ความคืบหน้ากรณีนาย อนุวัฒน์ หรือ นุ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าน้องครีมอายุ 22 ปี แล้วนำศพไปทิ้งพงหญ้าริมถนนเพชรเกษม หลังจากถูกตำรวจจับกุมและนำตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพเช้าวันนี้ (11 มิ.ย. 2567) ตำรวจเตรียมนำตัวไปฝากขัง โดยก่อนที่จะนำไปฝากขังนั้น มีครอบครัวเข้าเยี่ยมจำนวน 3 คน โดยมีหญิงคนหนึ่งเมื่อเห็นนายนุก็เข้าไปสวมกอด และให้กำลังใจนายนุอยู่ภายในห้องเยี่ยม




ต่อมาเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายนุ ผู้ต้องหา เพื่อนำไปฝากขังศาลจังหวัดเพชรบุรี โดยในช่วงระหว่างที่คุมตัวไปขึ้นรถคุมขัง ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายนุ ถึงสาเหตุและความรู้สึกว่าเป็นอย่างไร นายนุตอบเพียงแค่ว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต ด้วยนะครับ ผมเสียใจ" และย้ำว่า "ผมไม่ได้ตังใจ" ซึ่งนายนุก้มหน้า พร้อมกับร้องไห้สะอื้น น้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่นำตัวไปยังศาล




จากนั้นนายจำนงค์ พ่อของนายนุ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวเป็นครั้งแรก กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า อยากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต สิ่งที่ลูกทำลงไปทางครอบครัวไม่เคยรู้มาก่อนและไม่มีพิรุธอะไรเกิดเหตุหลังจากลูกก่อเหตุเสร็จแล้วก็กลับมาบ้านและไม่มีท่าทางพิรุธหรือกังวลใดใดทั้งสิ้นส่วนตัวพ่อก็ไม่ได้ ดูข่าวจึงไม่รู้ว่าภาพลูกชายปรากฏออกไปในสื่อตอนขับรถกระบะของน้องครีม




ส่วนกรณีที่ระบุว่า การก่อเหตุครั้งนี้มีการประสงค์ต่อทรัพย์ โดยนายนุต้องการอยากได้รถของน้องครีมนั้น คุณพ่อยืนยันว่าประเด็นนี้ไม่เป็นความจริงเพราะครอบครัวมีรถใช้อยู่แล้ว และนายนุก็ใช้รถของพ่อเป็นประจำจึงไม่จำเป็นที่จะจะต้องขโมยหรือฆ่าคนเพื่อเอารถ ประเด็นที่สองที่พ่ออยากชี้แจงคือ กรณีที่มีสื่อนำภาพวงจรปิดไปนำเสนอว่าชายใส่ชุดเอี๊ยมสีชมพู พ่อบอกว่า นั่นไม่ใช่นายนุแต่เป็นตัวของพ่อเอง


จากนั้นพ่อก็ถอดหน้ากากอนามัย ถอดหมวก เปิดใบหน้าให้สื่อมวลชนได้ดู แล้วพบว่าพ่อมีใบหน้าคล้ายกับนายนุจริง พ่อจึงอยากขอให้สื่อที่นำเสนอข่าวชายใส่ชุดเอี๊ยมนั้นช่วยลบภาพเพราะไม่ใช่ในนุเป็นพ่อ นอกจากนี้พ่อยังขอร้องสื่อมวลชนอย่าไปที่บ้านปู่กับย่า เพราะปู่กับย่าไม่รู้เรื่องอะไรและย่าก็จำหลานไม่ค่อยได้เนื่องจากไม่ได้ไปบ้านปู่กับย่ามานานแล้ว




เมื่อถามถึงนิสัยของนายนุ พ่อบอกว่า ก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นหมออนามัยตามต่างจังหวัด และเพิ่งไปสมัครเรียนแพทย์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และอยู่ระหว่างการฝึกกับทีมกู้ภัยในทุกคืน จะต้องไปช่วยงานกับกู้ภัยเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการประกอบการเรียน โดยตัวนุนั้น พ่อบอกว่า เขาก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่เตรียมตัวจะเข้าเรียนแล้วแต่มาเกิดเหตุก่อน ส่วนมูลเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้นั้น พ่อบอกว่า มันเป็นช่วงอารมณ์ซึ่งทางคดีได้ให้กับตำรวจไปหมดแล้วสุดท้ายพ่อบอกว่าอยากขอโทษครอบครัวผู้สูญเสีย ขอโทษจากใจจริงพร้อมกับยกมือไหว้


