วันที่ 11 มิ.ย. 2567 รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ของวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจสืบสวนนครบาล 1 บุกเข้าจับกุม นายนรเศรษฐ์ พร้อมด้วย นายกิจจา , น.ส.วาลิส และ น.ส.อัญชลีพร ได้ที่ห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่ง แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร พร้อมตรวจยึดของกลาง ยาไอซ์ จำนวน 6 ถุง, อาวุธปืน 11 มม. 1 กระบอก และกระสุนปืน 6 นัด หลังรับแจ้งมั่วสุมเสพยาเสพติดในห้องพักดังกล่าว โดยหนึ่งในผู้ต้องหา นายนรเศรษฐ์ เป็นญาติของ นายชาดา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งพ่อของ นายชาดา เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อนายนรเศรษฐ์ ผู้ต้องหา
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์)โดยผิดกฎหมาย และแจ้งข้อหา นายนรเศรษฐ์ เพิ่ม ในข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรฯ
ภายหลังชุดสืบสวนนครบาล 1 ซึ่งเป็นชุดจับกุมนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ส่งตัวมาที่ สน.มักกะสัน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยชุดสืบสวนใช้เวลาในการสอบสวนเบื้องต้นภายในห้องสืบสวนนานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนนำตัวทั้ง 4 ผู้ต้องหาออกมาจากห้องสืบสวน เพื่อนำสอบปากคำต่อที่ห้องสอบสวนชั้น 1 ภายในโรงพัก
โดยขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 4 รายออกมาจากห้องสืบสวน ผู้สื่อข่าวพยายามเข้าไปสอบถามนายนรเศรษฐ์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่เป็นญาติของนายชาดา ถึงประเด็นว่ามีความกังวลใจในคดีหรือไม่ และคอนโดนี้เป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติดหรือไม่ รวมถึงได้ติดต่อนายชาดาบ้างหรือไม่นั้น เจ้าตัวไม่ตอบคำถามใด ๆ
จากนั้นประมาณ 10 นาที พนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้ง 4 ผู้ต้องหา ขึ้นมายังห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อให้ทั้งหมดถอดอุปกรณ์ในตัว ทั้งกระเป๋า และเสื้อผ้า รวมถึงทรัพย์สินมีค่าออกจากตัว ก่อนจะนำตัวเข้าไปในห้องควบคุมผู้ต้องหา เพื่อรอส่งศาลในวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) ต่อไป โดยผู้ต้องหาทั้งหมด ยังไม่ตอบคำถามใด ๆ และอยู่ในอาการเคร่งเครียด
ขณะที่ พ.ต.อ.อุรัมพร ขุนเดชสัมฤทธิ์ ผกก.สน.มักกะสัน ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าของคดีว่า เบื้องต้นการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังทำบันทึกการจับกุมอยู่ ยังไม่ได้อยู่ในขั้นสอบสวน หลังจากนี้เมื่อทำขั้นตอนการบันทึกการจับกุมเสร็จ ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ซึ่งสถานที่ที่จับผู้ต้องหาทั้ง 4 รายได้นั้น อยู่ในพื้นที่ สน.มักกะสัน จึงได้ส่งตัวมาทำบันทึกการจับกุมที่นี่
แต่เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และไม่ได้รู้สึกกดดันอะไร ที่ 1 ในผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย มีนามสกุลเหมือนกับนักการเมืองชื่อดัง ส่วนหลังจากนี้ก็จะทำการตรวจสารเสพติดของผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย เนื่องจากว่าในตอนแรก ตำรวจสืบสวนนครบาล 1 ได้จับกลุ่มกรณีที่มียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อเสพเท่านั้น
