จากกรณีเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง ลักษณะเปลือยกาย มีเพียงแค่เสื้อยกทรงสีดำสวมใส่อยู่ แต่ไม่พบทรัพย์สินและไม่พบกางเกงและเสื้อ โดยเบื้องต้นจากการตรวจสอบทราบชื่อคือ นางสาวปรียาภรณ์ หรือ ดา อายุ 31 ปี มีอาชีพเป็นผู้ช่วยพยาบาลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทั้งนี้การตายของดา ญาติมองมีพิรุธหลายอย่าง แม้จะพบจดหมายสั่งเสีย แต่จุดที่พบศพดันมีรอยเลือด ซึ่งอาจเป็นฆาตกรรมหรือไม่
ล่าสุดวันนี้ (8 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด ตามไทม์ไลน์ที่ญาติสงสัย ซึ่งญาติขอให้มีการตรวจสอบกลุ่มคนต้องสงสัย หรือบุคคลที่ออกจากแหลมเขาขาดเป็นคนสุดท้าย ในวันที่ 30 พ.ค. หลังคนตายขี่เข้าไปจอดและเดินหายไป
โดยทีมข่าวการตรวจสอบกล้องวงจรปิด หลังจากที่เห็นรถคนตายเข้าไปจอด ซึ่งช่วงเวลาหลังจากนั้น จะเห็นว่ามีเพียงแค่นักท่องเที่ยวทยอยเดินทางออก และไม่พบความผิดปกติ แต่ปรากฏว่ามีช่วงเวลาประมาณ 18.28 น. ของวันเดียวกัน 30 พ.ค. จะเห็นว่า มีมอเตอร์ไซค์ปริศนา ขี่ซ้อน 4 คน คาดว่าเป็นแรงงานแถวแคมป์คนงานละแวกใกล้จุดเกิดเหตุ มีการขี่ออกเป็นกลุ่มสุดท้าย
และหลังจากนั้น ทีมข่าวได้มีการสปีดเพื่อดูภาพจากกล้องวงจรปิด หลังจากที่เห็นรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าว ขี่ออกเป็นคันสุดท้าย จนกระทั่งถึงช่วงเวลาประมาณ ตี 1 ของวันที่ 31 พ.ค. ก็ไม่มีความผิดปกติเกิดขึ้นที่แหลมเขาขาด รวมทั้งไม่มีรถผ่านเข้า-ออกช่วงกลางดึก จึงเชื่อว่ารถมอเตอร์ไซค์ซ้อน 4 ที่ขี่ออกเป็นกลุ่มสุดท้าย เป็นรถที่น่าสงสัยมากที่สุด
วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้มีการสำรวจเพื่อหาเบาะแสรถต้องสงสัยคันในวงจรปิด โดยทีมข่าวได้มีการขี่เรียบไปกับชายทะเล ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถใช้เป็นทางลัดไม่ต้องออกทางหลัก หลังจากที่ขี่ออกจากแหลมเขาขาดได้ โดยเส้นทางดังกล่าวจะเป็นถนนคอนกรีตกว้าง 1 เมตร และมีต้นไม้ปกคลุม แต่สามารถขับรถหรือเดินผ่านเพื่อใช้เป็นทางลัดได้โดยไม่ต้องผ่านทางหลักที่มีกล้องวงจรปิดจับภาพ และหลังจากที่ทีมข่าวเดินทางไปสำรวจบริเวณเส้นทางดังกล่าว ขี่ผ่านถนนคอนกรีตทางเล็ก ผ่านต้นไม้รก จะไปโผล่แคมป์คนงานแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่สุดทางก่อนออกถนน