โดยหลังจากที่ตำรวจได้ซ้อนแผนรวบนายนุ ผู้ต้องหาฆ่าอำพรางน้องครีม ได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งตามข่าวทราบข้อมูลว่า นายนุ ได้พากิ๊กสาวคนใหม่ไปทานข้าวด้วยก่อนจะถูกตำรวจเข้าไปจับกุม ความคืบหน้าล่าสุด นางสาวฟ้า หญิงสาวที่ถูกอ้างว่าเป็นกิ๊กของนายนุ ได้ออกมาชี้แจงกับทีมข่าวว่า ตนไม่ได้เป็นกิ๊กของนายนุตามที่เป็นข่าวเลย แต่เป็นเพื่อนที่ทำงานอาสาด้วยกัน โดยตนเพิ่งรู้จักกับนายนุเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่ไม่เคยเจอกันเลยเนื่องจากเธอกลับไปเลี้ยงลูกที่บ้าน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์


เรื่องราวที่ตนปรากฏตัวในวันที่นายนุถูกตำรวจบุกเข้าจับที่ร้านอาหาร เริ่มต้นจากการที่นายนุได้เริ่มชวนเพื่อนในกลุ่มว่าจะไปเที่ยวกันที่ปราณบุรี โดยได้เดินทางออกจากกรุงเทพฯ ในช่วงเวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 9 มิถุนายน ซึ่งขณะนั้นมีเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วยทั้งหมด 8 คนรวมนายนุ ก่อนจะเดินทางไปถึงที่ปราณบุรีในเวลาประมาณ 9 โมงเช้า ด้วยความที่ตนเองอยู่ที่ประจวบฯ อยู่แล้ว จึงทำให้เพื่อนในกลุ่มชวนเธอไปเที่ยวด้วย




พอตกลงกันได้ตนก็พาลูกสาววัย 9 เดือนของเธอไปเที่ยวด้วยกัน จึงทำให้ในรถกระบะที่นายนุ ขับไปมีคนนั่งทั้งด้านหน้า และหลังกระบะรวมทั้งหมด 10 คนด้วยกัน โดยได้พากันไปไหว้พระที่วัด ก่อนจะพากันเดินทางไปทานข้าวกันที่ร้านอาหารริมทะเล ซึ่งตอนนั้นเท่าที่ตนสังเกตุพฤติกรรมของนายนุ ด้วยความที่ปกติแล้ว นายนุเป็นคนนิ่ง ๆ จึงไม่ได้เห็นความผิดปกติว่าได้ไปก่อเหตุฆ่าใครมา ส่วนบรรยากาศในรถก็ได้มีการพูดคุยกันตามปกติ นายนุ ก็ไม่ได้เงียบจนผิดสังเกตแต่อย่างใด


จนกระทั่งมานั่งทานข้าวด้วยกัน พอกินข้าวเสร็จเพื่อนในกลุ่มก็แยกย้ายกันไปเดินที่ริมหาด ในโต๊ะจึงเหลือเพียงตน ลูกสาวของตน นายนุ และเพื่อนผู้หญิงอีก 1 คน ขณะนั้นจำได้ว่าช่วงประมาณบ่าย 2 โมง ตำรวจก็ได้เข้ามล็อกตัวนายนุ ซึ่งตอนนั้นตนก็ยังไม่ทราบว่า มาจับกุมนายนุในคดีอะไร


ตำรวจได้ถามเพียงว่า “ไม่ทราบเหรอว่าเขาไปก่อเหตุอะไรมา” ตนเองก็ตอบว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทางตำรวจจึงบอกเพียงว่า “เป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความกันได้ เป็นคดีใหญ่มาก” ก่อนจะมีการคุมตัวนายนุ ออกไปจากร้านอาหาร ส่วนเพื่อนที่เหลือก็แยกย้ายกันกลับ ทุกคนที่นั่งรถมากับนายนุ ก็ต้องนั่งรถไฟกลับกรุงเทพฯกันหมด


เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนขอยืนยันเลยว่า ตนไม่ได้เป็นกิ๊กของนายนุ และไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ผ่านมามีพูดคุยกันทางแชตบ้าง ล่าสุดก็คือวันที่ 3 มิถุนายน ที่นายนุไปทำบุญกับกลุ่มเพื่อน ซึ่งตนก็ถามว่าไปกับใครบ้าง นายนุ ก็ถ่ายรูปเพื่อนมาให้ดูเท่านั้น และตนเองก็ไม่ได้ไปด้วย


