รถพ่วงบรรทุกไม้ กำลังจะยูเทิร์น เข้าปั๊มเติมก๊าซ ปรากฏว่ามีรถทัวร์ขับมาเสยท้าย ผู้โดยสารเจ็บระนาว 24 คน ส่วนคนขับและพนักงานต้อนรับ อัดก๊อบปี้ดับอนาถคาซาก นอกจากนี้ ยังมีรถกระบะ อีก 2 คันขับตามหลังชนท้ายอีก

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 16 มิ.ย.67 จุดเกิดเหตุอยู่ บนถนนสายเพชรเกษม ขาขึ้นกรุงเทพฯ บริเวณหน้าป้อมบริการประชาชนตำรวจทางหลวงท่าแซะ ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ซึ่งรถทัวร์ปรับอากาศ 6 ล้อ สีขาวคาดแถบฟ้า-เหลือง ซึ่งเป็นรถร่วม บขส.วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-ระนอง สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ภายในรถพบโชเฟอร์ ชายทราบชื่อภายหลังคือ นายธนากร เอื้องาน และพนักงานต้อนรับหญิง ยังไม่ทราบชื่อ เสียชีวิตคาซากสภาพอัดติดคาอยู่เบาะคนขับและที่นั่งข้างคนขับ เจ้าหน้าที่ จึงได้นำเครื่องตัดถ่างมาตัดชิ้นส่วนตัวรถ จนนำร่างทั้งสองออกมาได้ในสภาพกระดูกหักแหลกเหลวหลายท่อน

ในขณะผู้โดยสารที่โดยสารมากับรถทัวร์ฯคันดังกล่าว จำนวน 24 คน ได้รับบาดเจ็บ จากแรงกระแทกแขนขาหักและฟกช้ำ หลายราย เจ้าหน้าที่ชุดกู้ชีพกู้ภัยได้ลำเลียงออกมาและทำการปฐมพยาบาล เบื้องต้น ก่อนนำตัวส่ง รพ.ชุมพร รพ.ธนบุรีและ รพ.ท่าแซะ ส่วนคู่กรณี เป็นรถบรรทุกกึ่งพ่วง 22 ล้อ ทะเบียนระนอง บรรทุกไม้ยางพาราตัดท่อน ขนาด 1.20 เมตรมาเต็มคัน ถูกชนด้านท้ายตัว ส่วนหาง บรรทุก จนชุดเพลาล้อคู่หลังหลุด จอดสนิทนิ่งอยู่เบนเลนขวา บริเวณกลางจุดกลับรถพอดี นอกจากนี้ ยังมี กระบะอีก 2 คันชนท้ายรถทัวร์ คันแรกเป็น กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน โดยมี นายนิพนธ์ อายุ 52 ปี เป็นคนขับ และคันที่ 2 รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน มี นายศรณ์ฉัตร อายุ 45 ปี เป็นคนขับ

สอบถามนายมาโนช อายุ 40 ปี คนขับรถพ่วงบรรทุกไม้ ทราบว่า ตนเองได้ขึ้นไม้ มาจาก ต.ปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง เพื่อจะไปส่งเข้าโรงงานแปรรูปไม้ ที่ จ.ตรัง และ เมื่อมาถึง จ.ชุมพร จำเป็นต้องขับขึ้นมาทางกรุงเทพ เพื่อจะเติมก๊าซ ที่ปั๊มบริการก่อน ซึ่งตอนดูจังหวะถนนว่าง ขับค่อนข้างช้า เปิดไฟเลี้ยวขวา เป็นระยะทาง 500 เมตร จนมาถึงจุดกลับรถ กำลังจะเลี้ยว ได้ยินเสียงดังสนั่นโครมใหญ่ จนรถสั่นสะเทือนทั้งคัน และไหลไปตามแรงดัน ก่อนจะมีเสียงดังโครมอีก 2 ครั้งติดกัน เมื่อรถจอดสนิท ก็เปิดประตู ลงมาดูก็พบว่ามีรถทัวร์ชนเสยท้ายอย่างแรง จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ

ด้านนายนิพนธ์ และ นายศรณ์ฉัตร คนขับกระบะ ให้การสอดคล้องกัน บอกว่า ตนเองได้ขับรถตามกันมา โดยมีรถทัวร์อยู่ด้านหน้า ใช้ความเร็ว ประมาณ 80 กม./ชม. จนมาถึงที่เกิดเหตุอยู่ๆ เหมือนรถทัวร์จะจออดนิ่งอย่างกะทันหัน ตนเองทั้งสองคัน ไม่สามารถจะห้ามรถหยุดได้ทัน พุ่งชนท้ายต่อๆกันจนสภาพรถพังเสียหายดังกล่าว

ล่าสุด เจ้าหน้าที่สอบปากคำพยานแวดล้อมไว้จำนวนหนึ่ง ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่กู้ชีพกู้ภัย ระดมเร่งทำความสะอาด และ ยกแยกรถทั้งหมดออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ เนื่องจากการจราจรติดขัด รถจำนวนมากติดเป็นแถวยาวกว่า 3 กม. หลังจากนี้ก็จะสอบสวนเพิ่มเติมพยานบุคคลซึ่งเป็นผู้โดยสาร อีกครั้ง เพื่อสรุปสำนวนคดี โดยมีทางเจ้าหน้าที่จากสำนักงานขนส่งจังหวัดชุมพร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านความปลอดภัยด้านการจราจรคณะจังหวัด ได้ร่วมลงมาติดตามตรวจสอบเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย