วันที่ 16 มิถุนายน 2567 คืบหน้า จากกรณีเด็กหญิง 3 ขวบ ที่พ่อแม่นำไปเข้าเรียนที่ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดฯ ในตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ แล้วปรากฏว่า เมื่อเวลา 12.40 น.ของวันที่ 14 มิถุนายน 2567 ได้รับแจ้งว่าลูกไปจมน้ำเสียชีวิต ที่หนองน้ำกลางทุ่งนา ทางทิศใต้ ห่างออกจากศูนย์เด็กไปราว 800 เมตร และเมื่อญาติพี่น้องในหมู่บ้านทุกคน ไปดูที่เกิดเหตุ ต่างก็ไม่เชื่อว่าเด็ก 3 ขวบ จะเดินมาถึง เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางศพเด็ก สะพานบันไดไม้ที่อยู่ด้านหลังศูนย์เด็ก มีขนาดใหญ่ ช่องว่างห่างมาก เด็กเดินขึ้นลงลำบาก และน้องไม่ดื้อพอที่จะมาเดินลง เดินผ่านคลองหลังศูนย์ เดินขึ้นถนนที่อยู่สูงชัน ก่อนลงข้ามคลองอีกข้างถนน เพื่อเดินไปกลางทุ่งนา เดินไกลต่อไปจมน้ำที่หนองน้ำกลางทุ่งนา ขนาดผู้ใหญ่วันนี้เดินไปก็จะต้องใช้ระยะเวลานาน และเหนื่อยมากด้วย ทุกคนจึงสรุปว่า “ใครอุ้มน้องมาจมน้ำ” ซึ่งทุกคนเมื่อมาดูบันไดสะพานไม้ หลังศูนย์ และดูระยะทาง เส้นทางที่เด็ก 3 ขวบจะเดินออกมา เดินไปไกลยังจุดจมน้ำ ทุกคนก็ไม่เชื่อว่าเด็กไปเอง โดยไม่มีใครพาร่างน้อง 3 ขวบ ไปแน่นอน

 

โดยในวันนี้ ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ นางสาว พุทธมาลย์ อายุ 23 ปี มารดาของเด็กหญิง 3 ขวบ พร้อมด้วย นายปริญญา อายุ 26 ปี พ่อของเด็กหญิง 3 ขวบ พร้อมด้วย นางทองทิพย์ อายุ 52 ปี คุณยาย คุณตา ญาติ ได้เดินทางมาที่ห้องดับจิต รพ.ศรีสะเกษ ภายหลังจากได้รับแจ้งว่า ศพน้องได้ผ่านกระบวนการผ่าเพื่อพิสูจน์หาหลักฐานเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันอาทิตย์ คุณหมอหยุดราชการ จึงจะได้มีการนัดหมายใหม่ในวันจันทร์ แต่ก็ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ผู้ที่แลห้องดับจิต ให้สามารถอนุญาตให้พ่อแม่ คุณยาย คุณตา เข้าไปดูศพของน้องได้ ซึ่งเมื่อทุกคนพบร่างของน้องอลิส ที่นอนอยู่บนเปล รพ.หน้าตายังอมยิ้ม ดูดี ผิวยังเป็นสีชมพู เหมือนน้องกำลังนอนหลับปกติ พ่อแม่ ตา ยาย ถึงกลับปล่อยโฮออกมา เสียงดั่งลั่นไปทั้งห้อง ทนดูน้องต่อไม่ได้ จนต้องขอออกมาร้องไห้อยู่ข้างนอก กลัววิญญาณน้องตกใจ ซึ่งหากญาติประสงค์ที่จะนำร่างน้องอลิส ออกไปบำเพ็ญกุศลก็สามารถที่จะกระทำได้ แต่ปรากฏว่า วันนี้ ทั้งพ่อแม่ และยาย ตา ญาติ สรุปกันว่า ขอฝากร่างของน้องไว้ที่ตู้เย็นห้องดับจิตเอาไว้ก่อน จนกว่าที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะสามารถสืบติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายได้ก่อน จึงจะมาขอรับศพของน้องอลิส ไปบำเพ็ญกุศลศพทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งว่า ถ้าเช่นนั้นก็ขอให้พ่อแม่ หรือญาติ มาติดต่อทำเรื่องในการฝากร่างของน้องอลิส ในวันราชการ คือวันจันทร์ วันพรุ่งนี้ อีกที ทุกคนจึงเดินทางกลับบ้าน

 

