เป็นหนึ่งพา "น้องน้ำเหนือ" เด็กชายวัย 6 ขวบ ป่วยโรคไฝยักษ์แต่กำเนิด ประสานกระทรวงสาธารณสุข ให้ช่วยเหลือนำรักษาตัวในโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญ หลังตา วัย 65 ปี ไม่มีเงินพาไปพบแพทย์ ทำทรมานนอนทุบหลัง เพราะคันเวลามีเหงื่อออก ด้านพ่อ แจงปมดราม่าเงินบริจาค ยืนยันยังไม่ได้แตะต้องเงิน พร้อมจัดสรรดูแลลูก
วันที่ 17 มิ.ย. 67 ที่กระทรวงสาธารณสุข มูลนิธิเป็นหนึ่ง นำโดยนางสาวชลิดา พะละมาตย์ หรือ ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง พาเด็กชายวัย 6 ขวบ หรือ “น้องน้ำเหนือ” ที่มีปานดำขนาดใหญ่บริเวณแผ่นหลัง และกระจายเป็นจุดเล็กๆ ทั่วร่างกาย ทำให้มีอาการคันเวลาเหงื่อออก เดินทางจาก จ.บุรีรัมย์ ด้วยรถพยาบาลของมูลนิธิสาธารณกุศลแม่นาคพระโขนง (วัดมหาบุศย์) มายังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความช่วยเหลือจากนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในการส่งตัวไปรักษากับโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญและมีแพทย์เฉพาะทาง
นายมานพ อายุ 65 ปี ตาของน้องน้ำเหนือ บอกว่า ส่วนตัวเริ่มดูแลหลานตั้งแต่อายุเพียง 3 เดือน ซึ่งหลานมีปานดำที่หลังขนาด 3-4 นิ้วมือมาตั้งแต่เกิด ช่วงแรกยังไม่ได้ไปพบแพทย์ แต่เมื่อเห็นว่าปานมีขนาดใหญ่ขึ้น จึงพาหลานไปพบแพทย์ตอนช่วงอายุ 6 เดือน แพทย์แจ้งว่า ต้องผ่าตัดที่โรงพยาบาลใน จ.ขอนแก่น ซึ่งระยะทางห่างไกลจากบ้าน ต้องนั่งรถนาน 3-4 ชั่วโมง และต้องเหมารถไปโรงพยาบาลครั้งละ 600-700 บาท แต่ครอบครัวมีฐานะยากจน ตาทำงานเลี้ยงวัว ไม่มีเงินเพียงพอจะมาเป็นค่าใช้จ่ายเดินทาง จึงไม่ได้พาหลานไปโรงพยาบาล ทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง ที่ผ่านมาก็พยายามดูแลหลานเท่าที่ทำได้ โดยจะคอยใช้แป้งทาหากหลานมีอาการคัน ซึ่งในการพาหล่นมารักษาครั้งนี้ ขอเพียงแค่หลานหายทรมานก็ดีใจมากแล้ว
ด้านพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่า น้องน้ำเหนือป่วยเป็นโรค Giant Congenital Melanocytic Nervus (Giant CMN) หรือไฝยักษ์แต่กำเนิด และอาการมีความซับซ้อน ต้องรีบดำเนินการเร่งด่วน เพราะปล่อยไว้เนื้อเยื่อข้างในอาจจะมีผลกระทบต่อระบบประสาทในการเคลื่อนไหว เช่น ยืน เดิน นั่ง เนื่องจากบริเวณปานหรือไฝ อยู่ใกล้กับระบบสันหลัง ซึ่งขณะนี้หลังมีความผิดรูปไปแล้ว ต้องนำชิ้นเนื้อเยื่อไปตรวจสอบหาโรคที่แน่ชัดและการตอบสนองยา เพื่อกำหนดแนวทางรักษาต่อไป แต่จะรักษาหายขาดหรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจน และต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานาน ทำให้น้องน้ำเหนือจะต้องย้ายมารักษาในกรุงเทพมหานคร ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ส่วนเรื่องการเรียนทางสถาบันฯ มีกลไกช่วยเหลือให้ผู้ป่วยได้เรียนผ่านระบบออนไลน์อยู่แล้ว จึงไม่ต้องเป็นห่วง และหากคุณตาจะมาเยี่ยมก็มีที่พักรองรับโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ด้านนายจักรพงษ์ อายุ 42 ปี พ่อของน้องน้ำเหนือ บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยโอนเงินไปให้ตาใช้จ่ายดูแลน้องน้ำเหนือบ้าง แต่ช่วงหลังเกเร จึงไม่ได้โอนเงินต่อ และในการเปิดรับบริจาคจนเกิดกระแสดราม่านั้น ยืนยันว่า ยังไม่ได้นำเงินไปใช้จ่ายผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งขณะนี้มียอดเงินบริจาคเข้ามาราว 114,000 บาท พร้อมจะนำเงินมอบให้คุณตา และบางส่วนจะต้องจัดสรรไว้ใช้จ่ายเป็นค่าเดินทางส่วนตัว เนื่องจากน้องน้ำเหนือต้องเข้ามารักษาตัวในกรุงเทพมหานคร ทำให้คุณตาไม่สะดวกมาดูแล พ่อกับแม่จึงต้องสลับกัน