จากกรณีพบศพ น้องครีม หญิงสาวอายุ 21 ปี ชาว จ.หนองคาย เสียชีวิตอยู่ในพงหญ้าบริเวณริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลักกม.ที่ 144 ขาล่องใต้ อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี ในสภาพร่างเน่าเปื่อย ข้อมือซ้ายสวมนาฬิกาสายสีฟ้าเรือนทอง ที่นิ้วกลางสวมแหวนทอง 1 วง ข้อมือขวาสวมสร้อยลูกปัดหินมงคล และที่หัวไหล่ด้านซ้ายมีรอยสัก ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าจะเป็นคดีฆาตกรรมอำพรางศพ
ต่อมาทีมข่าวข่อง 8 ได้ลงพื้นที่สืบหาความจริงจากญาติผู้เสียชีวิต พร้อมตามหาภาพกล้องวงจรปิด จนพบภาพชาย มีหนวดขับรถคันดังกล่าว ที่ผู้ตายขับมาจากภูเก็ต จนตรวจพบกล้องวงจรปิด ในอีกหลายๆจุด ทำให้สืบทราบได้ว่า ใคร คือ ฆาตกร พร้อมเบาะแสชี้เป้า ทำให้ในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้าย ทำแผนได้นั้น
ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรีพร้อมด้วยชุดสืบสวนสภ. เขาย้อยสามารถจับกุมตัวนายภานุวัฒน์ อายุ 20ปี หรือนายนุผู้ก่อเหตุฆ่าน้องครีม
โดยตำรวจควบคุมตัวไว้ที่สภ. เขาย้อยและนำตัวออกมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเวลาประมาณ 09:00 น. โดยตำรวจนำเสื้อเกราะและชุดป้องกันให้นายนุใส่จากนั้นก็ใส่กุญแจมือและนำออกจากห้องขังเดินไปขึ้นรถขณะที่เดินไปขึ้นรถนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายนุว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นจึงต้องฆ่าน้องบีมแต่นายนุ ไม่ยอมตอบ
เมื่อถึงทางลงบันไดโรงพักปรากฏว่าแม่ของน้องครีมซึ่งมาทำเรื่องเอกสารการเสียชีวิตยืนอยู่มุมบันไดก็ได้ปรี่เข้าไป ตบหน้านายจนหมวกกระเด็นหลุดแล้วตะโกนถามว่า “ มึงฆ่าลูกกูทำไม”
จากนั้นตำรวจได้เข้ามาห้ามและควบคุมสถานการณ์คุมตัวนายนุขึ้นรถรถตู้ไปทำแผน
จากการสอบสวน นายอนุวัฒน์ พิมมาศ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนรู้จักกับน้องครีม ผู้เสียชีวิตใน App หาคู่ มาระยะหนึ่งแล้ว และเคยได้มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยช่วงก่อนเกิดเหตุ ตนได้นั่งเครื่องบินจากกรุงเทพไปลงที่สนามบินภูเก็ต เพื่อไปหาน้องครีม ผู้เสียชีวิต และเข้าพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นก็ให้น้องครีม ผู้เสียชีวิต เดินทางมารับตน เพื่อเดินทางนำรถกระบะไปคืนนายเค แฟนเก่า ในพื้นที่กรุงเทพ
กระทั่งเดินทางเข้าพื้นที่เขตอำเภอสามร้อยยอด แฟนสาวของนายอนุวัฒน์ฯได้โทรศัพท์เข้ามาหานายอนุวัฒน์ โดยน้องครีมพยายามพูดจาส่งเสียงดัง เพื่อให้แฟนของนายอนุวัฒน์ทราบว่า อยู่ด้วยกัน จากนั้นน้องครีมได้ตบหน้านายอนุวัฒน์ ทำให้นายอนุวัฒน์ เกิดโมโห เลยลงมือบีบคอน้องครีมจนเสียชีวิตในรถ และขับรถมาเรื่อยๆ นำศพมาทิ้งในบริเวณดังกล่าว
กระทั่งต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวนายอนุวัฒน์ฯ ได้ในพื้นที่ตำบลบ้านกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะพากิ๊กสาวอีกคนไปกินอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง และควบคุมตัวมาทำการสอบสวน โดยอนุวัฒน์ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าน้องครีมจริง โดยสาเหตุเกิดจากความโมโห
ทั้งนี้มีข้อมูลว่านายอนุวัฒน์ ได้นำภาพและข้อมูลรถกระบะของน้องครีม ไปลงขายผ่านทางหน้าเพจ ออนไลน์ กลุ่มซื้อขายรถในพื้นที่ภาคใต้