ต่อมาทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับครูเป้ พี่เลี้ยงเด็ก บอกว่า ต้องบอกก่อนว่าศูนย์ มีครู 2 ท่านที่เป็นข้าราชการ ส่วนตนเป็นแค่พี่เลี้ยงเป็นผู้ช่วยครูอีกครั้ง วันนี้ตนมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ กับแม่น้องที่เสียน้องไป ตนก็เข้าใจหัวอก ก็เป็นแม่เหมือนกัน แต่หลังจากนี้การให้สำนวนกับตำรวจยังไม่เสร็จ มีนักข่าวอยู่ วันนั้นก็มีครูหนุ่ย ให้ปากคำ ตอนนี้เหลือตน กับครูอีกคนยังไม่ได้สอบ ส่วนตอนนี้ตนยังไม่ขอให้อะไรมาก ยังไงต้องรอสอบกันก่อน ถ้าผลอะไรออกมาก็ให้เป็นตามนั้น

 

การให้ข่าวก็ให้เป็นจริงด้วย ให้ความเป็นธรรมกับครูและญาติด้วย ยังไงไม่มีเจตนาให้เป็นแบบนั้นแต่พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อ ให้เป็นไปตามพยานหลักฐาน ส่วนข่าวที่ออกไปก่อนหน้านี้ไม่สบายใจเลย และยังไงการให้การยังไม่เสร็จ นักข่าวทุกท่านรอก่อนนะคะ อะไรก็ตามหากถามขอไม่ตอบ ขอให้เจ้าหน้าที่ชี้แจง ให้นักข่าวอดทนรอ ยังไงไม่ปล่อยไว้แน่นอน ความจริงเป็นไง ขอไม่ตอบให้อดทนรอ ตอนนี้ก็ไม่ตอบว่าเครียดไหม ตนให้การเท็จจริงทุกอย่างกับตำรวจสืบหลายคนหลายครั้งไม่เครียด แต่เสียใจอยู่แล้ว ไม่มีอะไรให้เครียดในเรื่องคดี แต่หดหู่ที่มาเจอแบบนี้ สุดท้ายยกมือไหว้ขอให้นักข่าวอดทนรอ ส่วนเด็กทุกคนน่ารักหมด ครูก็มีลูกเหมือนกัน ขอตอบแค่นี้

 

นายมุนินทร์ นายก อบต.คอนกาม เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า อบต.คอนกาม มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอยู่ 2 แห่ง คือที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านคอนกาม ซึ่งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ที่เกิดเหตุ มีครู จำนวน 2 คน มีผู้ช่วย 1 คน และมีเด็กทั้งหมดประมาณกว่า 40 คน หลังเกิดเหตุตนได้เรียก ครูทั้ง 3 คน เข้ามาสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยครูได้เล่าเหตุการณ์ให้ตนฟังว่า ในวันเกิดเหตุหลังรับประมาณอาหารกลางวันเสร็จแล้ว ได้ปล่อยนักเรียนเล่นอยู่บริเวณภายในศูนย์เด็กประมาณ 30 นาที จากนั้นได้เรียกเข้าห้องเพื่อพักผ่อน และจากการเช็คจำนวนเด็กแล้ว ปรากฏว่าน้องอลิส หายไป ครู จำนวน 2 คน จึงได้พากันออกตามหาจนทั่วบริเวณวัด แต่ก็ไม่พบ จึงได้แจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสายให้ชาวบ้านช่วยตามหา

 

จากนั้นครูทั้งสองคนจึงปรึกษากันว่าเด็กอาจจะไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำบริเวณด้านหลังศูนย์เด็ก จึงพากันมองหาแหล่งน้ำ แล้วเดินมุ่งหน้าไปตามคันนาที่เป็นเส้นทางยาว เมื่อไปได้ถึงกลางทาง ตอนแรกก็จะพากันกลับแล้ว แต่มองไปเห็นสระน้ำจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่อีกไม่ไกลนัก จึงตัดสินใจเดินไปดูให้หายข้องใจ ซึ่งขณะครูตามหาได้มุ่งมองหาแต่ทางแหล่งน้ำ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุได้เห็นอะไรบางอย่างลอยอยู่ในน้ำ จึงเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าเป็นเด็กจมน้ำเสียชีวิตอยู่ และก็เชื่อว่าน่าจะเป็นร่างของน้องอลิส เพราะครูจำเสื้อผ้าได้ จึงรีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

 

