"ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" นำทีม ให้ปากคำ เอาผิด"เชื่อมจิต" ส่อแววร่วมกันฟอกเงิน ปมซื้อที่ดินแม่
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 67 น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ "ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง" พร้อมด้วย อ.รัก คำราม พยานและผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองปราบปรามเพื่อให้ปากคำในคดีที่ดิน ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเชื่อมจิต ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
น.ส.ชลิดา เปิดเผยว่า วันนี้มาเป็นพยานกลุ่มสุดท้าย ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดิน ที่มีการโยงผลประโยชน์โดยการนำเด็กชายวัย 8 ขวบมาหาผลประโยชน์จากลูกศิษย์ที่มีความเชื่อและศรัทธา โดยการเอาที่ดินซึ่งเป็นของแม่เด็กชาย มาเปิดบัญชีระดมทุนผ่านบัญชีของหมอท่านหนึ่ง ในการนำเงินบริจาคเพื่อซื้อที่ดินของตัวเอง
ทั้งนี้ได้รับข้อมูลจากบุคคลที่เคยใกล้ชิดครอบครัวเชื่อมจิตว่า ทางแม่ของเด็กชายได้ยกให้เด็กชายไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่เมื่อลูกชายมีอภินิหารตามข้อกล่าวอ้าง และมีญาติธรรม เข้ามากราบไหว้นับถือ จึงเริ่มมีการรับบริจาคเพื่อหาเงินมาซื้อที่ดินของตัวเอง ซึ่งได้ตั้งราคาไว้ที่ 6 ล้านบาท
แต่จากการสืบค้นข้อมูลที่ดินแปลงนี้ พบว่ามีราคาอยู่เพียง 2.6 แสนบาทเท่านั้น จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อะไรทำให้มูลค่าที่ดินแปลงนี้พุ่งขึ้นมามากถึง 30 เท่า
น.ส.ชลิดา กล่าวอีกว่า ได้เตรียมหลักฐานทั้งข้อมูลการโพสต์ขายที่ดินเมื่อปี 2560 รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่สามารถเป็นหลักฐานในการเอาผิดมายื่นให้กับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ซึ่งหลังจากนี้ต้องรอทางตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่าจะมีการฟอกเงินด้วยหรือไม่
ขณะที่ อ.รัก คำราม อดีตศิษย์ผู้ใกล้ชิด เด็กชายวัย 8 ขวบ กล่าวว่า ตอนแรกที่เข้าไปเป็นศิษย์ และรับการปฏิบัติกับทางกลุ่มดังกล่าว เคยได้ยินเรื่องการบริจาคเงินสร้างสถานธรรม เมื่อลูกศิษย์เห็นว่าน่าศรัทธาก็จะมีการให้เงินสดในขณะนั้นเลย และมีการโอนให้ย้อนหลังด้วยก็มี แต่ทุกคนไม่รู้ว่าที่ดินที่จะไปซื้อเป็นของคุณแม่ของเด็ก 8 ขวบ ซึ่งได้ให้ปากคำและเป็นพยานในเรื่องนี้ว่า มีการบริจาคเงินจริง เป็นเงินจำนวน 5 หมื่นบาท และถือว่าเป็นผู้เสียหายในเรื่องนี้