โดยทีมข่าวได้มีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดรถต้องสงสัย ที่มีการบันทึกได้ในวันเกิดเหตุช่วงหลังหลังจากที่เห็นรถคนตายขี่เข้าไป เอาไปให้คนในแคมป์คนงาน โดยมีคนงานที่อยู่ภายในแคมป์ดังกล่าว ยืนยันกับทีมข่าวว่าเป็นตัวเอง ซึ่งมีการขี่รถออกจากแหลมเขาขาดจริง โดยมีการขี่รถลักษณะซ้อน 4 โดยอ้างว่าไปหาปูและหอย ซึ่งมีความบังเอิญเข้าไปในช่วงรอยต่อที่รถคนตายขี่ไปจอด
ด้านนายหม่อง (นามสมมติ) ชายที่ปรากฏในภาพกล้องวงจรปิด เป็นคนซ้อนคนสุดท้าย โดยลักษณะใส่เสื้อสีม่วง เจ้าตัวยืนยันกับทีมข่าวว่า เป็นชายคนเดียวกันกับที่นั่งอยู่ในรถคันสีแดงในกล้องวงจรปิด ก่อนที่เจ้าตัวจะเอาเสื้อผืนเดียวกันกับที่สวมใส่ในวันนั้น เป็นเสื้อสีม่วงมาโชว์ให้ทีมข่าวดูเพื่อยืนยันว่าเป็นตัวเองจริง และยังไปหยิบเอาถุงปูและหอย ซึ่งพากันไปจับและเก็บมาจากแหลมเขาขาดในวันที่ 30 พ.ค. โดยของยังไม่หมดและอยู่ในถุงเอามาโชว์ให้ทีมข่าวดูเพื่อยืนยันว่าในวันนั้นไปจับปูและหอยจริง
นายหม่อง เผยว่า ในวันนั้นตนเองและคนในแคมป์พากันขี่รถซ้อน 4 ไปที่แหลมเขาขาดจริง แต่จำไม่ได้ว่าเข้าไปตั้งแต่กี่โมง และใช้เวลาจับปูรวมถึงหอยกี่ชั่วโมง ซึ่งหลังจากเก็บเสร็จก็ได้มีการขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมา จนกระทั่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ และวันนั้นตนเองก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติหรือคนนอก ว่ามีใครอยู่แถวแหลมเขาขาดหรือไม่ เพราะหลังจากที่จับปูและหอยเสร็จก็พากันกลับออกมา
ส่วนคนตายตนเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่าเป็นคนไหน เข้าไปบริเวณจุดใดของแหลมเขาขาด และไปนั่งอยู่ที่ปลายแหลมหรือไม่ ยอมรับว่าไม่ทันได้สังเกตและไม่ได้มองสิ่งอื่นนอกจากตั้งใจไปเก็บหอยและปู อีกทั้งส่วนตัวก็ไม่ได้กังวลใจแม้ว่าจะตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพราะเชื่อว่าตนเองและกลุ่มญาติที่ไปเก็บปูและหอยด้วยกันบริสุทธ์ใจ พร้อมที่จะให้ปากคำและให้ความร่วมมือกับตำรวจ และไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการตายของผู้ช่วยพยาบาลสาว
และปรากฏว่าเมื่อเวลา 15.50 น. ที่ผ่านมา หลังจากทีมข่าวมีการแจ้งข้อมูลรายงานเพิ่มเติมให้กับ ตำรวจ สภ.เกาะสีชัง พบว่าได้มีชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามและเข้าตรวจสอบโดยทันที เพื่อจะมีการตรวจสอบในประเด็นข้อสงสัย และความเกี่ยวข้อง