ส่วนกรณีที่รองเท้าไม่ใช่รองเท้าของน้องอลิส ตนคิดว่า หากมองว่าเด็กเดินมาเอง สันนิษฐานว่า ก็อาจเป็นไปได้ที่น้องจะใส่รองเท้าผิดคู่ ที่ไม่ใช่ของตนเองมา เพราะด้วยอายุเพียง 3 ขวบ อีกทั้งเด็กวัยนี้บางคน ก็ใส่รองเท้าผิดข้าง กลับข้างบ้าง ส่วนกรณีรองเท้าไม่เปื้อนดินโคลน ก็อาจเพราะเส้นทางจากศูนย์เด็กมายังจุดเกิดเหตุเป็นคันนายาว เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุเด็กอาจลงเล่นน้ำในจุดที่พบกางเกงกับรองเท้าก่อน เมื่อเนื้อตัวเปียกปอน เด็กอาจถอดกางเกง และผ้าอ้อมสำเร็จรูป เพราะผ้าอ้อมสำเร็จรูปอาจอุ้มน้ำ และหนัก จากนั้นอาจเดินมาตรงจุดสระน้ำที่เกิดเหตุ ซึ่งทางลงค่อนข้างสูงชัน และเด็กอาจลื่นไถลตกลงไป ซึ่งเป็นเพียงการสันนิษฐาน หากเป็นกรณีเด็กเดินมาเอง

 

อีกประเด็นหนึ่ง อาจเกิดจากผู้ไม่หวังดีอุ้มเด็กมาตรงจุดเกิดเหตุ แล้วทำมิดีมิร้ายกับเด็ก แล้วจับเด็กโยนทิ้งน้ำอำพรางคดี หรืออาจเสียชีวิตมาจากที่อื่น แล้วนำร่างมาทิ้งน้ำ ซึ่งทั้งหมดยังไม่มีความชัดเจน ต้องรอผลชันสูตรอย่างละเอียดจากจากแพทย์มายืนยัน รวมถึงผลการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อคลี่คลายปมสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดตนได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด หลังจากนั้นก็จะให้คณะกรรมการตั้งอีกชุดหนึ่ง เพื่อสอบวินัย ในกรณีมีการละเลยหรือไม่ ซึ่งทางคณะครูก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบไปตามบทบาทหน้าที่ และได้เตรียมตั้งงบประมาณในการป้องกันรอบรั้วขอบชิด ให้มีความแน่นหนามากขึ้น ซึ่งปัจจุบันศูนย์เด็ก ตั้งอยู่ในพื้นที่วัด ไม่สามารถใช้จ่ายงบประมาณได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ใช้พื้นที่ของ อบต.โดยตรง ในการก่อสร้างใดๆจึงต้องใช้งบประมาณจากการบริจาคเป็นส่วนใหญ่

 

สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นในตอนนี้ ยอมรับว่าความเชื่อมั่นของผู้ปกครองเด็กลดลงเยอะ แต่ตนยืนยันว่าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองและพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้น โดยจะเร่งดำเนินการสร้างรั้วรอบศูนย์เด็ก รวมถึงกำแพงวัดที่มีบันไดไม้เป็นเส้นทางเข้าออก ข้างศูนย์เด็ก ก็จะขอความร่วมมือวัดให้ปิดทางเข้าออกบริเวณตรงจุดนี้ โดยการสร้างกำแพง ให้แน่นหนามากขึ้น เพราะด้านหลังศูนย์เด็ก มีแหล่งน้ำเยอะ และจะเร่งดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัยของเด็กและครู ทั้งนี้ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

 

ต่อมา ทีมข่าวได้ วงจรปิด ตัวที่ 1 วันที่ 14 มิถุนายน 67 เวลา 07.32 น.นายนวรัตน์ ปู่ (น้องของย่า) รอน้องอลิสแต่งตัวไปส่งโรงเรียน โดยเสื้อขาวคือ น.ส.พุทธมาลย์ แม่น้องจากนั้น 07.36 อุ้มน้องอลิสไปขึ้นจยย.

 

วงจรปิด ตัวที่ 2 นายนวรัตน์ปู่ (น้องของย่า) พาน้องอลิสขี่จยย.มาจะไปโรงเรียน แต่โรงเรียนยังไม่เปิด

 

วงจรปิด 3 เวลา 07.45 โรงเรียนยังไม่เปิดครูยังไม่มา นายนวรัตน์ เลยพาน้องอลิส พาน้องอลิสแวะร้านไก่ย่างแฟนนายนวรัตน์ก่อน จากนั้นนายนวรัตน์ ก็วนรถออกไป เพื่อจะดูว่าโรงเรียนเปิดหรือยัง

 

วงจรปิดตัว 4 นายนวรัตน์ก็ขี่รถ มารับน้องอลิส

 

