ลูกศิษย์อดีตพระโอ-ทนาย โต้หญิงลัทธิถวายตัว แฉเอี่ยวประโยชน์ ฟ้องยักยอกเงินสำนักสงฆ์ 13 ล้าน
จากกรณีที่ สามีภรรยาคู่หนึ่งไปร้องเพจสายไหมต้องรอด ว่าถูกพระในที่พักสงฆ์แห่งหนึ่ง อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ล่อลวงให้มีเพศสัมพันธ์ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นการต่อชะตา อีกทั้งยังหลอกให้มีเซ็กซ์หมู่กับลูกศิษย์คนอื่นอีกด้วย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. ที่ร้านแกะดำ พุทธมณฑลสาย 1 นายกิตภัท พุทโธรักษาชาติ ลูกศิษย์อดีตพระโอ และ นายเนติ บุญพุทธารักษา ทนายความ แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง รวมทั้งย้อนไทม์ไลน์ของสามีภรรยาผู้ร้อง ในการที่เข้ามาอยู่ในที่พักสงฆ์ และมาดูแลด้านการจำหน่ายวัตถุมงคลของวัด มาทำธุรกิจมีผลประโยชน์ร่วมกับทางที่พักสงฆ์ นำไปสู่การถูกฟ้องร้องคดียักยอกทรัพย์ ซึ่งมีการฟ้องร้องทั้งทางอาญาและทางแพ่ง 2 คดี มูลค่าเสียหายกว่า 13 ล้านบาท
นายกิตภัท เล่าย้อนว่า โดยปี 2553 แรกเริ่มหญิงผู้ร้องเป็นแฟนกับ นาย ป.ซึ่งเป็นพนักงานในวัดที่ดูแลร้านจำหน่ายวัตถุมงคล หญิงผู้ร้องเลยเข้ามาช่วย นาย ป.จนมีความสนิทสนม ความไว้วางใจ เหมือนเป็นลูกบุญธรรมของพระ ต่อมาปี 2554 หญิงผู้ร้องก็เลิกลากับนาย ป. แล้วเข้ามาดูแล กิจการจำหน่ายวัตถุมงคลของที่พักสงฆ์ แทนนาย ป. กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญของสำนักสงฆ์ในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ ในปีเดียวกันสามีของหญิงผู้ร้องก็เข้ามาในที่พักสงฆ์ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วต่อมาก็ได้พาเพื่อนชายอีกคนให้เข้ามาในที่พักสงฆ์ด้วย
ต่อมาปี 55 หญิงผู้ร้อง สามี และเพื่อนของสามีก็สนิทสนมกันมากร่วมกันดูแลเรื่องการบริหารจัดการธุรกิจจำหน่ายวัตถุมงคลของที่พักสงฆ์ รวมไปถึงการดูแลแม่ของทั้งสามคน ซึ่งหญิงผู้ร้องได้รับความไว้วางใจจากทางอดีตพระโอ จนสามารถใช้โทรศัพท์มือถือของอดีตพระโอได้ ทั้งเป็นตัวแทนของอดีตพระในการประสานงานติดต่อทุกอย่าง มีการโอนเงินซื้อขายวัตถุมงคลเข้าบัญชีของหญิงผู้ร้อง
จากนั้นหญิงผู้ร้อง สามี และเพื่อนสามี ก็เริ่มมีปัญหากับลูกศิษย์และคนที่อยู่ในที่พักสงฆ์ ซึ่งได้มีการเบิกเอาวัตถุมงคลออกไปจำหน่ายแล้วไม่นำเงินให้กับที่พักสงฆ์ อีกทั้งยังได้นำของบรรพบุรุษ และครูบาอาจารย์ ของอดีตพระโอไปแล้วไม่นำมาคืน ปี 65 หญิงผู้ร้องออกไปจากที่พักสงฆ์ แต่ยังเบิกวัตถุมงคล ไปแต่ไม่ได้นำมาคือ ปี 66 ทางที่พักสงฆ์ฟ้องร้องละเมิดลิขสิทธิ์ วัตถุมงคล 10 กว่ารายการ
ปี 67 อดีตพระตัดสินใจฟ้องหญิงผู้ร้องข้อหายักยอกทรัพย์ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง 2 คดี รวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท แบ่งเป็นคดียักยอก 4.9 ล้านบาทและฟ้องผิดสัญญาซื้อขายและเรียกร้องค่าเสียหายกว่า 9 ล้านบาท
ต่อมาวันที่ 10 มิ.ย.67 ศาลคดีแพ่งนัดพร้อม และนัดไกล่เกลี่ย แต่ตกลงกันไม่ได้
และในวันที่ 11 มิ.ย. 67 หญิงผู้ร้องไปร้องเพจสายไหมต้องรอด และวันที่ 20 มิถุนายนนี้ ศาลนัดสืบพยานคดียักยอกทรัพย์
นายกิตภัท เปิดอีกเผยว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ตามข่าว อดีตพระจึงลาสิกขา เพื่อมาต่อสู้คดีในชั้นศาล ส่วนการหลอกลวงสวิงกิ้งตามที่ปรากฏในข่าวนั้น เป็นข้อมูลที่จะไปปรากฏในชั้นศาล และจากนี้ไปหากมีการพูดให้เกิดความเสื่อมเสียจะพิจารณาดำเนินคดีตามข้อเท็จจริงต่อไป
นายกิตภัท ยืนยันว่า อดีตพระป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ปี 40 ระหว่างที่อยู่ในที่พักสงฆ์แห่งนี้ อดีตพระไม่เคยมีการสอนในลักษณะอุตริธรรม และตนเองก็ไม่ทราบว่ามีพิธีถวายตัวตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง
ทั้งนี้อยากฝากบอกคู่กรณีว่าในฐานะที่ตนเองนับถือเหมือนพี่สาสจนถึงขณะนี้ก็ยังให้ความเคารพนับถือเหมือนเดิม แต่จะทำอะไรขอให้คิดให้ดีก่อนนึกถึงวันเวลาที่เคยลำบากมาด้วยกัน กว่าที่จะมีวันนี้ได้
ด้านทนายความ ระบุว่า ส่วนในคดีที่ทางฝั่งหญิงสาวมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพนักงานสอบสวนนครบาลคันนายาว ในข้อหาข่มขืน ตนเองก็จะพาลูกความเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาเพื่อพิสูจน์ความจริงและต่อสู้คดีต่อไป