ทางด้าน น.ส.พรพรรณ อายุ 42 ปี แม่ของน้องครีมผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่สภ. เขาย้อย มาทำเรื่องเอกสารการตายของลูก แม่เล่าว่า แม่เพิ่งทราบจากนักข่าวว่าวันนี้ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุที่ฆ่าลูกของแม่ได้แล้ว โดยส่วนตัวแม่ไม่รู้ว่านายนุคบหากับน้องครีม เพิ่งรู้ว่า ลูกสาวไปคบหากับนายนุผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกสาวทำงานอยู่ที่จังหวัดพิจิตรและต่อมาไปทำงานอยู่ที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนเมษายนปี 66 จากนั้นแม่ก็ไม่รู้ว่าลูกไปคบหากับใครต่อ แต่ลูกมักจะส่งข้อความมาพูดคุยกับแม่เป็นประจำทุกวัน
สำหรับนายนุผู้ก่อเหตุ แม่อยากให้ตำรวจดำเนินการอย่างถึงที่สุด ถึงขั้นประหารชีวิตไปเลยยิ่งดี เนื่องจากผู้ชายคนนี้มีจิตใจโหดร้ายอำมหิต หากตอนนี้ดวงวิญญาณของน้องครีมกำลังรับฟังแม่อยู่ อยากบอกว่า “แม่พยายามออกมาช่วยลูกแล้วและตามหาลูกทุกวัน” พอพูดจังหวะนี้คุณแม่ก็เสียงสั่นเครือและร้องไห้ออกมา
นอกจากนี้แม่ยังเล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ลูกสาวเสียชีวิต แม่ก็ไม่เคยฝันถึงลูก เนื่องจากแม่ทำใจไม่ได้จึงทำให้นอนไม่ค่อยหลับ แต่เมื่อคืนนี้มีเพื่อนของน้องครีมมีความฝันแปลกๆ โดยฝันว่าน้องครีมมานั่งร้องไห้แล้วบอกว่าลูกเจ็บปวดตามร่างกายเหลือเกินส่วนตัวของแม่ในวันที่ไปรับศพลูกที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจก็ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ลักษณะเสียงคล้ายกับน้องครีม นอกจากนี้ในวันที่มาเชิญวิญญาณของลูก แม่ได้กลิ่นแปลกๆ จึงเชื่อว่านี่คือกลิ่นของลูกสาวที่กำลังตามแม่กลับบ้าน นอกจากนี้เพื่อนสนิทของน้องครีมยังฝันว่าลูกอยากกินข้าวมันไก่ด้วย
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังร้านอาหารซีฟู้ดแห่งหนึ่ง ใน อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นจุดที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเข้าไปควบคุมตัวนายอนุวัฒน์มาสอบปากคำก่อนในที่สุดจะยอมรับว่าตนเองนั้นคือคนลงมือสังหารน้องครีม ผู้ตายนั่นเอง โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางกนกอร อายุ 44 ปี เจ้าของร้านอาหารซีฟู้ดดังกล่าว โดยนางกนกอรเล่าว่า
เมื่อวานที่ผ่านมาทางตนนั้นสังเกตว่ามีผู้ชายกลุ่มใหญ่เดินทางเข้ามารับประทานอาหารซีฟู้ดที่ร้านของตนในช่วงค่ำ ก่อนที่จะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งโดยมาประมาณ 4 คนเดินทางเข้ามาสั่งอาหารภายในร้านของตนเช่นกัน ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้มีการสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากินกันอย่างเต็มที่ โดยเวลาผ่านไปจนถึงเวลาประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ ทางตนก็สังเกตว่าภายในร้านนั้นมีเพียงแค่ชายกลุ่มใหญ่พร้อมกับกลุ่มคนอีก 4 คน อยู่ภายในร้านเพียงสองกลุ่มแล้วเท่านั้น
และเมื่อทางคนกลุ่มใหญ่เห็นว่าทางกลุ่ม 4 คนได้มีการเดินไปเช็กบิลเพื่อเตรียมออกจากร้านแล้วนั้น ทางคนกลุ่มใหญ่ ก็ได้เดินไปหากลุ่ม 4 คน ดังกล่าว และมีการเดินออกจากร้านไปด้วยกัน ซึ่งทางตนก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นกลุ่มคนที่มาด้วยกันและเมื่อเช็กบิลเสร็จ ทั้งหมดก็ออกไปพร้อมกันทันที
ส่วนผู้ต้องหาที่ทางตำรวจเข้ามาจับกุมทางตนไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ก็เคยเห็นว่ามากินที่ร้านของตนบ้างพอจะจำหน้าได้
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้สัมภาษณ์ความรู้สึก มิกซ์ กรรณวัฒน์ มงคลนำ หลังจากที่ช่วยคลี่คลายคดีน้องครีม ได้สำเร็จ
