แม่เจสซี่ ปล่อยโฮ! ลูกแอบกดเงินบัญชีพ่อ 1.3 ล้านบาท
จากกรณีครอบครัวออกติดตามหาตัว นาย “เจสซี่” หนุ่มวัยรุ่นลูกครึ่งไอซ์แลนด์-ไทย หลังจากพบว่าหนีไปอยู่กับครอบครัวแฟนสาว ทั้งยังกดเอาเงินจากบัญชีของพ่อซึ่งเป็นชาวต่างชาติไปให้ครอบครัวฝ่ายหญิงใช้กว่า 8 แสนบาท ภายหลัง นาย “เจสซี่” ปรับความเข้าใจกับครอบครัวและกลับมาอยู่พร้อมหน้า ซึ่งทาง น.ส.กุ้ง (สงวนชื่อนามสกุลจริง) แม่ของ นาย “เจสซี่” ได้ทวงถามเงินจากอีกฝ่าย เนื่องจากพบว่าลูกชายโอนเงินไปให้หลายครั้งหลายหน รวมกันกว่า 8 แสนบาท
แม่เจสซี่เครียดหนัก ลั่นไม่มีไกล่เกลี่ย สู้ถึงที่สุด
วันที่ 15 มิ.ย. ที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม แม่ของนายเจสซี่ อายุ 17 ปี เดินทางจากพัทยาพร้อมด้วยนายดีแลน พี่ชายคนโต เอาหลักฐานหรือสเตทเม้นท์มาให้ทางมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังตรวจสอบพบยอดเงินที่เจสซี่กดออกไปใช้รวมถึง 1.3 ล้านบาท ไม่ใช่เพียงแค่ 800,000 กว่าบาท
ซึ่งหลังจากเห็นยอดเงินแม่ของเจสซี่ก็ปล่อยโฮ ไม่คิดว่าเจสซี่ที่เป็นลูกชายของเธอจะทำกับครอบครัวได้ถึงขนาดนี้
ขณะเดียวกัน แม่ของเจสซี่ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ทนายรัชพล สิริสาคร ทนายความฝั่งครอบครัวคู่กรณีได้ออกมา เปิดเผยว่าจะฟ้องเจสซี่ในข้อหาคบชู้ และจะฟ้องดำเนินคดีกับทางพ่อและแม่ของเจสซี่ที่เป็นผู้ปกครอง ยอมรับว่าตกใจอย่างมาก แล้วได้ถามเรื่องนี้กับเจสซี่ แต่เจสซี่ยืนยันว่าครอบครัวฝั่งนั้นไม่ฟ้องอย่างแน่นอน ส่วนในวันที่ทางครอบครัวฝั่งคู่กรณีพร้อมด้วยทนายรัชพลเดินทางไปที่ สภ.หนองปรือ อ้างว่าตัวเธอไม่ไปตามนัดและไม่ยอมมาไกล่เกลี่ย เธอยืนยันว่าก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าที่โทรมาต้องการที่จะไกล่เกลี่ย เนื่องจากทางฝั่งนั้นคุยกับทางพ่อของเจสซี่โดยที่เธอไม่รับรู้เรื่องราวด้วย ยืนยันว่าจะไม่มีการไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ ปรากฏว่า แม่ของเจสซี่ รู้สึกเครียดและกดดันอย่างมาก ยิ่งเมื่อมีการพูดถึงเรื่องจำนวนเงิน ที่ทางเจสซี่กดออกไปใช้ จนต้องลุกออกไปอาเจียนระหว่างที่สัมภาษณ์ พร้อมร้องไห้ออกมาว่าทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของลูกชาย และไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้
เผยเส้นทางการเงิน "เจสซี่" ถอนร่วม 1.3 ล้าน
ขณะเดียวกัน นายชาญชัย ฉายบุ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม จะอธิบายบัญชีทั้ง 3 บัญชี โดยบัญชีแรกจะเป็นบัญชีที่พ่อเจสซี่จะเอาไว้ฝากเงินเกษียณ โดยจะนำเงินจากบัญชีนี้โอนเข้าไปที่บัญชีที่ 2 บัญชีนี้เป็นบัญชีการใช้จ่ายของครอบครัว ซึ่งปกติพ่อของเจสซี่จะไว้ใจให้เจสซี่เป็นคนถอนเงินสดให้กับครอบครัวเข้าบัญชีนี้เป็นประจำ
กระทั่งวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 เริ่มพบพฤติกรรมที่ผิดปกติ เจสซี่เริ่มกดเงินออกมาเกินจำนวนเช่นถ้าครอบครัวต้องการใช้เงิน 20,000 บาทเจสซี่จะกดออกมา 30,000 บาท และ เริ่มขโมยบัตรเครดิตของพ่อไปกดโดยที่ไม่บอกคนในครอบครัว ก่อนที่เจสซี่จะไปเปิดบัญชีส่วนตัวและมีเส้นทางการโอนเงินไปให้ครอบครัวฝั่งคู่กรณีทั้งสามคนเป็นยอดเงินรวม 386,413
และถ้ารวมกับยอดที่เจสซี่แอบกดเงินสดออกไปก่อนหน้านี้เป็นเงิน 1,318,390 บาท ที่เจสซี่เอาไปใช้
วอนคู่กรณีเห็นใจ ครอบครัวหมดตัว เหลือเงินติดบัญชี 2 พันบาท
ส่วนนายดีแลน พี่ชายของเจสซี่ กล่าวฝากไปถึงครอบครัวของฝั่งคู่กรณีว่า ยอมรับว่ารู้สึกโกรธ ที่ทำให้ครอบครัวต้องเป็นแบบนี้ และตอนนี้ครอบครัวก็ไม่เหลือเงิน เงินที่พ่อหามาทั้งหมดที่ต้องการใช้จ่ายในครอบครัว ก็ต้องไปเสียให้กับครอบครัวของฝั่งคู่กรณี จนตอนนี้ทำให้ เงินติดบัญชีของพ่อเหลือเพียงแค่ 2,000 บาทเท่านั้น และตนกับแม่ก็มีเงินติดตัวมาแค่ 500 บาท จนไม่รู้ว่าหลังจากนี้ครอบครัวจะต้องทำยังไงต่อ ยอมรับว่าสงสารพ่อเพราะทำงานมาตั้งแต่เด็ก สะสมเงินจนมีวันนี้ แต่พอจะได้พักกลับหมดตัว
เตรียมนำหลักฐานโอนเงิน ยื่นศาลสู้คดีรับของโจร
ด้านทนาย รณณรงค์ และนายชาญชัย ได้ฝากไปถึงทนายรัชพล ศิริสาคร ว่าทางครอบครัวเจสซี่มีหลักฐานหรือเส้นทางการโอนเงินที่ชัดขนาดนี้ยังจะช่วยครองครัวของฝั่งพิมพ์ กานต์ และเบียร์อยู่หรือไม่ ยืนยันว่ายังไงครอบครัวของฝั่งคู่กรณีก็จะต้องโดนข้อหารับซื้อของโจร รวมถึงนางกานจะต้องโดยข้อหาพรากผู้เยาว์ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานที่สำคัญแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากจะต้องเอาไว้ใช้ในชั้นศาล
ส่วนวันนี้เป็นวันที่ทางครอบครัวคู่กรณีได้มีการตกลงมาจะนำเงินมาคืน โดยมีหลักฐานเป็นบันทึกประจำที่ไปลงที่สถ.หนองปรือ จึงอยากให้ครอบครัวขอฝั่งคู่กรณีรีบมาคืนเงิน