หลังจากที่ญาติของคนตาย คือน้าสาวและน้องชาย เดินทางนำหลักฐานซึ่งเป็นหินลักษณะเปื้อนเลือดพร้อมกับซิลิโคนมีหยดเลือด มามอบให้กับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และได้มีการสอบปากคำเพิ่มในหลายประเด็น อีกทั้งได้มีการขอให้พนักงานสอบสวนได้มีการจัดส่งทีมตำรวจ ลงพื้นที่ไปเพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุโดยเฉพาะเลือดที่ติดอยู่บนหิน นั้น ปรากฏว่า เมื่อเมื่อช่วงเวลา 18.00 น. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภาคภูมิ นาคพนม ผกก.สภ.เกาะสีชัง พาทีมสืบสวนและสอบสวน พร้อมญาติของคนตาย และชาวบ้านในพื้นที่ เดินทางไปยังปลายแหลมเขาขาด จุดที่พบสัมภาระของคนตาย และยังเป็นจุดที่พบมือถือรวมถึงกระป๋องเบียร์ ที่คาดว่าเป็นของคนตายวางทิ้งเอาไว้ โดยตำรวจได้มีการลงพื้นที่ไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับมีการเก็บกระป๋องเบียร์ ที่วางอยู่กับออกมา และมีการเก็บและบันทึกภาพหลักฐานเพิ่มเติมตามที่สงสัย โดยเฉพาะเรื่องของหยดเลือดบนพื้น เพื่อจะเร่งคลี่คลายต่อไป
ขณะเดียวกัน ทางครอบครัวคนตาย พร้อมด้วย นักสืบเอกชนได้พาทีมข่าว เดินทางต่อไปยังจุดแหลมเขาขาด จุดที่เจอสัมภาระของคนตาย ซึ่งการลงพื้นที่สำรวจนั้น นักสืบเอกชนได้มีการชี้พิรุจ และความผิดปกติให้ญาติ รวมถึงทีมข่าว ที่ลงพื้นที่ทำข่าวดู ซึ่งจุดที่พบหินเปื้อนเลือด เลนแว่นตาที่หลุด รวมถึงจุดที่เจอมือถือคนตาย ใกล้เคียงจุดเหล่านั้น จะมีรอยเปื้อนคล้ายหลดเลือดติดและหยดหลายจุด ซึ่งติดอยู่ตามโขดหิน
และบริเวณแหลมเขาขาด จุดที่พบสัมภาระและลักษณะคล้ายรอยเลือดติดอยู่ตามโขดหิน ยังพบว่าจุดดังกล่าวมีบ้านร้างลักษณะกำลังก่อสร้างแต่สร้างไม่เสร็จ ซึ่งอยู่ใกล้จุดดังกล่าวห่างไปไม่ถึง 15 เมตร โดยทีมข่าวเข้าไปสำรวจภายในบ้านดังกล่าว เพื่อดูความผิดปกติ หรือเสื้อผ้าของคนตายที่สูญหายจะอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวหรือไม่ แต่จากการเข้าสำรวจพบว่ามีลักษณะเป็นห้องโถงโล่งไม่มีประตู มีแต่เศษขยะและเสื้อกันฝนสีฟ้า ส่วนห้องที่อยู่ติดกับห้องโถงเป็นลักษณะห้องน้ำหลายห้อง แต่ไม่มีความผิดปกติเช่นเดียวกัน
และระหว่างนั้นน้าของคนตาย ได้ขอให้ทีมข่าวช่อง 8 มีการบินโดนเก็บภาพ และดูทัศนียภาพบนสูงในลักษณะความเป็นไปได้ ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนหากร่างของผู้เสียชีวิตร่วงตกบริเวณแหลมเขาขาด จุดที่เจอสัมภาระ จะสามารถลอยหรือไหลไปตามกระแสน้ำ หรือคลื่นลมแล้วมาโผล่ที่ท่ายายทิมได้หรือไม่ เพราะเนื่องจากระยะทางบนบกจะมีระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร แต่ในน้ำจะมีลักษณะต้องโค้กเว้าผ่านแหลมงอบ หรืออ่าวรอบเกาะหลายจุดกว่าจะมาโผล่จุดเจอศพได้