โดยเรื่องแรกนั้นเรื่องของการเปิดประเด็นเรื่องของการไล่กล้องวงจร จนเป็นชนวนเหตุในการตามตัวผู้ก่อเหตุมาลงโทษได้สำเร็จ เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทางทีมข่าวได้มีการช่วยกันไล่กล้องวงจรปิด จนไปพบกล้องวงจรจุดที่น่าสงสัย คือจุดที่น้องครีม มีการเลี้ยวเข้าไปภายในซอยแล้วหายไปนานกว่า 5 นาที ก่อนจะขับออกมาแล้วมุ่งหน้าออกจาก จ.ภูเก็ต ทำให้ทีมข่าวได้สังเกตจากจุดต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิด แล้วเดินทางไปยังจุดดังกล่าวทันที
และเมื่อมาถึงทีมข่าวช่อง 8 พบว่า ภายในซอยดังกล่าวที่น้องครีมได้มีการขับเข้ามาและหายไปนาน 5 นาที มีรีสอร์ตอยู่ข้างในซอย จากนั้นทีมข่าวจึงเข้าไปสอบถามกับพนักงานภายในรีสอร์ต แต่ต้องมีการเท้าความไปก่อนว่าก่อนหน้านี้ทางทีมข่าวช่อง 8 ได้มีการได้ภาพของผู้ต้องสงสัยที่มีลักษณะหน้าตาไว้หนวดไว้เครามาก่อนหน้านี้
ทำไมทางทีมข่าวจึงได้นำรูปของบุคคลต้องสงสัยที่มีการไว้หนวดไว้เคราไปให้กับทางพนักงานรีสอร์ตได้ดูว่ามีหน้าตาคล้ายกับคนที่เคยเข้ามา พักผ่อนที่รีสอร์ตหรือไม่ ปรากฏว่าทางพนักงานรีสอร์ตบอกกับทีมข่าวว่าผู้ต้องสงสัยที่มีการไว้หนวดไว้เครามีหน้าตาคล้ายคลึงกับแขกที่เข้ามาพักภายในรีสอร์ตห้องหมายเลข 9 โดยมีการเข้าพักเมื่อวันที่ 1 และเช็กเอาท์ออกในวันที่ 2 ช่วงเที่ยง
ซึ่งหลังจากที่ทราบว่ามีชายต้องสงสัยลักษณะดังกล่าวเข้ามาพักอยู่ภายในรีสอร์ตภายในห้องหมายเลข 9 แล้ว ทางพนักงานรีสอร์ตก็จึงมอบข้อมูลเป็นภาพใบขับขี่ ที่ทางพนักงานรีสอร์ตได้มีการถ่ายเก็บไว้ และพบว่าบุคคลที่มาเข้าพักภายในรีสอร์ตและมีหน้าตาคล้ายคลึงกับผู้ต้องสงสัย ชื่อว่านายอนุวัฒน์ นั้นเอง หลังจากนั้นหลังจากที่ตำรวจจึงได้มีการเข้ามาขอข้อมูลจนนำไปสู่การจับกุมนายอนุวัฒน์ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุจริงๆ
ซึ่งกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ต้องขอขอบคุณทีมงานทุกคน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการแชร์ข้อมูลให้กับทีมข่าวช่องแปด พนักงานรีสอร์ตและเพื่อนๆของน้องครีม ที่มีการใช้ข้อมูลจนนำไปสู่การจับตัวผู้ต้องหาได้สำเร็จ
ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดเพชรบุรีพร้อมด้วยชุดสืบสวนสภ. เขาย้อยสามารถจับกุมตัวนายภานุวัฒน์ อายุ 20 ปี หรือนายนุผู้ก่อเหตุฆ่าน้องครีม โดยตำรวจควบคุมตัวไว้ที่สภ. เขาย้อยและนำตัวออกมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเวลาประมาณ 09:00 น.
จุดที่1
เป็นจุดที่ทิ้งศพโดยขับรถเข้ามาจอดบริเวณด้านหน้าทาง เข้าพงหญ้า โดยนายนุใช้เวลาจุดนี้คิดว่าจะนำศพเข้าไปทิ้งในป่า จากนั้นก็ขับรถกระบะโดยเจ้าหน้าที่นำรถกระบะสีดำมาจำลองเหตุการณ์เสมือนจริงนายนุขับกระบะเข้าไปยังทิ้งศพ จากนั้นเจ้าหน้าที่นำหมอนข้างซึ่งจำลองเป็นร่างของน้องครีมนายนุก็ ลากหมอนข้างที่เป็นเหมือนร่างน้องครีม มากับพื้นแล้วทิ้งลง พื้นจากนั้นใช้น้ำยาล้างห้องน้ำเทราดที่ใบหน้า ซึ่งจากการสอบถามชุดจับกุมระบุว่าการที่นำน้ำยาล้างห้องน้ำราดใส่หน้าน้องครีมเพื่อต้องการให้น้ำยากัดใบหน้าไม่ให้ใครจดจำใบหน้าได้จากนั้นก็นำขวดน้ำยาล้างห้องน้ำโยน ใส่หลังกระบะรถและขับหลบหนีไป
จุดที่ 2
บริเวณถนนเพชรเกษม จุดกลับรถ ใกล้กับที่ทิ้งศพ ซึ่งนายนุขับรถวนเวียนหลายครั้งโดยขับช้าช้าเพื่อหาที่ทิ้งศพ และขับรถวนกลับไปมา
จุดที่ 3
ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ใกล้กับจุดทิ้งศพจุดนี้ นายนุแวะปั๊มน้ำมันแห่งนี้เพื่อที่จัดซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำจากนั้นก็ขับรถไปที่เกิดเหตุอีกรอบหนึ่งเพื่อนำไปราดใส่หน้าน้องครีม เพื่อเป็นการอำพรางไม่ให้มีคนจำได้
จุดที่ 4