พอเมื่อวานมีข่าวออกไปว่าตนเป็นกิ๊กของนายนุ จึงทำให้มีคนเข้าใจเธอผิด บางคนหาว่าตนไปสมรู้ร่วมคิดกับเขา ทั้ง ๆ ที่วันที่นายนุขับรถมากับผู้ตาย ตนยังเลี้ยงลูกสาวอยู่ที่บ้านที่ จ.ประจวบฯ อยู่เลย และวันที่มาเที่ยวด้วยกันก็ไปกับกลุ่มเพื่อนเป็นสิบ ๆ คน ไม่ใช่มีแค่ตนเองและนายนุ 2 ต่อ 2 ดังนั้น จึงขอยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นกิ๊กกับนายนุ ตามที่ได้มีการนำเสนอไปก่อนหน้านี้ และรู้สึกตกใจมากที่นายนุไปก่อเหตุฆ่าแฟนสาวแบบนั้น




ส่วนความคืบหน้ากรณีนายอนุวัฒน์ หลังก่อเหตุฆ่าน้องครีม พบว่า ในช่วงก่อนที่จะนำศพไปทิ้งนายนุได้เดินทางมาหานางสาวเฟิร์น แฟนสาว ซึ่งเปิดคลินิกตรวจสุขภาพ ที่อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีวงจรปิดยืนยันเป็นภาพของนางสาวเฟิร์น เปิดประตูให้นายนุเข้าไปยังคลินิก


ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปคลินิกที่นางสาวเฟิร์นทำงานอยู่เพื่อสอบถามรายละเอียด เกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างนายนุที่ ฆ่าน้องครีมตายแล้วมาหานางสาวเฟิร์นเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่านางสาวเฟิร์นปฏิเสธที่จะพบสื่อ แต่ได้ส่งตัวแทนของคลินิกออกมาชี้แจงให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ขอให้ไปสอบถามกับผู้ก่อเหตุ โดยนางสาวเฟิร์นได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไปหมดแล้ว และไม่รู้ว่าวันที่นายนุมาหานั้นในรถมีศพของน้องครีมอยู่ด้วย


โดยวันที่มาหานั้น นายนุบอกว่า จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯฯ น้องเฟิร์นจึงบอกว่าให้อาบน้ำ เพื่อความสดชื่นก่อนจะขับรถกลับกรุงเทพฯ นายนุจึงอาบน้ำแล้วก็ออกไป หลังจากนั้นไม่นานวันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน ตำรวจก็มาสอบถามข้อมูลที่คลินิกว่านายนุมาทำอะไร และรู้จักกับนายนุหรือไม่ ซึ่งน้องเฟิร์นได้ให้ข้อมูลกับตำรวจรายละเอียดทั้งหมดครบแล้ว


เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายนุกับนางสาวเฟิร์น บอกว่า นางสาวเฟิร์นเรียนด้านสุขศึกษาและเป็นผู้ดูแลคลินิก จะรับตรวจเลือด ตรวจสุขภาพประจำปี ทำให้นายนุอยากมีอาชีพเหมือนกับน้องเฟิร์นเพื่อที่จะได้เปิดคลินิกอยู่ด้วยกัน นายนุจึงไปเรียนทางด้านสาธารณสุขเพื่อที่จะมาอยู่ด้วยกันกับน้องเฟิร์น และได้ยินข่าวว่าไปสมัครเรียนแล้ว


โดยนิสัยส่วนตัวนายนุเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยมีพฤติกรรมที่จะส่อให้เห็นว่าสามารถลงมือฆ่าคนได้ จากที่ดูข่าวทั้งครอบครัวก็ตกใจว่านายนุเป็นผู้ลงมือเองจริงหรือไม่ หรือจะเป็นแพะหรือเปล่า จะมีผู้จ้างวานหรือมีใครสั่งให้ทำหรือไม่ จากการที่รู้จักกับนายนุและรูปพรรณสันฐานของนายนุดูไม่ออกว่าจะเป็นคนที่สามารถฆ่าคนตายได้ ยอมรับว่ารู้สึกสงสารที่นายนุถูกสื่อรุมถามจนหมดสภาพ แล้วนักข่าวก็ใส่เขาเยอะไปซึ่งชีวิตของนายนุน่าสงสาร แต่พอหลักฐานและข้อมูลจากตำรวจ อีกทั้งคำรับสารภาพของนายนุ ก็ทำให้เชื่อว่าเขาก่อเหตุจริง จากนี้ก็ขอไปสอบถามรายละเอียดทางคดีกับนายนุทางด้านนางสาวเฟิร์นและครอบครัวไม่ขอยุ่งเกี่ยวใด ๆ ทั้งสิ้น


