สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ว่า พบศพ “นายศุภพงษ์” อายุ 64 ปี ลอยอยู่ในสระน้ำ บริเวณด้านหน้าสวนปาล์มน้ำมัน โดยผู้ตายเป็นชาวบ้านในพื้นที่ และเป็นบุคคลที่ทางภรรยาแจ้งหายก่อนที่จะพบศพ 1 วัน

 

ทีมข่าวเดินทางมายัง บริเวณสำนักสงฆ์เขาปีบ ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ใกล้เคียงกับบริเวณที่เจอศพ รวมไปถึงผู้ตายมักจะไปขอข้าวและของกินกับทางพระที่อยู่ภายในสำนักสงฆ์ ซึ่งจุดดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะทุกเช้าคนตายมักจะไปอยู่ที่บริเวณดังกล่าว ช่วง 7-8 โมงเช้า เพื่อมารอรับข้าวที่ทางพระไปบิณฑบาตมา

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับ “พระหัด ภูษา“ ซึ่งเป็นพระธุดงค์ที่มาใช้สถานที่สำนักสงฆ์ดังกล่าวอาศัยเพื่อทำกิจนิมนต์ชั่วคราว โดยภายในสำนักสงฆ์ดังกล่าวจะมีพระด้วยกัน 2 รูป คือพระหัด ภูษา - พระสุนทร ภูษา ซึ่งทั้งคู่ได้ใช้ สำนักสงฆ์ดังกล่าวเป็นที่พักพิง

 

ทางพระหัด ภูษา ได้ให้ข้อมูลกับทางข่าวยืนยันว่าครั้งสุดท้ายที่เห็นหน้าคือวันที่ 13 มิ.ย.ช่วงเช้า ส่วนวันที่ 14 มิ.ย. ตนไม่เห็น เนื่องจากวันนั้นหลังจากที่ตัวเองกลับมาจากบิณฑบาตปรากฏว่าทางผู้เสียชีวิตไม่ได้มานั่งรอตามปกติที่บริเวณลานสำนักสงฆ์ ในใจตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย แต่เข้าใจว่าเขาเองอาจจะปวดขาหรือป่วยเลยไม่ได้มาเอาข้าวที่บิณฑบาต ตามปกติ กระทั่งช่วงบ่ายทางภรรยาเสียชีวิตก็ได้เดินทางมาที่สำนักสงฆ์ก่อนที่จะมาถามหาสามี ซึ่งตอนนั้นตนก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ปกติผู้ตายมักจะมาขอข้าวกินเป็นระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน เนื่องจากตรงนี้เป็นพระธุดงค์ที่มาใช้สำนักสงฆ์ชั่วคราว ตนก็ช่วยเหลือคนตายขณะที่คนตายก็ได้มีการช่วยเหลือตนเป็นบางครั้ง ยืนยันว่าคนตายเป็นคนดี เหล้า บุหรี่ก็ไม่ยุ่งเกี่ยว และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าคนตายมีปัญหาทะเลาะกับใครในช่วงจังหวะที่เข้ามาภายในสำนักสงฆ์

 

ส่วนตัวถามว่าในบริเวณสำนักสงฆ์เคยมีบุคคลจรจัดหรือบุคคลภายนอกเข้ามาภายในบ้างไหม ทางพระรูปดังกล่าวยืนยันว่าที่ผ่านมาในช่วง 2-3 เดือน ก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นรวมไปถึงคนมักจะเข้ามาอยู่บริเวณโดยรอบสำนักสงฆ์ ถึงขั้นบางรายตนไม่ได้รู้จักแต่กลับอาละวาดและด่าทอตนหลายครั้ง มีบางส่วนที่คาดการณ์ว่าน่าจะมีอาการคุ้มคลั่งได้เข้ามาที่สำนักสงฆ์และพยายามไล่ตนให้ออกจากสำนักสงฆ์

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนมองว่าอาจจะเป็นเรื่องประเด็นที่ผู้ตายไปมีปัญหากับกลุ่มคนจรจัดหรือคนติดยาหรือไม่ ซึ่งก็ไม่สามารถตอบได้ ยืนยันไม่รู้เห็นปมการเสียชีวิต

 

และยืนยันว่ามีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถาม เพราะเป็นการให้ข้อมูลและพูดคุยว่ารู้จักคนตายและได้เข้ามาที่นี่อย่างไรบ้าง ตนก็ยืนยันตามที่พูดกับทีมข่าวว่าครั้งสุดท้ายที่เจอคือวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา ส่วนวันที่ 14 มิถุนายน ตนไม่เห็นแล้ว

 

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางแป๋ว (นามสมมติ) ถ้าเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านที่ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่าเมื่อวานนี้ มีชาวบ้านเห็นพระ และวัยรุ่นชายสองคนนำรถซาเล้งขับไปที่วัดอีกแห่งหนึ่งเพื่อเอาสิ่งของบางอย่างไปเผาที่เมรุ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นหลักฐานสำคัญทางคดีหรือไม่ เพราะตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งคนสงสัยพระดังกล่าวเหมือนกัน และก็มีข้อมูลว่าหลังจากเกิดเหตุมีชายสวมเสื้อสีขาวได้หายออกไปจากพื้นที่ ซึ่งชายชุดขาวคนนั้นน่าจะเป็นคนใกล้ชิดกับพระที่สำนักสงฆ์ใกล้จุดเกิดเหตุหรือไม่

 

ด้วยตัวเองก็มีภาพนิ่งที่เพื่อนของตัวเองส่งมาให้อีกด้วย เป็นภาพนิ่งที่พระ มีการเอาสิ่งของบางอย่างไปเผาซึ่งเหลือเศษซาก อยู่ในนั้น

 

และตัวเองก็ได้ยินข้อมูลมาว่าก่อนหน้านี้พระผู้เป็นพ่อได้ทะเลาะกับผู้เสียชีวิต เรื่องที่ผู้เสียชีวิตไปต่อว่าพระบางอย่างแล้วพระรูปดังกล่าวก็บอกว่าผู้เสียชีวิตเป็นคนปากเสีย

 

ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปสอบถามพระหัด และพระสุนย์ธร สองพ่อลูกอีกครั้งเนื่องจากมีพยานเห็นพระเอาสิ่งของบางอย่างไปเผาที่เมรุพร้อมกับวัยรุ่นชายสองคน

 

เมื่อทีมข่าวมาสอบถามพระทั้งสองในภายหลังเจ้าตัวก็ปฏิเสธว่าไม่ได้เอาสิ่งของบางอย่างไปเผาเลย ไม่เคยมาวัดถ้ำเขาปีบด้วย พระทั้งสองปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการเผาวัตถุดังกล่าวแต่อย่าง และท้าว่า หากใครมีหลักฐานก็ให้เอามายืนยันได้เลย

 

หลังให้สัมภาษณ์ ทั้งสองก็ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูบ่อขยะที่อยู่ด้านข้างศาลา เพื่อจัดสื่อให้ผู้สื่อข่าวดูว่าเป็นบ่อขยะที่ตัวเองจะชอบเอาขยะมาเผาตามปกติ แต่ก็ไม่ได้เจออะไรผิดสังเกตแต่อย่างใด

ช่อง 8 เจอหลักฐานเด็ด! ไขปมตายทุบหัว สงสัยถูกอุ้มโยนน้ำ เผาซาเล้งทิ้งเมรุ