กม. 255 ถนนเพชรเกษม อำเภอปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ จุดนี้เป็นจุดสำคัญโดยนายนุจอดรถข้างทางแล้วจำลองเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ดูเพราะเป็นจุดที่บีบคอน้องครีมจนเสียชีวิตโดยนำหมอนข้างมาจำลองเป็น น้องครีมจากนั้นนายนุก็เอื้อมมือจากที่นั่งคนขับบีบคอจนขาดอากาศหายใจเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุเมื่อรู้ว่าเสียชีวิตแล้วจุดนี้นายนุก็ปรับเบาะ เอนนอนแล้วใช้ผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต
จุดที่ 5
นายนุเคลื่อนรถออกมาได้ประมาณ 500 เมตรก็จอดอีกครั้งหนึ่งโดยจอดรถครั้งนี้นายนุทำการเคลื่อนย้ายศพโดยนำร่างของน้อง ครีมจากจุดเบาะนั่งหน้ารถข้างคนขับไปไว้ที่แคปหลังรถเพื่อไม่ให้ใครเห็นหรือ มีพิรุธ
จุดที่ 6
นายนุแวะเข้าปั๊มห่างจากจุดที่ฆ่าน้องครีมประมาณ 1 กิโลเมตรโดยจุดนี้แวะเข้าห้องน้ำและเข้าไปซื้อบุหรี่ในร้านสะดวกซื้อ ก่อนจะขับรถออกมามุ่งหน้าไป
จุดที่ 7
เป็นร้านคลินิกตรวจสุขภาพ แห่งหนึ่งในอำเภอปราณบุรี หญิงคนสนิทคนนี้ คือคนที่ นายนุ โทรศัพท์คุยด้วย โดยหญิงคนนี้ทำงานที่คลินิกตรวจสุขภาพและ นอนอยู่ที่นี่ อยู่ที่นั่น 1 ชั่วโมงโดยทิ้งศพไว้ในรถซึ่งนายนุไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดหรือรู้สึกหวาดผวากลัวกับการที่ฆ่าคนแล้วยังมีเวลาไปหาหญิงคนสนิท
จากนั้นก็ขับรถไปยังเขตอำเภอเขาย้อยจังหวัดเพชรบุรีหาจุดทิ้งศพ จนพบป่าบริเวณหลักกิโลเมตร ที่ 114 จุดที่พบศพก็นำศพไปทิ้งแล้วหลบหนีไป
สำหรับการก่อเหตุของนายอนุวัฒน์ หรือนุอายุ 20 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าน้องครีมแล้วนำศพไปทิ้งพงหญ้า ทีมข่าวเราได้ข้อมูลจากชุดสืบสวนพบว่าการก่อเหตุครั้งนี้ปมชนวนมาจากเรื่องหึงหวง
โดยน้องครีมได้รู้จักกับนายนุ ผ่านทางแอพพลิเคชั่นหาคู่จากนั้น ช่วงเดือนเมษายนก็ได้เดินทางไปหาน้องครีมที่จังหวัดภูเก็ต ก่อนสานสัมพันธ์เรื่อยมา
จนกระทั่งคบกันและน้องครีมเคยเล่าว่ามีปัญหากับอดีตแฟนเก่าต้องนำรถไปคืนนายนุจึงอาสาที่จะขับรถ ไปคืนนายเคให้
จากนั้นนายนุก็เดินทางจากกรุงเทพโดยขี่รถจักรยานยนต์ ไปจอดทิ้งไว้ที่สนามบินดอนเมืองและขึ้นเครื่องบินไปที่จังหวัดภูเก็ต แล้วพบกับน้องครีมไปเปิดโรงแรมนอนก่อน 1 คืน โดยใช้ใบขับขี่ ยืนยันตัวตนที่โรงแรม พอช่วงสาย ก็ออกเดินทาง จากภูเก็ตไป จ.พิจิตร เพื่อนำรถไปคืนนายเค
นายเคและน้องครีม ขับรถ มาตามถนนเพชรเกษมจนกระทั่งถึงช่วงหลักกิโลเมตรที่ 255 อำเภอปราณบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ จุดนี้ ถือเป็นจุดสำคัญเพราะเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายน้องครีม โดย นายนุและน้องครีมเริ่มมีปากเสียงกันเนื่องจาก มีผู้หญิงโทรเข้ามาหานายนุ ตอนนั้นน้องครีม จึงถามว่าหญิงในสาย เป็นใครจากนั้นก็มีการหยิกที่แขนและตีที่ไหล่ นายนุ ทำให้นายนุโมโหโกรธ จึงจอดรถและบีบคอน้องครีมจนเสียชีวิต
จากนั้นก็กดเบาะนอนให้น้องครีม นอนราบกับเบาะนั่งข้างคนขับและใช้ผ้าคลุม ก่อนจะย้ายศพจากเบาะที่นั่งข้างคนขับไปไว้ที่แคปด้านหลัง แล้วก็ขับรถไปหาหญิงคนสนิทอีกคนใน อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อไปถึงบ้านของคนสนิท ก็เข้าไปหาหญิงคนนี้ โดยใช้เวลาอยู่กับหญิงคนนี้ ประมาณ 1 ชั่วโมงโดยทิ้งศพน้องครีมไว้ในรถ
เมื่อเสร็จภารกิจจากบ้านของหญิงคนสนิทแล้วนายนุ ก็ขับรถ จากอำเภอทับสะแก ไปหาจุดทิ้งศพ เมื่อถึงอำเภอเขาย้อยนายนุขับวนเวียนและพยายามหาป่าที่อยู่ข้างทางหลับตาคนจนกระทั่งพบจุดที่ทิ้งศพช่วงหลักกิโลเมตรที่ 114 จึงเลี้ยวรถเข้าไปนำศพไปทิ้งจากนั้น
ขับรถเข้ากทม. ไปบ้านพักย่านปทุมธานี นอนพัก พอตื่นก็นำรถไปขาย ที่เต็นท์รถย่านรังสิต ในราคา 1 แสนบาท และเอาเงินนี้ ไปใช้หนี้ ให้กับหญิงคนสนิท