แล้วที่สำคัญจากภาพมุมสูงที่ญาติดูกับทีมข่าว จะสังเกตว่าช่วงที่มีการบินโดรนเป็นช่วงเวลาน้ำลง จะเห็นลักษณะน้ำค่อนข้างแห้ง และช่วงรอยต่อระหว่างแหลมเขาขาดมายังท่ายายทิม จะเห็นมีเนินทรายเป็นลักษณะทะเลแหวก ทำให้ยากต่อการที่ร่างของคนตายจะลอยข้ามมาได้ เพราะญาติตั้งข้อสังเกตว่าศพก็คงต้องติดอยู่ที่ทะเลแหวกหรือไม่ หรืออาจจะติดอวนของชาวบ้านที่วางเอาไว้รอบหมู่เกาะ ดังนั้นจากภาพมุมสูงยืนยันไม่สามารถที่จะลอยมาไกลได้ขนาดนี้
ระหว่างนั้น ทีมข่าวได้คุยกับ นายฤทธิเกียรติ หรือแบงค์ น้องชายคนตาย ซึ่งเจ้าตัวได้เอาแว่นตาสีขาว เลนสีดำ อันเดียวกันกับที่คนตายสวมใส่ และตกอยู่จุดเจอสัมภาระ โดยน้อยชายคนตาย ได้ตั้งข้อสมมุติฐานเกี่ยวกับแว่นตา หากมีการหล่นพื้นหรือสะดุดล้ม หรือมีใครทำให้แว่นตาต้องร่วงตกพื้น เลนส์แว่นตากับโครงจะแยกออกจากกันหรือไม่ โดยเจ้าตัวได้มีการทดสอบโยนหลายครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายที่แว่นตาตกกระแทกก้อนหิน จนทำให้เลนส์แว่นหลุดออกจากกัน ซึ่งก็คล้ายกับที่พบในที่เกิดเหตุ ที่แว่นตาของคนตายเลนส์หายไปเลย 1 ข้าง
น้องชายคนตาย เผยว่า สำหรับการขึ้นเกาะในวันนี้ครอบครัวก็ต้องการที่จะหาหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อที่จะเร่งคลี่คลายคดีเกี่ยวกับการตายของพี่สาว ที่ครอบครัวยังคงคาใจในหลายประเด็น ทั้งเรื่องระยะทาง จุดพบสัมภาระและจุดเจอศพ รวมทั้งต้องการที่จะนำหลักฐานที่การเก็บได้เพิ่มจากการจ้างนักสืบเอกชน รวมทั้งข้อพิรุธที่ครอบครัวยังคาใจเพื่อนำไปมอบให้กับตำรวจ ซึ่งแม้ว่าแนวทางจะมีเรื่องของการฆ่าตัวตายก็ตาม แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ครอบครัวยังคงคาใจ
สำหรับประเด็นเรื่องของเสื้อผ้าที่คนตายสวมใส่ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการพบ และร่างของพี่สาวก็ลักษณะตายเปลือย ส่วนตัวก็ยังคาใจเกี่ยวกับประเด็นนี้ แต่ยืนยันว่าด้วยความที่พี่สาวเป็นคนรักสวยรักงาม และเป็นคนดูแลตัวเองมาก ประกอบกับมีอาชีพเป็นถึงพยาบาล หากพี่สาวจะฆ่าตัวตายคงไม่ถอดเสื้อผ้าโป๊เปลือยแล้วกระโดดลงไปในน้ำแบบนี้ และถ้าหากถอดเสื้อผ้าอย่างน้อยก็ต้องวางกองเอาไว้บนฝั่ง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบเบาะแส จึงเชื่อมั่นว่าอาจมีคนทำให้พี่สาวต้องตายหรือไม่
และสำหรับประเด็นบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือผ่านเข้าออกในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ ตัวเองก็ยังคาใจว่าจะมีส่วนเห็นพี่สาวนั่งอยู่เพียงลำพัง หรือหรือมีบุคคลอื่นเข้าออกหรือไม่ อย่างน้อยเป็นการปรับปรำ แต่ต้องการที่จะขอข้อมูลเกี่ยวกับมีบุคคลอื่นมาอยู่ในคืนดังกล่าวหรือไม่ เพื่อที่จะเชื่อมโยงไปหากลุ่มคนต้องสงสัยหากมีคนทำให้ตาย