ส่วนกรณีกระแสข่าวระบุว่าหลังจากที่นายนุก่อเหตุฆ่าน้องครีมเสร็จแล้ว ขับรถเข้ากรุงเทพฯ และนำรถไปขายให้กับกลุ่มรับซื้อรถใต้ดิน โดยขายได้ในราคา 100,000 บาท และมีรายงานว่านายนุนำเงินมาให้นางสาวเฟิร์น แฟนสาว
เรื่องนี้ทางตัวแทนนางสาวเฟิร์น ยืนยันว่า ไม่เคยรับเงินจากนายนุ ข่าวที่ออกมานั้นไม่เป็นความจริง หากจะเปรียบเทียบกันครอบครัวเรามีคลินิก มีธุรกิจ เหตุใดจะต้องไปขอเงินจากนายนุเรื่องนี้ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง จากนี้ขอความเป็นส่วนตัวให้กับนางสาวเฟิร์นและทางคลินิก เพราะได้รับผลกระทบจากการที่สื่อมวลชนมาตามหา อยากขอความเห็นใจว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง




ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นสถานที่แรก หลังจากที่นายนุก่อเหตุทิ้งศพน้องครีม ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่า ตั้งแต่ช่วงเวลา 08.00 น. นายนุได้ขับรถของน้องครีมจาก จ.เพชรบุรี มาถึง จ.ปทุมธานีด้วยความรวดเร็ว


จากนั้น นายนุได้ขับรถกระบะของน้องครีมไปรับกลุ่มเพื่อนอาสา เพื่อเดินทางไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งใน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยนายนุได้จอดรถกระบะของน้องครีม ด้านหน้าป้อมอาสาสมัคร และลงจากรถไปทักทายเพื่อน ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรียกเพื่อนให้ขึ้นรถอย่างใจเย็น ก่อนจะขับรถออกไปทำบุญที่วัดในเวลา 18.17 น.


จากนั้นหลังจากทำบุญกันเสร็จแล้ว ทีมข่าวพบว่า นายนุได้พาเพื่อนทั้งหมดกลับมาส่งที่ป้อมอาสาจุดเดิมในเวลา 11.22 น. และมีการนั่งเล่นภายในป้อมอาสาอย่างไม่รู้สึกกลัวว่าจะถูกตำรวจจับ นายนุใช้เวลาอยู่กับเพื่อนสักพัก จากนั้นเวลา 11.58 น. นายนุจึงได้ชักชวนเพื่อนอีก 2 คน เดินทางไปที่ร้านล้างรถหยอดเหรียญเพื่อล้างรถ หวังจะทำลายหลักฐานให้หมด โดยขับรถออกจากซอยป้อมอาสา และถึงร้านล้างรถในเวลา 12.23 น.




นอกจากนี้ยังมีอีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ หลังจากที่นายนุได้ลงมือฆ่าอำพรางศพน้องครีม นายนุ ก็ได้ขับรถกระบะของน้องครีม กลับมาที่รังสิต จ.ปทุมธานี โดยได้ถึงประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 3 มิถุนายน ที่แรกที่นายนุขับรถไป คือบริเวณหน้าที่ทำการอาสาแห่งหนึ่ง เนื่องจากมีเพื่อนในกลุ่มนัดกันไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา


ทีมข่าวเราได้พูดคุยกับ นายเป๋อ เพื่อนที่เดินทางไปทำบุญกับนายนุ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองนั้นเป็นคนเริ่มชักชวนเพื่อนในกลุ่มไปทำบุญที่วัดเอง ตอนแรกจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ไป พอตนเองได้โทรไปชวนนายนุ ปรากฏว่านายนุจะไปด้วย ด้วยความที่นายนุมีรถกระบะจึงชวนกันว่าจะขับรถกระของนายนุ นั่งไปวัดทำบุญด้วยกัน


พอ 9 โมงเช้าวันที่ 3 มิถุนายน ก็นัดรวมตัวกันที่ศูนย์อาสา ย่านรังสิต โดยนายนุได้ขับรถกระบะสีดำของคนตายเข้ามารับ ระหว่างเดินทางไปที่วัด ตนเองก็ถามนายนุ ว่าเอารถกระบะมาจากไหน ปกติเห็นแต่รถกระบะขาว ทางนายนุ ก็ตอบว่า ซื้อรถหลุดจำนำมาในราคา 200,000 บาท โดยซื้อมานานแล้วเพียงแต่ว่าเอาไปจอดไว้ที่อื่น ไม่ค่อยได้ใช้ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้เห็นพิรุจแต่อย่างใด




