ความคืบหน้ากรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนจำนวน 3 ลำ พร้อมน้ำมันเถื่อน 330,000 ลิตรของกลางในคดี ที่จอดไว้ที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี หายไปอย่างปริศนาเมื่อ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา

 

ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมามีรายงานข่าวออกมาว่า ตำรวจเจอเรือน้ำมันของกลางทั้ง 3 ลำแล้ว โดยอยู่ระหว่างส่งชุดไปประกบ พร้อมควบคุมเข้ามาที่ท่าเทียบเรือ จ.สงขลา โดยตำรวจน้ำ อยู่ระหว่างเดินทางไปยังเรือเป้าหมาย 3 ลำ ระยะห่างประมาณ 100 ไมล์ทะเล คาดว่า จะได้ความชัดเจน ในเวลาเที่ยงคืนของวันนี้

 

ส่วนรายละเอียดจะนำกลับมาดำเนินคดีที่ อ.สัตหับ จ.ชลบุรี อย่างไร รวมถึงน้ำมันของกลางยังมีอยู่หรือไม่ รอความชัดเจนและประเมินอีกครั้ง

 

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้ย้อนกลับไปที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบอีกครั้ง เพื่อไขข้อข้องใจว่า สรุปแล้วท่อน้ำดิบที่ตำรวจอ้างว่า เสียใช้งานไม่ได้มากว่า 10 ปีนั้นเสียจริงหรือไม่ เนื่องจากเมื่อวานนี้ ช่อง 8 ไปพบว่า มิเตอร์น้ำตัวเลขมีการขยับ

 

แต่ล่าสุดพีกไปกว่านั้นวันนี้ทีมข่าวได้ย้อนไปดูมิเตอร์น้ำล่าสุดวันนี้พบว่า ตัวเลขได้ขยับขึ้นอีกแล้ว และกำลังวิ่งอยู่ยังไม่หยุด จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่า มิเตอร์น้ำล่าสุด คือ ตัวเลข 4623247 ซึ่งขึ้นมาจากเลขมิเตอร์เมื่อวานนี้ คือ 4616141

 

ล่าสุดหลังจากทีมข่าวพบว่ามิเตอร์น้ำหมุนใช้งานได้ปกติ จึงได้รีบติดต่อไปสอบถามกับ ว่าที่ พ.ต.อ.ขจรยศ ทรงประดิษฐ์ ผบ.เรือ (4) กลุ่มงานเรือตรวจการ กองบังคับการตำรวจน้ำ รักษาราชการแทน พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. ซึ่งถูกสั่งเด้งไปก่อนหน้านี้ ให้ช่วยชี้แจง หลักจากเมื่อวานนี้ตำรวจบอกว่า ท่อน้ำเสียกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งคาดว่า ไม่เป็นความจริง

 

จากนั้น พ.ต.อ.ขจรยศ ได้เดินทางมาพูดคุยกับช่อง 8 พร้อมกับยอมรับว่า เกิดจากการสื่อสารที่ผิดพลาดของตนเองเอง และหลังจากช่อง 8 นำเสนอข่าวไปเมื่อคืนนี้ว่ามิเตอร์น้ำหมุนใช้งานได้ปกติ ตนเองจึงได้ประชุมพูดคุยกับลูกน้อง และได้สอบถามเพื่อความชัดเจน

 

จึงรู้ว่า ท่อน้ำที่ตนเองพานักข่าวไปดู จะอยู่บริเวณปลายสุดของท่าเรือ ซึ่งท่อน้ำเสียจริงๆ ใช้ไม่ได้ จึงให้ข้อมูลกับนักข่าวไปแบบนั้น แต่เมื่อตรวจสอบดูอีกครั้งพบว่า ท่อน้ำจุดอื่นในท่อเทียบเรือ รวมถึงมิเตอร์น้ำไม่ได้เสีย และใช้งานน้ำได้ปกติ ซึ่งตนเองเพิ่งเข้ามารักษาราชการแทนยังไม่ทันได้ตรวจสอบทั้งหมด

 

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ขจรยศ ยังได้พาทีมข่าวเข้าไปด้านในท่าเทียบเรือเพื่อแก้ไขข้อเท็จจริงกับช่อง 8 เพื่อพิสูจน์ว่า น้ำใช้งานได้ปกติ แต่ท่อที่เสีย เสียแค่ส่วนปลายสุดของท่าเทียบเรือ แต่ท่อน้ำส่วนอื่นๆ มีการใส่ก็อกน้ำจากท่อน้ำ และโยงสายยางใช้น้ำได้ปกติ โดยตำรวจยังให้ทีมข่าวทดสอบเปิดน้ำจากสายยางเพื่อทดสอบว่า ใช้น้ำได้ปกติจริงๆอีกด้วย รวมถึง ใช้อาบน้ำ กินน้ำได้ปกติ

 

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้พาทีมข่าว 8 ไปดูบริเวณด้านใต้ท้องเรือ ซึ่งเป็นส่วนของห้องน้ำ และถังเก็บน้ำดิบที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ในการอุปโภค ซึ่ง พ.ต.อ.ขจรยศ ได้บอกถึงเหตุผลที่ก่อนหน้านี้ ช่อง 8 ตั้งคำถามว่า ตำรวจจะนำน้ำดิบขนใส่กระบะเพื่อนำน้ำมาใส่ในเรือทำไม ทำไมไม่ต่อสายยางโดยตรงจากท่อที่ท่าเทียบเรือไปเลย