วงจรปิดตัว 5 เวลา 08.10 น้องอลิสเดินออกมา จากนั้นก็พาน้องอลิสขึ้นรถไปโรงเรียน

 

วงจรปิด 6 ตามถนน เวลา 08.11 ขี่รถไปโรงเรียน

 

วงจรปิดตัว 7 หลังทราบว่าน้องอลิสหายตัวไปก็ตามหา

 

ด้านปริญญา พ่อของน้องอลิส เล่าว่ากลัวดวงวิญญาณน้องไม่ไปสู่สุขติ เลยไปถามพระ กลัวน้องไม่มาบ้านกลัวนั่งร้องไห้ที่จุดเกิดเหตุ แต่พระบอกว่าลูกไม่รู้ตัวว่าตายแต่กลับมาอยู่บ้านแล้ว ซึ่งตนก็สบายใจแล้วว่าลูกกลับมาอยู่แล้ว แต่ระหว่างนั้นไม่รู้สึกว่าวิญญาณลูกมา เลยไปถามพระ

 

ทั้งนี้ยืนยันว่า ตนเชื่อว่าลูกไม่น่าเดินไปจมน้ำเอง น่าจะอุ้มไปไว้ ตอนนี้ตนสงสัยว่าครู และครูต้องรับผิดชอบมันอยู่ในโรงเรียน ส่วนแม่ครัวอะไรไม่มีใครมาหาเลย จากนี้จะสู้ให้ถึงที่สุด ลูกตนเล็กมั่นใจมีคนทำแน่นอน

 

ทีมข่าวเดินทางไปหาครูหนุ่ย ซึ่งเจ้าตัวปัดตอบ ไม่ชี้แจงอะไร ไทม์ไลน์เป็นอย่างไรไม่ขอตอบ ให้การกับตำรวจไปหมดแล้ว ก่อนจะเดินเข้าบ้านทันที

 

ขณะที่พ่อของครู บอกว่า ครูไปให้การตำรวจแล้วหลายชั่วโมง เครียด และไม่มีใครอยากให้เกิด ส่วนงานศพตนก็จะไปช่วยงานวันพรุ่งนี้ เท่าที่เห็นครูหนุ่ยก็มีร้องไห้บ้าง ส่วนข่าวที่ออกไป บางอย่างไม่จริง แต่พ่อก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์พ่อก็บอกอะไรไม่ได้ ตอนนี้ครูทำใจอยู่และไม่สะดวกให้ข้อมูลอะไร และไม่มีใครมีเจตนาทำร้าย พ่อก็ให้กำลังใจครู ว่าเราไม่เจตนาทำร้ายอะไรน้องอะไรเลย เด็กก็ดื้อตามวัย แล้วเด็กจะปีนกำแพงก็ไปไล่เข้ามาเด็กมีหลายคนวิ่งไปมามันมองไม่ทันทั้งหมด ไม่มีใครอยากให้เกิด และลูกก็อยู่ที่ศูนย์มาหลายปีแล้ว

 

ด้าน นางทองทิพย์ ย่าน้องอลิส บอกว่า ครูไม่แจ้งผู้ปกครองเป็นคนแรก แต่ไปแจ้งคนอื่นก่อน มีแต่ผู้ใหญ่บ้านโทรหาตน บอกน้องหายไปตามหา แต่ไปถึงก็เจอศพน้องอลิสแล้ว ตอนนั้นตนก็วิ่งตามลงไป เขากำลังอุ้มน้องขึ้นจากสระ

 

ตนสงสัยทำไมน้องเดินไปตรงสระ ถ้าจะหนีเรียนทำไมไม่เดินตามถนน และน้องไม่มีประวัติออกนอกโรงเรียนเลย และน้องไม่ดื้อขนาดต้องเดินไปตรงนั้น ขนาดอยู่บ้านจะไปไหนยังต้องอุ้มออกไปเลย ส่วนน้องปกติไม่กลัวน้ำ แต่ไม่มีประวัติลงไปเล่นน้ำเลย

 

ส่วนเรื่องที่เกิดต้องมีคนพาไปอุ้มไปแน่นอน เด็กตัวแค่นี้ไปไม่ได้ และที่ผ่านมาไม่มีใครมาอธิบายเลย แต่วันที่น้องตายมีครูหนุ่ยกับครูเป้มากราบขอโทษบอกครูพลาดไปแล้วบอกขอโทษ และบอกดูแลไม่ทั่วถึง เขาก็ร้องไห้และเสียใจ แต่เขาก็ไม่บอกรายละเอียดมา ตนก็ถามว่าน้องหายทำไมไม่บอก