โดยเส้นทางการหลบหนี ตั้งแต่วันที่เย็นวันที่ 4 มิถุนายน นายนุเห็นข่าวตัวเองว่าไปเช็กอินที่โรงแรมแห่งหนึ่งจังหวัดภูเก็ต
จากนั้นนายนุ รู้ตัวว่าต้องหนี จึงหนีจากบ้านพักในจ.ปทุมธานี ขับรถกระบะของพ่อ ถอดป้ายทะเบียนออก ขับล่องใต้ มาหาเพื่อนที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
จากนั้นก็ไปที่ บ้านเพื่อนในเขตเทศบาลบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขณะจับกุม นายนุ นั่งกินข้าวกับเพื่อน แบบสบายๆท่าทางปกติ ไม่มีพิรุธว่าไปก่อเหตุฆ่าคนตาย จนเจ้าหน้าที่จับกุม
โดยวินาทีที่จับกุม นายนุ ยังให้การภาคเสธอ้างว่า น้องครีมหยุดหายใจเอง เพราะป่วยเป็นโรคหอบหืด นั่งรถแล้วหยุดหายใจเอง แต่ตำรวจไม่เชื่อ คุมตัวมาสอบปากคำ จนยอมรับสารภาพ
ทีมข่าวสอบถามพนักงานร้านสะดวกซื้อคนที่ขายน้ำยาล้างห้องน้ำให้กับนายนุไปใช้ก่อเหตุเทราดหน้าน้องครีมหลังจากเสียชีวิตแล้วเพื่ออำพรางไม่ให้มีบุคคลบุคคลอื่นจำหน้าได้
โดยพนักงานร้านสะดวกซื้อเล่าว่า เวลาประมาณ 03.30 น นายนุมาซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำขวดสีม่วงขวดใหญ่หนึ่งขวดพร้อมกับกระดาษชำระหนึ่งม้วนจากนั้นก็มาชำระเงินด้วยเงินสด โดยไม่มีท่าที สลดหรือกังวลใจเป็นอาการปกติเหมือนคนทั่วไป
พอวันนี้มาทราบข่าวก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเพราะเท่าที่ดูในผู้ก่อเหตุยังดูเป็นวัยรุ่นไม่คิดว่าจะกล้าฆ่าคนได้ขนาดนี้
ทีมข่าวช่องแปดได้ภาพกล้องวงจรปิดช่วงสำคัญของเหตุการณ์ครั้งนี้คือการที่นายนุขับรถมา หานางสาวเฟิร์นแฟนสาวที่อำเภอปราณ บุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์โดยขณะที่นั้นในรถมี ศพของน้องครีมนอนอยู่ บริเวณแคปกระบะ
ภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพวันที่ 02/06/67 เวลา 23.57 น.
นายนุ ขับรถมาหาแฟนสาว ที่คลินิกสุขภาพแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอปราณบุรี โดยขับรถโตโยต้ารีโว น้องครีมมา ใช้เวลาอยู่กับยางสาวเฟิร์นประมาณ 1 ชั่วโมง
โดยภาพจะเห็นว่านายนุขับรถเข้ามาจอดบริเวณ ข้างร้านขายโทรศัพท์มือถือเมื่อจอดรถแล้วก็ล็อกรถ แล้วเดินไปคลินิกซึ่งเป็นห้องแถวห้องที่สามนับจากด้านซ้ายมือจากนั้น นางสาวเฟิร์นก็มาเปิดประตูให้นายนุเข้าไป ในคลินิก
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง เวลาประมาณ 00.57 นาทีนายนุออกมาจากคลินิกแล้วเดินไปที่รถสังเกตว่าเมื่อเปิดรีโมทรถแล้วนายนุเข้าไปนั่งในรถก็เปิดไฟในรถคาดว่าช่วงเวลานี้นายนุเปิดไฟดูศพของน้องครีมจากนั้นก็ขับรถออกไปโดยเปิดเปิดไฟทิ้งไว้ระยะหนึ่ง
โดยข้อมูลนี้ไปสอดคล้อง ของตำรวจทางหลวงที่สามารถบันทึกภาพรถของนายนุวิ่งผ่านอำเภอปราณบุรีช่วงเวลาประมาณตีหนึ่งกว่า จากนั้นรถของนายนุก็วิ่งไปที่อำเภอเขาย้อยขับวนเวียนตามที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพแล้วก็นำศพไปทิ้ง
ครอบครัว น้องครีม ผู้ตาย ขอบคุณช่อง 8
ทางครอบครัว ผู้สูญเสีย คือ นายนรินทร์ คุณตาของน้องครีม ได้ส่งข้อความมาขอบคุณทีมข่าวช่อง 8 โดยมีข้อความว่า “ผมและครอบครัวน้องขอบคุณทีมข่าวช่อง 8 มากๆ ที่ช่วยติดตามคนร้ายจนจับตัวได้ไว ขอบคุณมากนะครับ”
ล่าสุดทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่แผงผลไม้ของพ่อนายนุตามภาพกล้องวงจรปิด เราได้พูดคุยกับนางสาวสายฝน แม่ค้าขายไก่ต้ม ซึ่งอยู่ใกล้กับแผงของนายนุผู้ก่อเหตุ ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ที่ผ่านมานายนุมักจะเดินทางมาช่วยพ่อขายผลไม้ที่แผงอยู่เป็นประจำ แต่จะไม่ได้อยู่เฝ้าร้าน จะเป็นคนขับรถนำผลไม้มาส่งให้เท่านั้น และรถกระบะสีขาวตามกล้องวงจรปิดก็เป็นรถของนายนุซึ่งใช้อยู่เป็นประจำอยู่
