หลังจากที่ช่อง 8 ได้นำเสนอเรื่องราวชีวิตสุดรันทดของครอบครัว “น้องแพน” หรือ นางสาวจิดาภา อายุ 34 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งช่องปากระยะสุดท้าย

 

(18 มิ.ย.67) ทีมข่าวช่อง 8 ก็ยังคงไปติดตามการใช้ชีวิตในหนึ่งวันของนางสาวจิดาภา เริ่มต้นเช้าวันนี้เวลา 09.00 น. นางสาวจิดาภาก็ได้เดินทางมาที่คลินิกในอำเภอเมืองระยอง เพื่อที่จะมาทำการฟอกเลือดเนื่องจากมีโรคไตวายเรื้อรัง ซึ่งนางสาวจิดาภาจะต้องมาฟอกเลือดสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ได้แก่ วันอังคาร , วันพฤหัสบดี , วันอาทิตย์ และนางสาวจิดาภาต้องได้รับการฟอกเลือดตลอดชีวิตหรือจนกว่าจะผ่าตัดเปลี่ยนไตใหม่ โดยการฟอกเลือด 1 ครั้ง จะมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 1,500 บาท ในส่วนนี้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ซึ่งระหว่างการฟอกเลือดของนางสาวจิดาภา นักข่าวก็ได้เข้าไปพูดคุยถามไถ่เล็กน้อย โดยที่นางสาวจิดาภาก็ได้ทำการชูสองนิ้วเพื่อบ่งบอกว่าตัวเองนั้นกำลังสู้และมีกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง

 

ระหว่างนั้นทีมข่าวก็ได้พูดคุยกับนางสาวสมจิต อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นน้าของนางสาวจิดาภา โดยนางสาวสมจิตก็ได้เปิดเผยว่า นางสาวจิดาภาจะต้องมาฟอกเลือดสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยเป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้วที่ตนจะต้องพาหลานสาวมาฟอกเลือด ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมารู้สึกเหนื่อยเป็นอย่างมาก เนื่องจากยานพาหนะเดียวที่มีคือรถซาเล้ง เวลาที่ฝนตกก็ต้องใช้ผ้าใบกันฝนซึ่งก็ไม่ได้ช่วยกันน้ำมากนัก หรือในเวลาที่แดดออกก็ร้อนจนหมดแรงเพลีย แต่ตนก็ไม่เคยที่จะผิดนัดหมอและพาหลานสาวมาฟอกเลือดอย่างตรงเวลาทุกครั้ง เพราะตนเชื่อว่าตอนนี้หลานสาวนั้นสำคัญที่สุด ในครอบครัวของตนก็เหลือกันแค่ไม่กี่คน ทุกคนจึงต้องรักและดูแลกันให้ดีที่สุด

 

จนในเวลา 13.00 น. นางสาวจิดาภาก็ได้ออกมาจากห้องฟอกเลือด หลังจากเข้าไปนานกว่า 4 ชั่วโมง ทางด้านน้าก็ได้พาตัวนางสาวจิดาภาออกมา แล้วทำการปูผ้านวมไว้บนซาเล้งเตรียมไว้ จากนั้นก็อุ้มนางสาวจิดาภาขึ้นนอนบนซาเล้ง แล้วก็ขับกลับบ้านในความเร็ว 25-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยนักข่าวช่อง 8 ก็ได้นั่งรถซาเล้งกลับบ้านพร้อมกับนางสาวจิดาภาด้วย ซึ่งระหว่างที่ขับรถซาเล้งกลับบ้านพบว่าการเดินทางนั้นค่อนข้างมีอุปสรรคที่เห็นได้ชัดเลยก็คือหลุมและลูกระนาดบนพื้นผิวถนน ทุกครั้งที่รถขับตกหลุมหรือข้ามลูกระนาดก็จะส่งผลให้นางสาวจิดาภานั้นได้รับแรงกระแทกจนรู้สึกเจ็บ เนื่องจากนางสาวจิดาภานั้นนอนราบอยู่บนรถซาเล้ง อีกทั้งยังทำให้ฝุ่นหรือควันจากท่อไอเสียในเส้นทางจราจรลอยฟุ้งเข้าปากเข้าคอของนางสาวจิดาภา แต่ก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจคือความห่วงใยของตนในครอบครัว เราสังเกตเห็นว่าผู้เป็นน้าของนางสาวจิดาภาจะคอยจับผ้ากั้นแรงลมและฝุ่นเอาไว้ เพื่อที่จะให้หลานสาวไม่โดนฝุ่นและลมมากเกินไป

 

โดยในช่วงเย็นวันนี้ ทีมข่าวช่องแปดได้พานางสาวสมจิต (น้าของจิดาภา) เดินทางไปที่ธนาคารกรุงไทย เนื่องจากเมื่อวานนี้ที่ช่องแปดได้มีการขึ้นเลขบัญชีธนาคารของนางสาวจิดาภาเอาไว้ จนมีหลายคนร่วมกันบริจาคเงินตามกำลังทรัพย์ไปยังบัญชีของนางสาวจิดาภา ซึ่งนางสาวสมจิตก็อยากจะรู้ยอดเงินในบัญชีเช่นเดียวกัน เพื่อที่จะได้นำไปวางแผนการดูแลค่าใช้จ่ายและค่ารักษาพยาบาลของหลานสาว โดยในตอนแรกนางสาวสมจิตก็ต้องการจะปรับสมุดบัญชีที่เครื่องปรับสมุดคู่ฝากอัตโนมัติ แต่ทว่าเครื่องปรับสมุดก็ไม่สามารถปรับยอดเงินได้ โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่ายอดรายการในสมุดบัญชีค่อนข้างเยอะ เจ้าหน้าที่จึงได้อาสานำสมุดบัญชีเข้าไปปรับให้ภายในสำนักงาน