ด้าน นักสืบเอกชน ในฐานะนักสืบที่ครอบครัวของคนตายว่าจ้างให้มาช่วย เกี่ยวกับการรวบรวมหลักฐานในคดีและสืบหาเบาะแสเกี่ยวกับการตาย ควบคู่กับการทำคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ นักสืบเอกชน เผยว่า การลงผู้ติดตามคืบหน้าทางคดีและรวมถึงรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องหรือประเด็นข้อสงสัย ซึ่งก่อนหน้านี้ญาติได้มีการลงพื้นที่พร้อมกับมีการเก็บก้อนหินลักษณะคล้ายเปื้อนเลือด และซิลิโคนหน้าอกมีหยดเลือดติด ซึ่งได้มีการรวบรวมหลักฐานดังกล่าวเตรียมยื่นให้กับพนักงานสอบสวนในการส่งตรวจ เพื่อเชื่อมโยงในคดี ต้องการให้ตรวจสอบว่าเป็นเลือดของคนตายหรือไม่ หรือเป็นเลือดหรือสารชนิดใด เพราะอย่างน้อยก็เป็นอีกประเด็นที่จะคลายประเด็นข้อสงสัยที่ยากกับคงขาดใจ
ส่วนตัวในฐานะที่เคยทำคดีด้านนี้ก็ยังมองว่า การเสียชีวิตของนางสาวปรียาภรณ์ ยังมีประเด็นข้อสงสัย และต้องการคำตอบอยู่ ซึ่งก็ต้องอยู่ที่พยานหลักฐานที่มีการรวบรวมเพิ่มได้ ไปผนวกกับผลตรวจร่างกาย ซึ่งจะเป็นคำยืนยันที่ชัดเจน และคลายคำตอบได้ดีที่สุด ดังนั้นตนเองจึงยังสามารถรับรอง ได้ว่าการฆ่าตัวตายหรือมีคนทำให้ตายเพราะทุกอย่างก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน
นอกจากนี้ นางสาวสำรวย น้าคนตาย ได้เอาสิ่งของทั้งหมดของคนตายซึ่งใส่กระเป๋าใบเดียวกันกับที่คนตายสะพายในวันเกิดเหตุ โดยรับสัมภาระดังกล่าวติดตัวมาให้ทีมข่าวดู ซึ่งน้าได้มีการเทสิ่งของภายในออกมา พบว่าส่วนใหญ่จะมีกระจก เครื่องสำอาง สายชาร์จและหูฟัง กระดาษเขียนเบอร์โทรน้าสาว และรวมถึงถุงขนม ซึ่งบรรจุอยู่ภายในกระเป๋าใบดังกล่าว และน้าของคนตายยังได้เอาสมุดซึ่งทราบว่าเป็นจดหมายข้อความสุดท้ายที่คนตายเขียนเอาไว้ที่บ้าน ในพื้นที่ศรีราชา ซึ่งจดหมายดังกล่าวเขียนเอาไว้ในสมุดโน้ต 2 หน้า โดยหน้าแรกเป็นลักษณะคล้ายพินัยกรรมสั่งเสียและขอโทษ รวมถึงฝากทรัพย์สินต่าง ๆ ให้ญาติแต่ละคน และข้อความอีกหน้าการเขียนถึงแฟนหนุ่ม พร้อมกับมีการบอกรัก
ขณะเดียวกันน้าของคนตายยังได้มีการไปเอาสมุดไดอารี่ของคนตาย ซึ่งมีการเขียนข้อความบันทึกความทรงจำตั้งแต่ปี 2565 จนถึง 2566 แต่ไม่ได้มีการเขียนต่อเนื่อง ซึ่งคนตายจะมีการเขียนระบาย และมีการบันทึกเกี่ยวกับช่วงชีวิตทั้งสุขและเศร้าเอาไว้ โดยจากข้อความดังกล่าวจะเห็นว่าคนตายมีลักษณะคล้ายมีหลายอารมณ์