ส่วนที่นายนุไปก่อเหตุฆาตกรรมแฟนสาว ตนเองก็เพิ่งทราบจากข่าว และไม่เห็นนายนุมาเกือบอาทิตย์แล้ว ตกใจมากที่นายนุไปฆ่าแฟนสาวทิ้ง เมื่อวานนี้พ่อของนายนุยังขายผลไม้อยู่เลย
เช่นเดียวกับแม่ค้าอีกคนที่ให้ข้อมูลว่านายนุไม่ได้มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งเท่าที่ทราบจะเป็นเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยอยู่ในพื้นที่ มักจะเดินทาง มาช่วยพ่อขายผลไม้อยู่บางครั้ง ซึ่งปกตินายนุก็เป็นคนนิสัยดี ช่วยครอบครัวทำงาน ถ้าคิดว่าจะไปทำกับผู้หญิงแบบนี้ ส่วนตัวผู้หญิงผู้หญิงตนเองไม่เคยเห็นเคยเดินทางมาที่แผงในตลาด
นายเค (นามสมมติ) แฟนเก่าครีม เผยหลักฐานใบแสดงผลการสแกนลายนิ้วมือเข้าออกงาน ขณะกักตัวและทำงานฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร เพื่อยันความบริสุทธิ์ของตนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของครีม ภายหลังญาติครีมยังเชื่อว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องการตาย เพราะก่อนครีมหายตัวได้ทะเลาะกับตนและแม่ของตนเรื่องรถกระบะที่ชื่อครอบครองเป็นชื่อตน โดยมีชื่อครีมเป็นผู้ค้ำประกัน
หลักฐานใบแสดงผลแสกนลายนิ้วเข้าออก มีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม - 10 พฤษภาคม (วันนี้)
-วันที่ 29 พ.ค. เข้างาน 06.47 น. ออก 18.00 น.
-วันที่ 30 พ.ค. เข้างาน 06.44 น. ออก 17.14 น.
-วันที่ 31 พ.ค. เข้างาน 06.40 น. ออก 18.01 น.
-วันที่ 1 มิ.ย. เข้างาน 06.53 น. ออก 18.06 น.
-วันที่ 2 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ครีมหายตัว นายเคเข้างาน 07.06 น. ออก 17.05 น.
-วันที่ 3 มิ.ย. เข้างาน 06.47 น. ออก 17.19 น.
-วันที่ 4 มิ.ย. เข้างาน 06.40 น. ออก 18.01 น.
-วันที่ 5 มิ.ย. เข้างาน ไม่มี ออก 17.09 น.
-วันที่ 6 มิ.ย. เข้างาน 06.44 น. ออก 17.10 น.
-วันที่ 7 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันพบศพครีม นายเคเข้างาน 06.50 น. ออก 17.12 น.
-วันที่ 8 มิ.ย. เข้างาน 06.34 น. ออก 17.02 น.
-วันที่ 9 มิ.ย เข้างาน 06.38 น. ออก 17.04 น.
-วันที่ 10 มิ.ย. เข้างาน 06.45 น. ออก 17.26 น.
ญาติคาใจ ไอ้นุฆ่าครีมส่อวางแผนชิงทรัพย์
ขณะที่นายธีรศักดิ์ อายุ 26 ปี พี่ชายคนโตผู้เสียชีวิต บอกว่า หลังจากที่ตำรวจจับนายอนุวัฒน์คนร้ายตัวจริงที่ฆาตกรรมน้องสาวตนได้แล้วตนรู้สึกทั้งดีใจและเสียใจ โดยดีใจที่สามารถคืนความยุติธรรมให้น้องสาวตนได้และน้องสาวตนนอนตายตาหลับ แต่เสียใจที่ฆ่าน้องสาวตนเสียชีวิต น้องไม่ฟื้นมาอีกแล้ว
ตอนแรกตนสงสัยว่าน่าจะเป็นนายเค แฟนเก่าของน้องเนื่องจากก่อนน้องเสียชีวิตไม่ได้มีข้อพิพาทกับใคร แต่พอคนร้ายตัวจริงคือนายอนุวัฒน์ก็ผิดคาดเล็กน้อย เพราะก่อนหน้าที่น้องจะเสียชีวิตไม่ได้เล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ให้ตนและครอบครัวฟังเลย แม้กระทั่งตอนที่น้องไปจ.ภูเก็ต ครีมบอกกับตนเพียงว่ามีคนรู้จักที่นั่นชวนไปทำงาน ตนก็คิดว่าเป็นเพื่อน แต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นตนก็เอะใจทันทีว่าคนที่ชวนน้องสาวตนไปทำงานก็น่าจะคือนายอนุวัฒน์ ส่วนความสัมพันธ์ทั้งสองจะมีการรู้จักกันอย่างไรตนไม่ทราบ
คำรับสารภาพของผู้ต้องหาที่อ้างว่าครีมหึงหวงที่อีกฝ่ายมีผู้หญิงโทรมาจากนั้นจึงบันดาลโทสะบีบคอน้องสาวตน ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นการบันดาลโทสะและหึงหวง เชื่อว่าเป็นการเตรียมการเพื่อมาฆ่าและต้องการที่จะชิงทรัพย์คือรถ เพราะหลังฆ่าน้อง ทิ้งศพอำพรางศพน้อง ก็เอารถของแฟนเก่าน้องขับออกไปจากที่เกิดเหตุทันที ตนให้น้ำหนักที่ปมฆ่าชิงทรัพย์ และไม่เชื่อว่านายอนุวัฒน์ลงมือฆ่าน้องตนคนเดียว