ส่วนที่มีประเด็นว่าได้เปิดห้องที่โรงแรมแห่งนี้เพื่อมั่วสุมในการเสพยาเสพติดนั้น ผกก.สน.มักกะสัน บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่ดูจากโรงแรมแล้ว มองว่า เป็นโรงแรมที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนกับครอบครัวมากกว่า มักจะมีแต่ผู้เข้าพักที่มากับครอบครัว ยังไม่เคยมีพฤติกรรมที่มีคนมาเปิดปาร์ตี้ยา อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการขยายผลการจับกุมในครั้งนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วง 10.00 น. ที่ผ่านมา มีเพื่อนของกลุ่มผู้ต้องหา และทนายความเดินทางเข้ามาเยี่ยมและสังเกตการณ์ แต่ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ให้เพียงข้อมูลว่า มาสังเกตการณ์เท่านั้น ส่วนความสัมพันธ์ของผู้ต้องหาทั้ง 4 รายนี้ นายนรเศรษฐ์ เป็นญาติของ นายชาดา และ นายกิจจา เป็นคนขับรถของ นายนรเศรษฐ์ ส่วน น.ส.วาลิส และ น.ส.อัญชลีพร ไม่ใช่เด็กเอนฯ แต่ว่าเป็นคนรู้จักของทั้งคู่ที่รู้จักกันมานาน
ด้านนายเกริกเกียรติ กิ่งแก้ว ทนายของผู้ต้องหา ได้ให้ข้อมูลว่า หลังจากนี้ผู้ต้องหาจะให้การในชั้นพนักงานสอบสวนอีกครั้งหนึ่ง เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยวันพรุ่งนี้ญาติได้เตรียมหลักทรัพย์ไปประกันตัวในชั้นศาล ซึ่งต่างคนต่างยื่นเป็นเงินสดจำนวน 40,000 บาท อย่างไรก็ตาม ทุกคนไม่มีอาการเครียด เบื้องต้นตัวเองได้พูดคุยกับนายนรเศรษฐ์ ซึ่งได้เล่าข้อเท็จจริงทั้งหมดให้ฟัง
ล่าสุด นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวช่อง 8 ทางโทรศัพท์ เนื่องจากขณะนี้ร่วมพิธีฮัจญ์ อยู่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยยอมรับ นายนรเศรษฐ์ ที่ถูกจับภายในห้องพักโรงแรมดัง ย่านห้วยขวาง พร้อมยึดของกลางยาเสพติด อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน เป็นหลายของตนจริง ๆ
จากนั้นถามว่าโดนจับยาอะไร ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า เป็นยาไอซ์พร้อมกับอาวุธปืน นายชาดา จึงกล่าวว่า คนนี้มันแสบไปทั่วหมด ก็สมควรแล้ว แม้จะเป็นหลานของรัฐมนตรี ตนก็ต้องขอบอกว่าเอาให้เต็มที่เลย ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการได้เต็มที่เลย และไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนอยู่แล้ว ที่ผ่านมาตนก็เคยตักเตือนว่ากล่าวไปตั้งนานแล้ว และไม่ได้เคยเข้าบ้านของตนด้วย เพราะที่ผ่านมาเขาก็เป็นคนเกเรและมีข่าวเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งตนก็เคยตักเตือนไปแล้วด้วย
ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการจับกุมดังกล่าว ว่า อย่าไปนับกันขนาดนั้น เมื่อสักครู่ตนก็อ่านข่าวคนอื่นสงวนนามสกุลหมดเลย มีไทยเศรษฐ์คนเดียวไม่ยอมสงวนนามสกุล ไม่ค่อยแฟร์เท่าไร
พร้อมระบุว่า เป็นคนละคนกัน นายชาดามีญาติเป็นร้อยเป็นพันคน ประเด็นคือใครทำผิด อะไรก็ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่มีการช่วยเหลือไม่มีอภิสิทธิ์ และไม่มีการเคลียร์ใด ๆ ทั้งสิ้น ชัดเจนอยู่แล้ว ตอนนี้นายชาดาไปแสวงบุญอยู่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ขออย่าไปทำให้อะไรกวนใจ และที่ผ่านมานายชาดาก็ไม่เคยพูดถึงคนนี้ ซึ่งในชีวิตท่านคนที่ท่านเคยพูดถึงเติบโตกันมามีอยู่ 2 คน คือตัวท่านเองและนางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์