จากกรณีเมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ รถกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เคลื่อนร่าง น.ส.แจน หรือ น้องหมิ๊งหมิง ที่ถูกนายแซน แฟนหนุ่มฆ่าตัดมือจนเสียชีวิตและนำศพไปทิ้งกองขยะใต้ทางด่วน อ.เมือง จ.ปทุมธานี มาถึงยังศาลาการเปรียญ วัดเตาไหเหนือ (วัดวงษ์สวรรค์สุทธาวาส) หมู่ 2 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ได้จัดเตรียมประกอบพิธีทางศาสนาและฌาปนกิจศพ มาถึง นางชัญญา แม่ของผู้เสียชีวิตที่นั่งมากับศพลูกสาว ได้ลงจากรถพร้อมกอดรูปภาพที่จัดไว้ตั้งหน้าศพ จากนั้นพระสงฆ์จับสายสินธ์เดินนำหน้า อาสาสมัครกู้ภัยและญาติ ๆ ต่างช่วยกันยกหีบที่บรรจุร่างของน้องหมิ๊งหมิงจากรถกู้ภัย เข้าสู่ภายในศาลาการเปรียญ ก่อนจะยกหีบเข้าสู่โรงเย็นเพื่อประกอบพิธีตามประเพณี




ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดระยะเวลาที่พระสงฆ์ประกอบพิธี แม่และยายของน้องหมิ๊งหมิง ร่ำไห้ โดยแม่นั่งกอดรูปภาพลูกสาวและร้องไห้ตลอดเวลา แม่ของน้องหมิ๊งหมิงได้จุดธูปหน้าศพ พร้อมกล่าวบอกลูกสาวว่า “แม่ได้พาหนูกลับมาบ้านเราแล้วนะลูก” จากนั้นได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ลูกสาวเป็นคนดี ขยันทั้งทำงานและเรียน หารายได้ส่งตัวเองและยังจุนเจือครอบครัวมาโดยตลอด วันนี้เขาจากไป แม่ก็อยากให้ลูกสาวแม่ใสสะอาด ช่วงตั้งแต่เขาเรียน ม.5 ม.6 และมหาวิทยาลัย ได้กู้เงิน กยศ. ซึ่งไม่รู้เป็นเงินเท่าไร แม่ก็จะใช้หนี้ ขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงาน ที่ให้ความช่วยเหลือ ส่วนเรื่องของคดีก็ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งมี นายไพศาล ทนายความ ให้ความช่วยเหลือ มีกำหนดฌาปนกิจศพ ในวันที่ 10 มิถุนายน นี้




ล่าสุดวันนี้ (8 มิ.ย. 2567) ทางทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาพูดคุยกับ คุณพ่อ คุณแม่ของ แซน ผู้ก่อเหตุ ที่พร้อมเปิดใจหมดเปลือกถึงความรู้สึกตั้งแต่ ทราบว่าแซนทำการฆ่าน้องหมิ๊งหมิงภายในห้องนอน ซึ่งได้ยอมรับว่า ในวันเกิดเหตุ ตนตกใจ และกำลังนั่งทำงานอยู่ แต่พอเห็นข่าว ทั้งที่ยังจับลูกชายตนเองไม่ได้ ก็เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเหมือนมีลางบอกเหตุ จากการที่ช่วงเวลาตี 3 ของคืนเกิดเหตุ พบว่าน้องหมิงได้มีการออกจากกลุ่มครอบครัว ตนตื่นมาเจอตอน 6 โมงเช้า ก็มีการทักเข้าไปแต่ไม่มีใครตอบกลับ ทำให้ตนโทร. กลับไปหา แซน แต่เขาพูดกับตนว่า ขอนอนก่อนและก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย




จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น แซนและน้องหมิงอยู่บ้าน มีพี่ชายแซน และพี่สะใภ้อยู่ด้วย แต่จากที่เขาเล่าให้ฟัง คือ พี่ชายได้ยินเสียงกุกกักตอนตี 2 เลยออกมาเปิดประตูดู พบว่า ทางน้องหมิงตะโกนถามแซนว่าทำอะไรอยู่ข้างล่าง และแซนตอบกลับว่า เปล่า พี่ชายเลยบอกแค่ว่าเขาต้องตื่นตี 4 นะ และปิดประตูไป หลังจากนั้นก็ไม่ได้ยินอะไรแล้ว แต่ทางด้านลูกสะใภ้ มีได้ยินเสียงคนเดินไปมาเท่านั้น ในด้านสุขภาพ ถ้าถามว่าแซนเคยแสดงพฤติกรรมอะไรในทางความรุนแรงไหม ยอมรับว่าไม่เคยเห็นเลย เขาอ่อนน้อมมาตลอด แค่น้องหมิงจะเป็นซึมเศร้าและไบโพล่า กินยาตลอด แต่แซนนั้น มีภาวะความนอนไม่หลับ เครียดแล้วก็สมาธิสั้น


สุดท้าย อยากขอโทษครอบครัวน้องหมิ๊งหมิง น้อมรับผลการตัดสินของลูกชาย แต่สิ่งที่กังวล คือ ถ้าลูกได้สติและจะฆ่าตัวเองอีกไหม ตนต้องขอโทษที่วันแรก ๆ ที่เรื่องเกิดอาจตอบหรือทำอะไรไม่ดีออกไป แต่อยากบอกตรงนี้ มันช็อกและไม่คิดว่าจะเป็นลูกชายตัวเองที่ทำแบบนี้ เพราะจริง ๆ เขารักกันมากจริง ๆ และทางด้านคดีไม่ขอสู้ใช้ทนายศาล เพราะยังไงลูกชายตนทำโดยไม่มีข้อโต้แย้ง