กระทั่งไปถึงวัดก็ลงไปทำบุญไหว้พระกันตามปกติ ตัวนายนุ ก็ดูนิ่ง ๆ ไม่ได้มีพิรุธอะไร ตอนไปทำบุญก็ไม่ได้พูดถึงว่าอยากทำให้ใคร หรือถามว่าทำบุญให้คนตายต้องแบบไหน แต่ระหว่างทำบุญตนเองสังเกตว่า นายนุได้แยกตัวไปไหว้พระ และเดินไปที่ตู้หยอดเหรียญ เสี่ยงเซียมซี เพื่อดูดวงชีวิต ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ทราบว่าผลการดูดวงเป็นยังไง หลังจากนั้นก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ ก่อนที่นายนุจะชวนตนเอง และแฟนของตนเองให้ไปเป็นเพื่อนไปเอารถจักรยานยนต์ที่จอดทิ้งไว้ที่สนามบินดอนเมือง (ตอนไปภูเก็ตขี่ จยย. ไปฝากที่ลานจอดสนามบิน) ก่อนจะช่วยกันยกรถขึ้นท้ายกระบะ


จากนั้นช่วงเวลา 12.23 น. นายนุก็ได้ขับรถมาที่ร้านล้างรถหยอดเหรียญ ย่านรังสิต เพื่อล้างรถกระบะ ซึ่งทีมข่าวได้ตามไปที่ร้านล้างรถ ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาด้วย โดยตอนนั้นแฟนสาวของตนเองก็ไปช่วยล้างด้วย ส่วนตนเองยืนดู พอล้างเสร็จก็พากันกลับไปที่บ้านพักของนายนุ ในซอยคุณพระ แล้วช่วยกันยกรถจักรยานยนต์ลง ก่อนจะแยกย้ายกันไป


ตลอดเวลาที่ตนเองอยู่กับนายนุ ในวันนั้นตัวของนายนุ ไม่ได้มีพฤติกรรมชวนสงสัยอะไรเลย จนกระทั่งเมื่อวานช่วงเย็นตนเองมาทราบว่านายนุ ถูกจับกุมหลังไปฆ่าคนตาย และคนที่ตายก็คือเจ้าของรถกระบะที่ตนนั่งไปทำบุญด้วย ซึ่งตนเองยอมรับว่าตกใจมากจนเมื่อคืนกลัวผีถึงขั้นนอนไม่หลับเลย




ล่าสุดแม้จะมีการจับตัวนายนุไปแล้ว แต่ปรากฏว่าตำรวจยังไม่สามารถหารถของกลางที่ก่อเหตุได้ ซึ่งรถคันนี้เป็นชื่อของนายอนุชิต หรือนายเค แฟนเก่าของน้องครีม จากการสืบสวนพบข้อมูลว่า มีการนำรถไปขายให้กับนายปุ๊ (นามสมมติ)ขายในราคา 100,000 บาท จากนั้นนายปุ๊ นำไปขายต่อให้กับนายทุนอีกทอดหนึ่ง และมีนายทุนที่รับซื้อรถแบบถูกกฎหมายไปขายต่ออีกทอด ซึ่งตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่ารถคันนี้ยังอยู่ในประเทศไทย หรืออยู่ตามแนวชายแดนประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งหากประชาชนพบเห็นรถกระบะ ริโว่ ทะเบียน 3 ฒษ 5699 กทม ให้แจ้งตำรวจ สภ.เขาย้อยทันที เพราะขณะนี้ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามรถที่ก่อเหตุมาส่งคืนเจ้าของ


ด้านนางพรพรรณ อายุ 42 ปี แม่น้องครีม บอกว่า จนถึงวันนี้ตัวเองไม่เชื่อที่นายอนุวัฒน์สารภาพลงมือก่อเหตุฆ่าลูกตนเพราะบันดาลโทสะ แล้วยังกล่าวอ้างอีกว่า ขณะที่อนุวัฒน์คุยโทรศัพท์กับแฟนสาวอยู่ในรถ ลูกสาวได้พูดแทรกในสาย ก่อนตบนายอนุวัฒน์ทำให้เจ้าตัวเข้าบีบคอลูกสาว


การที่นายอนุวัฒน์พูดแบบนั้น เชื่อว่าเป็นการเตรียมการมาไว้ก่อนแล้วที่จะลงมือ เป็นการชิงทรัพย์รถหรืออาจมีหึงหวงมาเกี่ยวข้องอีก แต่ลูกสาวตนเสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถลุกมาโต้แย้งได้ จึงมีเพียงคำพูดของนายอนุวัฒน์ฝ่ายเดียว และอยากบอกอีกว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูกของตัวเอง ลูกใครเขาก็รักลูกของเขา หลังนายอนุวัฒน์ถูกจับ พ่อนายอนุวัฒน์ยังบอกว่าลูกชายไม่ได้ต้องการที่จะชิงทรัพย์ เพราะนายอนุวัฒน์ใช้รถกระบะของพ่ออยู่แล้ว ดังนั้นจะไปชิงเอารถทำไม ตรงนี้ตัวเองก็เชื่อว่าที่พ่อแม่นายอนุวัฒน์พูดแบบนั้น เพราะต้องการเบี่ยงประเด็นและปกป้องลูกที่เป็นฆาตกร เพื่อบอกว่าลูกตัวเองเป็นคนดี