 

แล้วเขาก็บอกว่าเรื่องมันเกิดหลังจากให้น้องกินข้าวแล้วพาไปเล่นข้างศูนย์ แล้วน้องก็นั่งเล่นตรงบันได ครูหนุ่ยบอกไปเรียก 2 รอบไม่กลับ แต่ก็ไม่บอกว่าหลังจากนั้นทำอย่างไร

 

และเด็กครูต้องรับผิดชอบ ตนไม่พอใจครูต้องรับผิดชอบ เราเอาลูกหลานไปให้เขาดูแล จะมาปล่อยปะละเลยได้ยังไง ส่วนวันเกิดเหตุร้อนก็ร้อน ถ้าเดินก็ต้องเดินเข้าร่มสิ ส่วนที่เจอก็ถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูป ถอดกางเกงไว้ และรองเท้าก็ไม่ใช่ มันไม่เลอะเลย สงสัยทำไมรองเท้าไม่เปื้อนเลย ศพก็ดูปกติ ไม่เลอะอะไรเหมือนคนนอนหลับ

 

ต่อมาทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับ น.ส.นภัสสร หรือ นุช ชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นแม่น้องบาสที่เรียนกับน้องอลิส เล่าว่า ตนก็ไม่รู้ว่าจะเกิดจากครูทำจริงไหม แต่ตนถามบาสลูกชายบอกว่ามีครูในโรงเรียนบอกว่าครูหยิก และมีรอยช้ำ ก่อนน้องอลิสเสียชีวิต 1 วัน พ่อตนก็ไปต่อว่าครูที่โรงเรียนว่า ลูกตนถูกหยิกและวันที่น้องอลิสเสียก็ไม่ได้พาน้องบาสไปโรงเรียน

 

และเคยมีครูคนหนึ่งมาขอโทษตนว่าตนไม่ได้หยิกน้องบาสเลย เป็นครูคนอื่น แต่ตนขอไม่เอ่ยชื่อว่าครูคนไหน ไม่รู้ว่าเคสน้องอลิสจะเกี่ยวกับครูทำไหมตนก็ไม่กล้าพูด แต่อยากให้ครูรัดกุมดูแลมากกว่านี้ดูหละหลวมไป เข้าใจว่าไม่มีใครอยากให้เกิด

 

ขณะที่พระทองพันธ์ บอกว่า เด็กถ้าจะเดินมา จะไม่ให้เกินศาลา ถ้ามาจะไล่กลับ แต่ส่วนใหญ่จะมีแต่เด็กโต แต่เด็กรุ่นอลิส เล็กๆ แบบนี้ไม่มีมา จะมาก็แค่ถนนหน้าโบสถ์ ส่วนที่ผ่านมาไม่เคยมีเด็กออกมาเล่นแบบนี้เลย ส่วนตรงบันไดไม่เคยเห็น ส่วนน้องอลิสพระเคยเห็นเป็นเด็กดี พ่อแม่ชอบพาทำบุญ ส่วนสระตรงนี้ ถ้ามีกิจกรรมครูจะพามาถ้าไม่มีครูจะไม่มีมา

 

ด้านนายวิทยา คนที่ไปอุ้มศพอลิสขึ้นจากน้ำ บอกว่า ตนได้ยินเสียงว่าคนเรียกบอกว่าเจออลิสแล้ว ตนเลยไปดู และพอผู้ใหญ่บ้านบอกว่า ลงไปอุ้มได้ เพราะว่าน้องลอยขึ้นมาแล้ว เนื่องจากตอนแรกต้องรอตรวจสอบก่อน

 

ซึ่งตอนตนลงไปมันลึกประมาณ 1 เมตร จุดที่น้องลอย แต่ถ้าเลยไปอีกก็ 2-3 เมตร ส่วนตัวน้องไม่มีแผลอะไรเลย แต่ตรงหัวเข่ามีจุดเขียว ลอยเหนือน้ำ

 

ส่วนกางเกงน้องถอดไว้เหนือฝั่ง จุดนั้นมีรองเท้า กางเกงกีฬา และผ้าอ้อมสำเร็จรูปเปื้อนขี้ตม มันเปียกเละหมดแล้ว แต่งงว่ากางเกงกับรองเท้าไม่เปียกเปื้อนแค่ขี้ตมในความรู้สึกตนที่เจอนั้น ตนมั่นใจว่า ไม่น่าที่เด็กจะลงไปตรงนี้ได้

"น้องอสิส" หายตัวกลายเป็นศพลอยน้ำ ครอบครัวคาใจ ปมจมน้ำดับปริศนา