คุณพ่อคุณแม่ของ แซน ผู้ก่อเหตุ เผยว่า อยากกราบขอโทษฝั่งครอบครัวน้องหมิงมาก ๆ ถ้าพฤติกรรมใดที่แม่เคยแสดงออกไปไม่ดี ต้องบอกว่าในวันนั้นตนช็อกมาก ทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งสิ่งที่ลูกชายทำและสูญเสียน้องหมิง ตนรักเหมือนลูกสาว เหมือนคนในครอบครัว ถึงจะไม่ได้อยู่กับน้องตลอดแต่ก็อยู่กันมานาน ตนตั้งคำถามว่ามันเกิดอะไร ทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ตนก็ยังไม่สามารถตอบสาเหตุได้ ตอบสังคมไม่ได้ เพราะตนก็อยากทราบความจริง ว่าลูกทำแบบนี้ ทำไม เพื่ออะไร เพราะจนตอนนี้ก็ไม่ทราบว่า เขาทำเพราะอะไรกันแน่ อย่างตอนให้การ ลูกตนยังไม่สามารถให้การเป็นประโยคในวันเข้าห้องขังก็ไม่มีสติ และอย่างข่าวที่บอกว่า แซน ลูกตนกินยาไป 20 เม็ด จริง ๆ คือ ตนได้แผงยาจากหมอ ยาที่แกะแล้ว หลุดออกไปจากแผง 300 กว่าเม็ด และเหลือกลับมา 100 กว่า ก็คือน้องกินยากล่อมประสาทไป 187 เม็ด เท่าที่ตนนับได้


สิ่งอยากชี้แจงมากที่สุด คงเป็นในเรื่องที่ครอบครัวน้องหมิง มองว่าไม่ได้รู้สึกผิด จริง ๆ แล้วเสียใจมาก ๆ เสียใจจริง ๆ และก็อยากไปร่วมงานน้องมาก ๆ แต่เมื่อคืนทำการเตรียมพร้อมว่าจะไป แต่ด้วยเหตุผลปัจจัยต่าง ๆ และเขาโทร. มาแจ้งว่าไม่สะดวกให้เข้าไปร่วมงาน ทำให้ชะงักไว้แต่ตอนนี้ทางคุณพ่อได้มีการติดต่อไปทางผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยเหลือ หลังจากนั้น ทางพี่สาวของน้องก็ติดต่อกลับมาเมื่อเช้าว่าให้ไปได้นะ แต่ว่าเขาขอให้อย่ามีเรื่องและขอไม่รับความปลอดภัย คือ ตนทราบและรับรู้ว่าลูกเราผิด 100% แต่ก็อยากจะขอขมาน้องหมิง เขาเหมือนลูกอีกคน เวลาพ่อแม่กลับบ้านก็จะไลน์ถามในกลุ่มบ้านว่าจะทานอะไร ใครกินอะไรคือสั่งได้เลยแล้ว




และในวันแรกที่ตนรู้ข่าวที่ไม่ตอบ คือ ไม่รู้จะพูดยังไง เรียกว่าจุกแล้วพูดอะไรไม่ออกจริง ๆ แต่แม่รู้สึกผิดมาก ๆ แต่ไม่มีคำตอบที่เมื่อโดนถาม จะตอบอะไร และในส่วนของลูกชายที่มีการบอกน้องยังไม่ได้พูดเลย แต่กลับตีความผิดกัน ว่าตนหมายถึงหมิง แต่จริง ๆ แค่อยากสื่อว่าลูกตนขณะนั้นยังพูดไม่ได้ ส่วนกระแสที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ ว่าอาอาการของน้องในตอนนี้คือ การแสดง ด้านคุณพ่อ เผยว่า ไม่ทราบว่าอาการเกิดจากอะไร จริงหรือไม่จริง ไม่ทราบได้ แต่ว่าเหตุที่น้องไม่ฟื้นเต็มที่ อาจมาจากยาที่กินเข้าไปในปริมาณมาก ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องยึดตามคำสั่งศาล ยึดตามความเห็นของแพทย์ ไม่ขอกล่าวล่วง




ส่วนประเด็นภาพที่ออกมา ว่าแซนมีการนับถือลัทธิซาตานจริงหรือไม่นั้น ต้องบอกว่า แซน นับถือพุทธปกติ ทุกวันเสาร์อาทิตย์ ก็จะบอกแม่ว่าไปโบสถ์นะ ก็เคยถามว่าทำไมไปโบสถ์ เขาก็เล่าว่า น้องหมิงเป็นคริสต์ ถ้ามีโอกาสก็จะไปด้วยกัน ในสิ่งที่ตนรับรู้ก็จะทราบแค่นี้ และในเรื่องของลัทธินั้น มันไม่มี อย่างเช่น ตนเคยถามว่า ตนเล่นสตอรี่ไม่เป็น แต่มีข่าวออกมาว่ามีการจุดเทียน ก็มีการถามพี่ชายเขา เขาก็บอกว่าในส่วนตรงนี้เหมือนการแสดงความรักกันของทั้งคู่ ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งตนยอมรับไม่เข้าใจ แต่ในมุมของแม่ มันไม่มีลัทธิ

 

ที่แรก! พ่อ-แม่แซน เปิดใจ ไม่ขอสู้คดี เปิดความลับเกิดอะไรในบ้าน