กรณีเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ลิขิต ชุมช่วย สว.(สอบสวน) สภ.เคียนซา อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ หมู่ที่ 1 ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.อานุภาพ จันดิถวงค์ ผกก.สภ.เคียนซา สืบสวนจังหวัดสุราษฎร์ธานี พฐ. 8 กู้ภัยกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี
ที่เกิดเหตุเป็นขนำไม่มีบ้านเลขที่ในสวนทุเรียน เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ หมู่ที่ 1 ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ในบริเวณห้องน้ำ พบศพผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นางสาวปิยวรรณ หรือ ปลา อายุ 33 ปี เจ้าของสวนทุเรียน ถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ส่วนผู้บาดเจ็บเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นายเฉลิมชัย อายุ 48 ปี (น้าเขย ผู้เสียชีวิต) ถูกยิงเข้าแขนรู้สึกตัวดี วิ่งขอความช่วยเหลือพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลเคียนซา
ล่าสุดวันนี้ (15 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เป็นขนำไม่มีบ้านเลขที่ในสวนทุเรียน เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ หมู่ที่ 1 ต.อรัญคามวารี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ที่บริเวณห้องน้ำด้านหลังขนำ พบคราบเลือดของผู้เสียชีวิตติดเต็มพื้น และมีคราบเลือดอีกจุดที่บริเวณขนำ และพบรถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน พร้อมกับถุงย่ามข้าวของผู้ตายอยู่ ส่วนบริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยสวนทุเรียนของผู้เสียชีวิต
ต่อมาเวลา 14.00 น. ตำรวจได้เชิญตัวนายสมพร (นามสมมติ) พ่อของนายชูศักดิ์ หรือ เก่ง อายุ 38 ปี มาสอบปากคำที่ สภ.เคียนซา ซึ่งหลังจากสอบปากคำเสร็จ ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายสมพร ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจว่า วันนี้ตำรวจเชิญตัวเองมาสอบปากคำ เนื่องจากตัวเองเป็นพ่อของนายเก่ง ผู้ต้องสงสัย
ตัวเองยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุเวลาประมาณ 17.00 น. ของเมื่อวาน ลูกชายได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับไปหาตัวเองที่บ้านด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง ก่อนที่จะมีการกราบขอโทษตัวเอง แล้วบอกกับตัวเองว่า “พ่อ..ผมไปยิงแฟนมา ผมขอโทษ ผมเห็นเขาอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง” จากนั้นตัวเองก็ได้ ให้ลูกชายตั้งสติดี ๆ แล้วบอกให้ลูกชายไปมอบตัวกับตำรวจ ก่อนที่ลูกชายจะขี่รถออกไปจากบ้าน ซึ่งตัวเองก็คิดว่าลูกชายไปมอบตัวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาหลบหนีไปอยู่ที่ไหน เพราะไม่สามารถติดต่อกับเขาได้เลย ซึ่งตัวเองก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตัวเองยอมรับว่าลูกชายกับนางสาวปิยวรรณ ผู้เสียชีวิต คบหากันได้ประมาณสามปี แต่ก็ไม่รู้ว่าลูกชายมีส่งเสียให้เงิน หรือดูแลผู้หญิงคนนั้นอย่างไรบ้าง ตนไม่ได้สุงสิงกับเขามากนัก ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์นายเก่ง ลูกชายตัวเอง ได้บอกว่า เขากำลังเก็บเงินจะไปสู่ขอแต่งงานกับนางสาวปิยวรรณ ผู้เสียชีวิต เพราะเขารักผู้หญิงคนนี้มาก ๆ กระทั่งมาเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ก่อน ซึ่งหากลูกชายฟังข่าวอยู่ ตัวเองก็อยากให้เขามามอบตัวกับตำรวจ ซึ่งตัวเองก็ไม่เข้าข้างลูกชาย ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