ยืนยันว่าตนเองยังมีความสงสัยเกี่ยวกับตัวของนายเค แฟนเก่าน้องว่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่กับการเสียชีวิตครั้งนี้ / เพราะตนเองเห็นคลิปที่เคอัดคลิปพร้อมนั่งกับเพื่อนร่วมงานระบุว่าในวันที่น้องหายตัวไปถูกกักตัวอยู่ที่ฟาร์มหมู แต่ความเป็นจริงถ้ากักตัวก็ต้องอยู่คนเดียว แล้วช่วงแรกที่บอกกับครอบครัวตนก็ไม่ตรงพูดวกไปวนมา
ซึ่งหลังจากจับคนร้ายตัวจริงได้เคก็ไม่ได้ติดต่อมาหาครอบครัวตนรวมถึงไม่ได้ทักมาบอกว่าจะมาร่วมงานศพของน้องสาวตนหรือไม่ แต่ถ้านายเคจะมาจริง ตนก็ไม่มั่นใจว่าครอบครัวของตนจะรับได้หรือไม่เพราะก่อนน้องสาวเสียชีวิตทั้งนายเคและแม่ของนายเคก็มาต่อว่าน้องสาวตน
นอกจากนี้หลังที่ตำรวจจับคนร้ายได้น้องสาวได้มาเข้าฝันเพื่อน ลักษณะในฝันน้องร้องไห้แล้วบอกว่าถูกฆ่าอย่างเจ็บปวด ก่อนที่จะหันหลังให้กับเพื่อนในความฝัน
ตนเสียใจที่วันเกิดเหตุน้องยอมไปกับนายอนุวัฒน์เพราะความเชื่อใจแต่สุดท้ายถูกฆ่า และตนอยากบอกอีกว่า ที่ทางครอบครัวนายอนุวัฒน์ให้สัมภาษณ์ว่านายอนุวัฒน์เป็นคนพูดเพราะนิสัยดีสุภาพเรียบร้อย ตนอยากถามครอบครัวนายอนุวัฒน์คืนว่าคนที่มีคุณสมบัติผู้ดีแบบนี้หรอที่มาฆ่าน้องสาวตน สุดท้ายอยากให้ประหารชีวิตนายอนุวัฒน์เพราะมันมาฆ่าน้องสาวตน
จุดธูปบอกวิญญาณครีม จับฆาตกรได้แล้ว
วันนี้ทีมข่าวเดินทางไปที่จัดงานศพของนางสาวเบญจรัตน์ หรือน้องครีม อายุ 22 ปีอีกครั้ง ที่อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย วันนี้หลังครอบครัวทราบเรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนก่อเหตุได้แล้วนางดอกรัง อายุ 62 ปี ยายของน้องครีมได้จุดธูป 1 ดอกบอกกล่าวหลานรักของตัวเอง พร้อมกับร้องไห้ไปด้วยบอกว่า “ครีมจับคนร้ายได้แล้วนะ ไม่ต้องห่วงอะไรแล้วไปสบายนะลูก “ โดยยายร้องไห้เพราะคิดถึงหลานและเจ็บใจที่คนร้ายได้ฆาตกรรมหลานอย่างโหดเหี้ยมก่อนทิ้งศพ
หลังจากนั้นนางดอกรัง อายุ 62 ปี ยายของน้องครีมให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันนี้รู้สึกดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวคนก่อเหตุได้หลังเมื่อวานตนและคนในครอบครัวเครียดกลัวจะจับคนก่อเหตุไม่ได้ “ใจจริงอยากให้คนก่อเหตุตายตามหลานไปเลย มากไปกว่านั้นคือประหารชีวิต “พ่อแม่คนก่อเหตุจะได้รู้ความรู้สึกพวกเธอที่สูญเสีย
ซึ่งจริง ๆ ตนรู้โทษโทษคงหนักถึงขนาดนั้นเพราะกฎหมายบ้านเราอ่อนเกินไป รับโทษเดี๋ยวคงออกมา อยากให้ประหารชีวิตเพราะอยากให้พ่อแม่ของผู้ต้องหารับรู้ว่าการเสียบุคคลที่รักในครอบครัวความรู้สึกมันเป็นยังไง ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต
ยิ่งพอมารู้พฤติกรรมของคนก่อเหตุที่ทำกับหลานสาวตนแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้ มันดูโหดเหี้ยมเกินไป ส่วนตัวตอนนี้ไม่เชื่อคำให้การของผู้ก่อเหตุ เพราะหลานตนน่าจะไม่ใช่คนเหลวไหลแบบนั้น ที่สำคัญตลอดระยะเวลาที่หลานมาหาตนไม่เคยเล่าเรื่องนายนุ ผู้ก่อเหตุให้ฟังเลยทำให้ตนเองไม่รู้จัก ช่วงที่มาหาวันสงกานต์ก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง
ส่วนเรื่องที่หลานเล่นแอปหาคู่ ตัวเองก็ไม่เคยรู้ ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมรอบนี้หลานไม่เล่าอะไรพวกนี้ให้ฟังปกติก็คุยและเล่าให้ฟังตลอด
ช่วงที่เกิดเหตุตนคิดว่านายนุ คนก่อเหตุน่าจะประสงค์ต่อทรัพย์สิน และมีการอำพรางศพไม่ให้คนรู้ด้วยเพราะมีการไปซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำมาราดศพ มองว่าคนก่อเหตุคิดไว้แล้ว ถึงทำได้ขนาดนี้โดยที่ไม่สงสารผู้หญิงซึ่งเป็นเพศแม่ตัวเองแบบนี้ ส่วนแฟนนายนุ ผู้ก่อเหตุจะรู้เห็นหรือไม่ตนเองไม่รู้ แต่ที่สงสัยคาดว่าต้องมีคนก่อเหตุมากกว่า 1 คนแน่นอน