จนถึงตอนนี้ทางครอบครัวของนายอนุวัฒน์ยังไม่เคยติดต่อเข้ามา เพื่อแสดงความรับผิดชอบและพูดขอโทษกับสิ่งที่นายอนุวัฒน์ทำลงไป ซึ่งตัวเองก็พร้อมที่จะให้มาพูดคุยที่งานศพ แต่ไม่ขออโหสิกรรมและให้อภัยกับนายอนุวัฒน์และกับพ่อแม่นายอนุวัฒน์ที่เลี้ยงลูกมาให้เป็นคนไม่ดี แล้วตัวเองยังเชื่อว่านายอนุวัฒน์ไม่ได้ก่อเหตุเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน


ส่วนผู้หญิงที่นายอนุวัฒน์ขับรถไปหาหลังจากก่อเหตุทั้ง ๆ ที่ร่างของลูกสาวยังอยู่ในรถ ตรงนี้ตัวเองก็ยังไม่ได้ปักใจเชื่อว่าผู้หญิงคนที่นายอนุวัฒน์ไปหาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าเกี่ยวหรือไม่ จึงอยากให้ผู้หญิงคนดังกล่าวออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะมีกระแสข่าวว่านายอนุวัฒน์เอาเงินที่ขายรถได้ไปให้ผู้หญิงคนนี้ จึงอยากให้เปิดเผยไทม์ไลน์วันเกิดเหตุ และบัญชีธนาคารที่รับเงินนายอนุวัฒน์ แต่ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตัวเองก็ต้องขอโทษด้วย


ขณะที่นายเค ที่เป็นอดีตแฟนของลูกสาว ตนยังไม่ตัดประเด็นว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลูกหรือไม่ เพราะไทม์ไลน์ของนายเคยังดูคลุมเครือ เนื่องจากนายเคบอกว่าอยู่ที่ฟาร์มเลี้ยงหมูทั้งวัน แต่แม่ของนายเคกลับบอกว่าตัวนายเคออกไปหาเพื่อนที่ จ.ชลบุรี ทำให้ตัวเองไม่รู้จะเชื่อใครดี ก็อยากให้นายเคออกมาพูดแสดงความบริสุทธิ์ใจเช่นกัน เพราะหากรู้ว่าคนไหนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของลูก ก็จะใช้กฎหมายดำเนินคดีให้ถึงที่สุด รวมถึงให้รับผิดชอบ เนื่องจากตอนนี้ขนาดค่าโลงศพครอบครัวยังค้างชำระอยู่เลย จี้ตำรวจลากคอทุกคนที่เกี่ยวข้องการตายลูกสาวเข้าคุก




นอกจากนี้ ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้รับกล้องวงจรปิดเป็นวินาทีที่ นายอนุวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ เดินทางไปเข้ารีสอร์ตเพื่อที่จะรอนัดเจอกับน้องครีม ผู้เสียชีวิต เริ่มจากเวลาประมาณ 18.58 น. วันที่ 1 มิ.ย. นายอนุวัฒน์ได้ขึ้นรถบัสโดยสารประจำทาง จากนั้นนายอนุวัฒน์ ได้ลงจากรถบัส เวลา 19.02 น. ก่อนจะเดินตามริมถนนมาเรื่อย ๆ โดยเดินมาคนเดียว จนถึงเวลา 19.36 น. เจ้าตัวก็ยังเดินเตร็ดเตร่อยู่ริมถนนอยู่คนเดียว กระทั่งเวลาประมาณ 20.59 น. ซึ่งเจ้าตัวใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงในการเดินเตร็ดเตร่คนเดียว จนกระทั่งเวลา 21.02 น. นายอนุวัฒน์ จึงเดินเข้าไปยังรีสอร์ต เพื่อที่จะรอนัดเจอกับน้องครีม ผู้เสียชีวิต โดยเดินทางมาคนเดียว