 

ภายหลังจากที่ปรับสมุด เจ้าหน้าที่ก็ได้นำสมุดกลับมาคืนให้กับนางสาวสมจิต เมื่อนางสาวสมจิตเปิดดูก็ต้องตกใจพร้อมกับดีใจทั้งน้ำตาเพราะจากยอดเงินที่เคยมีติดบัญชีล่าสุดในวันที่ 21 เมษายน 2567 จำนวน 1,049 บาท 74 สตางค์ วันนี้ยอดรวมเงินทั้งสิ้น 1,571,595 บาท 15 สตางค์ (อัพเดตเวลา 17.00 น. โดยที่ยังมียอดเงินโอนเข้ามาเป็นระยะ - จำนวนรายการโอนเข้าทั้งหมดประมาณ 4,000 รายการ ยอดเงินตั้งแต่ 20 - 15,000 บาท) ซึ่งในตอนแรกนางสาวสมจิตก็ไม่รู้ว่าจำนวนเงินในบัญชีคือหลักล้าน โดยเจ้าตัวคิดว่าเป็นเพียงเงินหลักหมื่นหลักแสน แต่เมื่อลองไล่นับอีกครั้งนางสาวสมจิตก็ตกใจกับสิ่งที่เห็นเพราะเป็นเงินหลักล้าน พร้อมกับได้พูดขอบคุณผู้ใจบุญที่ได้ร่วมบริจาคเงินมาให้เยอะมากมายขนาดนี้ ขอบคุณข่าวช่อง 8 ที่ได้นำเรื่องราวของครอบครัวตนไปนำเสนอจนคนที่ดูข่าวช่อง 8 ได้ช่วยกันบริจาคให้ แล้วนางสมจิตก็พูดขอบคุณอยู่หลายครั้งเนื่องจากดีใจเป็นอย่างมาก จากนั้นนางสาวสมจิตก็บอกว่าจะนำเงินจำนวนนี้เก็บไว้ให้หลานสาว จะเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าอยู่ค่ากิน แล้วนางสาวสมจิตก็ได้ร้องไห้ออกมาพร้อมเข้ากอดนักข่าวและก็ได้พูดขอบคุณช่อง 8 กับคนดูข่าวช่อง 8 ที่ช่วยเหลือบริจาค

 

จากนั้นนางสาวสมจิตก็ได้เดินทางกลับมาที่บ้านพร้อมกับนำสมุดบัญชีไปมอบให้กับหลานสาว โดยนางสมจิตก็ได้ให้หลานสาวทายจำนวนเงินที่ได้รับบริจาค นางสาวจิดาภาก็พูดว่า “หนึ่งแสนหรอ” นางสาวสมจิตจึงได้ยื่นสมุดบัญชีให้พร้อมกับบอกว่า “หนึ่งล้าน” ทำเอานางสาวจิดาภาร้องไห้ดีใจพร้อมกับยกมือไหว้แล้วพูดว่า “จะมีเงินไปรักษาตัวเองแล้ว” จากนั้นนางสาวจิดาภาก็ได้พูดขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนที่ได้มอบเงินบริจาคให้กับตน โดยบอกว่าเงินส่วนนี้จะเก็บไว้เป็นค่ารักษาพยาบาล และสัญญาว่าจะตั้งใจดูแลตัวเองให้ดีมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้กลับมาหายดีและจะได้อยู่กับครอบครัวไปนาน ๆ นอกจากนี้นางสาวจิดาภายังบอกอีกว่า อยากจะนำเงินไปลงทุนเปิดร้านขายขนม เพราะตนนั้นชอบการทำขนมขาย หากเป็นไปได้ก็อยากจะรักษาตัวให้หายและไปฝึกทำขนมให้เก่ง ๆ จากนั้นก็จะเปิดร้านขายขนมเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนถ้าถามว่าอยากให้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือในด้านใดอีก ตนก็อยากให้หน่วยงานช่วยพิจารณาเรื่องเบี้ยคนพิการ เนื่องจากตอนนี้เบี้ยคนพิการได้เพียงเดือนละ 800 บาท ซึ่งตนมองว่าจำนวนเงินมันไม่เพียงพอ เพราะส่วนตัวตนต้องใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในการถ่ายหนัก-ถ่ายเบา วันหนึ่งก็ตกอยู่ที่ประมาณ 3-4 แผ่น ซึ่งส่วนนี้ก็มีราคาที่ค่อนข้างสูง

 

นอกจากนี้ทีมข่าวช่องแปดก็ได้นำข้าวสารหอมมะลิจำนวนทั้งสิ้น 50 กิโลกรัม พร้อมปลากระป๋องที่เป็นเมนูโปรดของนางสาวจิดาภามามอบให้กับครอบครัวนี้ พร้อมทั้งมอบเงินช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นสำหรับการใช้จ่ายภายในครัวเรือน โดยที่มีนางสาวสมจิตและนางแจ๋วเป็นตัวแทนในการรับสิ่งของ ทั้งนี้นางแจ๋วผู้เป็นยายก็ได้ทำการโชว์แกะข้าวสารเติมใส่ถังจนเต็ม ระหว่างนั้นเจ้าตัวก็ได้บอกว่า ข้าวสารหอมมากเลย เม็ดข้าวก็สวยมาก ปกติกินแต่ข้าวสารที่เป็นเศษเล็ก ๆ วันนี้ได้กินข้าวเป็นเม็ดสวย ๆ แล้ว

ธารน้ำใจคนดูช่อง 8 บริจาคทะลุ 1.5 ล้าน พลิกชีวิตสาวป่วยมะเร็งปาก