ยอมรับตอนนี้ยังเสียใจวันพรุ่งนี้เป็นวันอังคารซึ่งตรงกับวันเกิดหลานสาว ( หมายถึงวันตรงคือวันอังคาร แต่เกิดจริง ๆวันเกิดคือวันที่ 29 ตุลาคม ซึ่งเกิดวันอังคาร ) ช่วงชีวิตหลานสาวไม่เคยได้เป่าเค้กเลยมีแต่ทำบุญใส่บาตรทุกปี ตนคิดไปแล้วก็สงสานหลานสาว
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายบัณฑิต หรือ ดำ พ่อเลี้ยงของครีม บอกขอบคุณช่อง 8 ที่ช่วยเปิดหลักฐานวงจรปิดและแกะรอยหาเบาะแสจนกระทั่งทราบผู้ต้องสงสัยคือใคร ซึ่งทางตำรวจก็ทำงานฉับไวตามจับผู้ต้องสงสัยห้องหมายเลข 9 ที่ภูเก็ตและรวบได้เพียงไม่กี่วันหลังพบศพครีม โดยขอบคุณที่ทำหน้าที่สื่อมวลชนและช่วยครอบครัวตน และยังทราบข่าวอีกว่าช่วงเช้าวันนี้มีญาติตนก็ไลน์ไปขอบคุณนักข่าวช่อง 8 แล้วที่ช่วยจนกระทั่งทุกฝ่ายตามจับนายอนุวัฒน์ได้
โดยสภาพจิตใจแม่ของน้องครีมตอนนี้แม้ภายนอกจะดูสดใสและเข้มแข็งแต่ปรากฏว่าตนที่อยู่กับตนสองคนร้องไห้ตลอด แม้กระทั่งตอนที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายตัวจริงได้สำเร็จ แล้วแม่ก็กลับมาที่บ้านพักของยายน้องครีมที่ จ.สุโขทัย ระหว่างทางที่ขึ้นรถมาแม่ร้องไห้ตลอดทาง เพราะคงไม่มีแม่คนไหนที่ทำใจได้ที่เสียลูก ซึ่งตนและภรรยาไม่ทราบเรื่องมาก่อนที่ลูกสาวไปพัวพันกับผู้ชายที่ชื่อว่านายอนุวัฒน์ก่อนหน้านี้ สุดท้ายอยากให้นายอนุวัฒน์ได้รับโทษโดยการประหารชีวิตเพราะชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต
ทีมข่าวได้ย้อนกลับมาพูดคุยกับนายสมพงษ์ (นามสมมติ) คนขับรถแท็กซี่อีกครั้ง นายสมพงษ์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า จากรูปภาพที่ตำรวจไปจับกุมนายอนุวัฒน์ผู้ก่อเหตุนั้น ตัวเองยืนยันว่า นายอนุวัฒน์เป็นคนเดียวกันกับที่ตัวเองขับรถแท็กซี่มารับที่หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งเมื่อเวลาประมาณ 20:56 น. ของวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งตอนที่มารับชายคนดังกล่าวนั้นเขาก็ยืนรอรถคนเดียว ก่อนที่ตัวเองจะพาเขาไปส่งที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งตามที่เสนอในข่าว โดยตอนที่อยู่บนรถชายคนดังกล่าวเค้าก็นั่งนิ่งเงียบไม่พูดจาอะไร
และพบว่าเมื่อถึงรีสอร์ตแล้วเขาจะพูดคุยกับพนักงานต้อนรับที่เป็นภาษาอังกฤษ ตอนนั้นตัวเองก็นึกว่าเขาเป็นชาวต่างชาติ หรือชาวอาหรับ เพราะว่าเค้ามีใบหน้าลักษณะคล้ายกับอาหรับ และมีหนวดอีกด้วย
ส่วนที่นายอนุวัฒน์พูดคุยกับพนักงานรีสอร์ตเป็นภาษาอังกฤษนั้น ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาต้องการแฝงตัวหรือไม่
ทางนี้ตัวเองก็รู้สึกตกใจที่เขาได้ไปก่อเหตุดังกล่าว แล้วก็รู้สึกดีใจที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว
ย่าไอ้นุ ไม่อยากเชื่อหลานคนดี ฆ่าน้องครีม
ทีมข่าวได้พบพบกับ นางเทพ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นย่าของนายอนุวัฒน์ โดยได้เล่าให้กับทีมฟังว่า
“ นายอนุวัฒน์นั้นเป็นหลานชายของตน ซึ่งเขาไม่ได้อยู่กับตนตั้งแต่เล็ก เพราะว่าพ่อแม่ของเค้าแยกทางกัน แม่ของเขาไปมีครอบครัวใหม่ใหม่อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ ทางด้านพ่อของเขาจึงได้พานายอนุวัฒน์เข้าไปอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่เด็ก ตนจึงไม่ได้มีความคุ้นเคยกับนายอนุวัฒน์
แต่ตนได้เจอกับนายอนุวัฒน์ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณสี่เดือนที่แล้ว ซึ่งลูกส??