อีกทั้ง ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดน้องครีม ก่อนเสียชีวิต ซึ่งเป็นภาพวงจรปิดภายในปั๊มน้ำมัน เมื่อเวลา 15.12 น. วันที่ 2 มิ.ย. 2567 จะเห็นว่าน้องครีมขับรถมากับนายอนุวัฒน์ แวะปั๊มดังกล่าวเพื่อเข้าห้องน้ำ โดยเวลา 15.18 น. จับภาพนายอนุวัฒน์ ออกจากร้านสะดวกซื้อ โดยระหว่างเดินทางนายอนุวัฒน์เดินเล่นมือถือตลอดเวลา ก่อนจะเดินไปที่รถ จากนั้นเวลา 15.43 น. จับภาพน้องครีมเดินออกจากห้องน้ำเพื่อเดินไปขึ้นรถและทั้งคู่ก็ขับรถออกไป โดยนายอนุวัฒน์สลับเป็นคนขับ


วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมาที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานศพของน้องครีม ซึ่งจัดภายในบ้านพักของยาย โดยทางครอบครัวจัดเตรียมข้าวของเนื่องจากวันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) จะเป็นวันฌาปนกิจศพของน้องครีม โดยนางสาววรรณิษา อายุ22 ปี ลูกพี่ลูกน้องของครีมบอกว่า ช่วงเช้าวันนี้ (11 มิ.ย.) เพื่อนครีมทักมาหาตนเองช่วง 11.27 น. มีการแคปภาพหน้าจอส่งให้ตนดู เป็นข้อความแจ้งเตือนในเฟซบุ๊กว่าครีมเพิ่งมากดไลก์รูปหัวใจในแชตเก่า ที่นางสาวเฟิร์นเคยพูดคุยกับครีมก่อนที่จะเสียชีวิต ซึ่งแชตนี้ทั้งคู่พูดคุยกันในวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา ครีมกดหัวใจประโยคที่เฟิร์นพิมคำว่า “ขอบคุณมาก”


นางสาววรรณิษา เล่าต่อว่า ตนยังเชื่อว่านายอนุวัฒน์อาจจะรู้รหัสเข้าเฟซบุ๊กพี่สาวตน เพราะเขาคบหาดูใจกับพี่สาวตนก่อนที่จะฆาตกรรม จึงอยากให้ทางตำรวจหาโทรศัพท์มือถือของครีมว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน เพราะตนสงสัยประเด็นโทรศัพท์มือถือครีมอยู่กับใคร มือฆ่า แฟนสาวมือฆ่า หรือตกที่เกิดเหตุ และอยากรู้อีกว่าข้อมูลในมือถือครีมคุยกับใครเป็นคนสุดท้าย เพราะแชตในมือถือครีมน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้รู้ว่าคนที่ฆ่ามีทั้งหมดกี่คน




ส่วนปมฆาตกรรมพี่สาวของตน ตนยังไม่เชื่อ 100% ว่านายอนุวัฒน์จะบีบคอพี่สาวตนจนเสียชีวิต เพราะถ้าหากนายอนุวัฒน์บีบคอพี่สาวตนจริง พี่สาวตนต้องไม่ยอมให้ถูกบีบคอฝ่ายเดียว จะต้องใช้เล็บข่วนตามมือ หรือร่างกายนายอนุวัฒน์เพื่อให้ยอมปล่อยมือออกจากคอ เพราะครีมไม่ยอมโดนทำร้ายคนเดียวแน่นอน แล้วตำรวจตรวจสอบร่างกายนายอนุวัฒน์เบื้องต้นไม่พบรอยขีดข่วนใด ๆ ทั้งสิ้น ตนจึงเชื่อว่าพี่สาวอาจจะถูกวางยาหรือเปล่า แต่ทั้งนี้อาจจะต้องรอผลชันสูตรศพจากแพทย์อย่างละเอียด หลังจากที่เก็บชิ้นส่วนตับของครีมไปตรวจเพิ่มเติมก่อน “จิตใจมันหมา หลอกแม้กระทั่งผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ได้หนูพูดไม่ถูก อยากให้ประหารชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต อยากให้มันตายตามพี่ไป ไม่อยากให้มันอยู่แล้วอยากให้มันตาย”


ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังบ้านปู่และย่าของนายอนุวัฒน์ ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งพบกับ นางเทพ อายุ 56 ปี ย่าของนายอนุวัฒน์ ซึ่งวันนี้ย่าแต่งชุดสวยลายลูกไม้สีม่วง แต่งหน้ามัดผมเรียบร้อย เตรียมจะไปเยี่ยมนายอนุวัฒน์ ก่อนฝากขัง แต่ย่าบอกว่าไปไม่ทันเลย และก็ยังไม่ได้เจอหน้าหลานเลย เพราะปู่ขับรถไกลไม่ไหวสายตาไม่ดี รอลูกมาพาไปก็ไม่ทันแล้ว เขาหมดเวลาก่อนส่งฝากขังไปแล้ว