ทั้งนี้ จากข้อมูลของชุดสืบสวน นายเก่งเป็นลูกจ้างของผู้เสียชีวิต ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอศาลอนุมัติออกหมายจับ นายชูศักดิ์ หรือ เก่ง ในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่า ซึ่งตอนนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามตัวผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากนั้นเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ครอบครัวได้รับศพของนางสาวปิยวรรณ ผู้เสียชีวิต มาทำพิธีรดน้ำศพที่บ้านเกิด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศดเศร้า มีบางช่วงบางตอน ที่พี่สาวของผู้เสียชีวิต และป้าของผู้เสียชีวิต ได้กอดคอกันกรีดร้อง อยู่ท่ามกลางพิธีรดน้ำศพ เนื่องจากทั้ง 2 คน เป็นผู้ที่สนิทกับผู้ตายมาก ๆ และจะมีบางจังหวะที่แม่ของผู้เสียชีวิตเข้าไปกอดศพลูกสาว ขณะรดน้ำศพ
ต่อมาเวลา 15.40 น. ครอบครัวได้นำศพของผู้เสียชีวิตใส่โลงก่อนจะนำขึ้นรถกู้ภัย เพื่อไปตั้งประกอบพิธีททงศาสนา ที่สำนักสงฆ์คลองจัน จากนั้นทีมข่าวพยายามจะขอสัมภาษณ์ครอบครัวผู้เสียชีวิต แต่ทางด้าน คุณผึ้ง (นามสมมติ) พี่สาวของผู้เสียชีวิต ออกมาบอกกับนักข่าวว่า ตอนนี้ทางครอบครัวยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ เพราะยังทำใจไม่ได้ และยังไม่ทราบรายละเอียดจากทางตำรวจ จึงกละวกระทบต่อรูปคดี
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้เสียชีวิต และผู้ก่อเหตุนั้น นางสาวผึ้ง ก็ให้ข้อมูลว่า ตัวเองไม่รู้ความสัมพันธ์ของน้องสาว รู้แต่เพียงว่า น้องสาวโสด ยังไม่มีแฟน ส่วนทางฝั่งญาติคนก่อเหตุ เขาจะให้ข่าวอย่างไร ก็เป็นสิทธิของเขา “คนตายพูดไม่ได้” จึงคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องชู้สาวแน่นอน ส่วนนายเก่ง (ผู้ก่อเหตุ) ตัวเองไม่รู้จักกับเขามาก่อน และน้องสาวก็ไม่เคยเอ่ยถึงบุคคลให้ตัวเองฟัง
ทีมข่าวได้พูดคุนกับนายตุ้ม (นามสมมติ) ลูกพี่ลูกน้องของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่ตัวเองขี่รถมอเตอร์ไซค์มา ส่วนผู้เรียนของตัวเองที่อยู่ถัดจากสวนทุเรียนของผู้เสียชีวิตไปประมาณ 500 เมตร ตัวเองได้เห็นนายเฉลิมชัย ผู้บาดเจ็บ นั่งอยู่ที่บริเวณจุดเกิดเหตุ แต่ตอนนั้นตัวเองยังไม่สังเกตเห็นนางสาวปิยวรรณ ผู้ตาย
กระทั่งเวลาประมาณบ่าย 3 เกือบ 4 โมงเย็น ของเมื่อวานนี้ นายเฉลิมชัยผู้บาดเจ็บได้ถูกยิง แล้ววิ่งไปขอความช่วยเหลือกับคนงานในสวนทุเรียนที่อยู่ติดกับสวนทุเรียนของของตัวเอง จนชาวบ้านได้พาผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล กระทั่งมาพบศพนางสาวปิยวรรณ อยู่ในห้องน้ำ ซึ่งนายเฉลิมชัย ผู้บาดเจ็บ เขาก็จดจำเหตุการณ์ได้ชัดเจนว่าคนที่ยิงเขานั้นคือใคร และตอนนี้ทางครอบครัวก็ได้สงสัยว่าคนก่อเหตุนั้นคือ นายนายชูศักดิ์ หรือ เก่ง เขาอยู่ระหว่างเป็นกิ๊กกับปิยวรรณ ผู้เสียชีวิต จึงอาจจะเป็นการหึงหวงผู้เสียชีวิตกับผู้บาดเจ็บหรือไม่ ทั้งสองคนนั้นเขาจะใช้ชีวิตอยู่ที่สวนด้วยกันเป็นประจำ
ที่ผ่านมา นางสาวปิยวรรณ ผู้เสียชีวิต เขาไม่เคยมีปัญหากับใคร เรื่องสวนทุเรียนก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกับเครือญาตอีกด้วย ซึ่งในแต่ละวัน นางสาวปิยวรรณ จะเดินทางจากบ้านเพื่อมาดูสวนทุเรียนเป็นประจำ และจะว่าจ้างให้ นายเฉลิมชัย ผู้บาดเจ็บ มาเฝ้าสวนให้
ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านของผู้ก่อเหตุ พบว่าเป็นบ้านไม้ยกสูง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 7 กิโลเมตร นอกจากนี้ทีมทีมข่าวช่อง 8 ยังได้วงจรปิด เวลา 17.31 น. ของเมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) จับภาพนางสาวปิยวรรณขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปในซอยมุ่งหน้าสวนทุเรียนจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นภาพสุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต