าตัวก็ยืนยันอีกหนึ่งเสียง ว่านายแซนน่าจะแกล้งหลับ ตีมึนมากกว่า ซึ่งเป็นนิสัยของแซนเวลาทำผิด และต้องการหนีปัญหา ส่วนนิสัยใจคอของแซน เป็นคนเงียบ ๆ มีเพื่อนน้อย ถ้านอกจากกลุ่มตนเองแล้วในโรงเรียน หากแซนไม่เดินกับแฟนแล้ว ก็จะมีแค่กลุ่มตนเองนั้น แค่ 3-4 คน ที่เดินด้วย และหากไม่มีใครยุ่ง แซนก็มักจะใช้ชีวิตอยู่เพียงคนเดียว

 

เพื่อนแฉ "ไอ้แซน" แกล้งเอ๋อ?  วีรกรรมวิปลาสชอบทำคอนเทนต์สยองลงโซเชียล