 

ซึ่งตำรวจชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ตำรวจน้ำ เรือ 633 มีภารกิจ อบรม ศรชล.ภาค1 ที่โรงแรมบ้านฉางพาเลช จังหวัดระยอง ในวันที่ 11 - 13 มิ.ย.67 จึงมีความจำเป็นต้องเติมน้ำสำหรับใช้ในภารกิจบนเรือ เช่น การทำความสะอาด ทำให้ต้องใช้น้ำสะอาดเท่านั้น แต่เมื่อตำรวจลองเปิดน้ำดูแล้ว กลับพบว่า น้ำในวันนั้น “ขุ่น” ไม่สะอาด ทำให้ตำรวจจำเป็นต้องขนน้ำดิบที่ผ่านเครื่องกรองน้ำแล้วจากบ้านพักตำรวจนำใส่เบาท์เพื่อนำน้ำที่กรองแล้วมาใช้แทน จึงเห็นตามภาพวงจรปิดที่ปรากฏ

 

นอกจากนี้ตำรวจน้ำยังได้นำตัวกรองน้ำ จำนวน 3 ตัว มาตั้งโชว์ให้ทีมข่าวดูว่า น้ำที่ได้จากท่อเทียบเรือน้ำ ระบบประปา น้ำขุ่น และไม่สะอาดจริงๆ ซึ่งการกรองน้ำ ต้องมีตัวกรองถึง 3 ชั้น และตัวกรองที่เห็น ก็ยังเต็มไปด้วย โคลนและตะกอนจำนวนมาก

 

ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ไม่มีการกรองน้ำและต่อน้ำมาใช้เลยจากสายยาง จะทำให้เจ้าหน้าที่ที่ไปปฏิบัติภารกิจใช้น้ำที่ไม่สะอาด ไม่ถูกสุขลักษณะ หากน้ำไปดื่ม กิน หุงข้าว อาจจะท้องร่วง ท้องเสียได้ และเมื่ออยู่กลางทะเล จะไปหาหมอก็ไปลำบาก จึงจำเป็นต้องใช้น้ำสะอาดจริงๆ

 

สุดท้าย พ.ต.อ.ขจรยศ ยังยืนยันกับทีมข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ตนเองก็เพิ่งมารักษาราชการแทนยอมรับผิดที่ตนเองให้ข้อมูลที่ผิดพลาดไปก่อนหน้านี้ว่าท่อน้ำเสีย และจากที่ตนเองได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดท่าเทียบเรือ เชื่อได้ว่า ตำรวจน้ำไม่มีการลักลอบดูดน้ำมันเถื่อนจากเรือประมงที่ยึดมาแน่นอน และขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเรือที่หายไป 3 ลำ กลับมาให้ได้โดยเร็ว

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นายสุดหล่อ (นามสมมติ) คนงานเรือที่ถูกจับเพื่อสอบถามความเป็นอยู่บนเรือว่า สรุปแล้วท่อน้ำที่ตำรวจอ้างว่าเสียก่อนหน้านี้ เจ้าตัวใช้งานได้ปกติหรือไม่ เจ้าตัวยังยืนยันว่า ตนเองยังใช้น้ำได้อย่างปกติ มีการต่อสายยางใช้อาบน้ำ นำน้ำมาหุงข้าวกินได้ปกติ และรู้สึกงงที่ตำรวจไปให้ข่าวกับนักข่าวว่าท่อน้ำเสียได้อย่างไร

 

ส่วนความสะอาดของน้ำที่ได้ ยอมรับว่าบางวันก็สะอาดใช้กินได้ปกติ แต่บางวันก็ขุ่นสีเหมือนน้ำกะทิ จนตัวเองก็ไม่กล้ากินเช่นกัน จึงมองนี่อาจเป็นเหตุผลที่ตำรวจต้องนำน้ำจากที่อื่นกรองมาใช้บนเรือ

 

ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยว่าตำรวจน้ำได้ลักลอบดูดน้ำมันเถื่อนจากเรือที่ตรวจยึด ตนเองขอยืนยันให้ตำรวจว่า ไม่เห็นตำรวจลักลอบดูดน้ำมันจากเรือที่ยึดแน่นอนเพราะหากดูดน้ำมันเถื่อนไปจริง มันไม่ได้ดูดกันง่ายๆ ต้องใช้เวลา รวมถึงพวกตนเองอยู่ที่ท่าเทียบเรือตลอดก็ต้องเห็น แต่ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยเห็นเลย

 

ส่วนที่ตำรวจน้ำจะช่วยเหลือให้เรืออีก 3 ลำหลบหนีหรือไม่ตนเองไม่รู้ แต่รู้ว่า ก่อนวันเรือจะหนี มีคลื่นลมแรงจริงๆ ตำรวจจึงให้เรือที่บรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ไปจอดทิ้งสมอไกลๆท่า เพราะกลัวเกิดอันตราย ส่วนเรือพวกตนเองไม่มีน้ำมัน จึงให้จอดไว้ที่เดิม

เจอแล้ว! เรือน้ำมันเถื่อน 3 ลำ ล่องหนหายปริศนาซุกมาเลเซีย