ส่วนนายอนุวัฒน์นั้น ตนไม่ได้สนิทมาก พ่อกับแม่เขาแยกทางกัน และเขาก็พากันไปเลี้ยงจนหลานโตขนาดนี้แล้ว เห็นว่ามีแฟน 1 คนแต่ก็ไม่รู้อะไรมาก เพิ่งมาเจอล่าสุดก็มางานรับปริญญาคนในบ้านก็ 3-4 เดือนก่อน ส่วนแม่ของนายอนุวัฒน์ (อดีตลูกสะใภ้) ตนก็ไม่ได้ติดต่อเลยหลังแยกทางกับลูกชาย แต่ถ้าเจอกันก็คุยกันได้




ทั้งนี้ ย่าบอกตรง ๆ ว่าเสียใจ ที่หลานไปทำลูกเขาแบบนี้ หลานทำผิดก็รับผิดไป เราผิดทำยังไงได้ เราผิดไปแล้ว ทั้งนี้ตนอยากเตือนใจคนทั่ว ๆ ไป ชีวิตคู่ทะเลาะกันมีอะไรอย่าใจร้อน ใจเย็น ๆ อันนี้ใจร้อนเกินไป ที่ผ่านมานิสัยหลานเท่าที่ดูเขาก็ดูดีไม่เกเรอะไร แต่มาก่อเหตุแบบนี้ก็ตกใจเหมือนกัน บางทีอาจจะมาจากทะเลาะกันและโมโหเลยทำ สุดท้ายย่าบอกว่า หลังจากนี้จะไปเยี่ยมนุอีกครั้งเพราะตั้งแต่ถูกจับ ทำแผนก็ไม่ได้เจอกันฝากขังก็ไม่ทัน อุตส่าห์เตรียมตัวไปแล้ว ตั้งใจมากแต่สามีสายตาไม่ดี ทำแผนทำอะไรกันอยากเห็นจะแย่คิดถึงจะแย่


ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายธีรศักดิ์ พี่ชายคนโตน้องครีม ผู้เสียชีวิต บอกว่า ตอนนี้ยังไม่เชื่อคำให้การของนายอนุวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ ตอนนี้เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เนื่องจากว่าถ้าน้องสาวตนก่อกวนตอนที่นายอนุวัฒน์คุยโทรศัพท์กับแฟนจริง ทำไมต้องฆ่าแล้วถึงชิงทรัพย์ไปด้วย เพราะคำให้การก่อนหน้านี้เจ้าตัวรับสารภาพบันดาลโทสะเลยก่อเหตุ จี้ให้ประหารชีวิตนายอนุวัฒน์




ส่วนที่ทางครอบครัวบอกลูกชายไม่ได้ตั้งใจ ตนเองก็ไม่เชื่ออยู่แล้ว คิดว่าน่าจะเบี่ยงประเด็นเฉย ๆ ตนยังเชื่อน้องอาจถูกวางยาก่อนถูกบีบคอ ในส่วนนี้ขอรอผลชันสูตรศพอย่างละเอียดก่อน ซึ่งจะออกอีก 45 วัน และอีกประเด็นหนึ่งพฤติกรรมก่อเหตุของนายอนุวัฒน์ หลังฆ่าน้องสาวตนก็เอาร่างน้องสาวตนขึ้นรถ แล้วเจ้าตัวขับรถไปหาผู้หญิงอีกคน อยากบอกว่าพฤติกรรมเลวมาก ถ้ายังจับไม่ได้จะมีผู้หญิงคนอื่นถูกฆ่าอีกหรือเปล่า


ส่วนนายเค อดีตแฟนหนุ่มของน้องสาว เมื่อคืนทักมาหาตนอยู่พูดคุยเรื่องบทสัมภาษณ์ ที่ตนเองให้สัมภาษณ์สื่อไปเรื่องข้อสงสัยในตัวนายเค ตนเองอยากจะบอกนายเค ว่าหากเคบริสุทธิ์ใจจริง ๆ และอยากให้ทุกคนเข้าใจและเชื่อก็ให้สัมภาษณ์สื่อไปจริง ๆ อย่าหลบ อย่าซ่อน สุดท้ายพรุ่งนี้จะเผาน้องสาวแล้วอยากจะบอกว่า "ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้เป็นพี่น้องกันอีก จะไม่ให้น้องอยู่ไกลแล้ว"

 

ส่อพลิก! "ไอ้นุ" ฆ่า ชิงรถ? แม่ "น้องครีม" ฉะ ญาติฆาตกรอย่าอ้างลูกเป็นคนดี