จากกรณีภรรยาของ นายประกาศิต หนุ่มวินมอเตอร์ไซค์วัย 36 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังสามีถูกเพื่อนร่วมวิน พาพวกดักรุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ภรรยาของผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณเที่ยงคืน สามีได้กำลังกลับจากเตะฟุตบอล โดยซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนมา พอผ่านบริเวณสะพานในซอยฉลองกรุง 24 ก็มีชายฉกรรจ์ 2 คน สวมโม่งคลุมหัว ถือไม้เบสบอลวิ่งออกมารุมตี พอสามีตนวิ่งหนี ก็มีรถกระบะมาขับขวางไว้ และยังมีกลุ่มผู้ก่อเหตุขี่รถมอเตอร์ไซค์วนเวียนอยู่บริเวณดังกล่าวอีก 2-3 คัน ซึ่งกลุ่มผู้ก่อเหตุมากันทั้งหมดประมาณ 6-7 คน
โดยระหว่างที่ถูกทำร้าย หนึ่งในผู้ก่อเหตุได้ทำโม่งคลุมหัวหลุด ก่อนตะโกนบอกพวกเดียวกันว่า “พี่ มันจำหน้าผมได้แล้ว” สามีจึงรู้ทันทีว่าเป็นกลุ่มเพื่อนของคนในวินเดียวกัน ซึ่งมีความขัดแย้งกัน ทั้งนี้ ผู้ก่อเหตุอีกคนได้ตอบกลับด้วยว่า “ก็ปล่อยให้มันไปแจ้งความ เรื่องของมัน”
ทั้งนี้ ภรรยาของผู้เสียหาย เล่าเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ สามีกับคู่กรณีเป็นเพื่อนกันรู้จักกันมานาน จนเมื่อประมาณ 4-5 ปีก่อน สามีตนมาเริ่มก่อตั้งวิน แล้วคู่กรณีต้องการจะขับวิน จึงมาขอซื้อเสื้อวินจากสามี ต่อมาก็เริ่มมีความขัดแย้งกันในเรื่องการซื้อขายเสื้อวินมาเรื่อย ๆ คู่กรณีก็พยายามบีบให้สามีออกจากวิน โดยเคยข่มขู่ว่าจะอุ้มบ้าง จะทำร้ายบ้าง สามีจึงเดินทางไปแจ้งความที่คู่กรณีมาข่มขู่เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากไปแจ้งความ ฝั่งคู่กรณีก็เงียบหายไปให้ตายใจ ก่อนจะมาเกิดเหตุดังกล่าว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สามีได้รับบาดเจ็บ แขนข้างซ้ายหัก หัวไหล่ด้านขวา และหลังฟกช้ำ ขามีแผลถลอก และหัวปูดบวม ซึ่งล่าสุดเพิ่งจะเข้ารับการผ่าตัดใส่เหล็กดามที่บริเวณแขนด้านซ้าย แต่ยังมีอาการปวดระบมทั่วร่างกาย แพทย์ยังต้องติดตามดูอาการอยู่ตลอด ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้เดินทางไปแจ้งความที่ สน.จระเข้น้อย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บอกว่า ต้องรอผู้บาดเจ็บออกจากโรงพยาบาลค่อยมาเคลียร์กัน
ขณะที่ นายเอกภพ ได้ฝากถึงผู้กำกับการ สน.จระเข้น้อย ให้ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายสืบสวนด้วย เพราะเมื่อวานนี้ ครอบครัวผู้บาดเจ็บได้ไปพบเจ้าหน้าที่เพื่อติดตามคดี และพากันลงพื้นที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ซึ่งพอไปถึงและพบว่ามีกล้อง ตำรวจสืบสวนกลับทำท่าทีบ่ายเบี่ยง อ้างว่ายังขอดูไม่ได้ ค่อยมาดูให้วันหลัง ซึ่งจริง ๆ แล้วครอบครัวผู้เสียหาย ได้รับไฟล์ภาพกล้องวงจรปิดมาจากพลเมืองดีแล้ว แต่ไม่ได้บอกตำรวจ เพราะอยากรู้ว่าตำรวจจะทำงานอย่างไร ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผู้เสียหายจึงกลัวว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้มาด้วยว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุรู้จักกับตำรวจในโรงพัก จึงกล้าท้าให้มาแจ้งความ
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ข้อมูลมาว่าการทะเลาะวิวาทครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการมีปัญหากับวินรถมอเตอร์ไซค์ที่นายประกาศิตขับรถอยู่จึงเดินทางไปที่วินรถมอเตอร์ไซค์นี้ ในซอยฉลองกรุง 1 พบกับนายหนึ่ง (นามสมมติ) หัวหน้าวินเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า คนในวินไม่มีใครไปทำร้ายนายประกาศิตแน่นอน มีแต่นายประกาศิตมาทำร้ายตนเอง ซึ่งเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ตนเองถูกนายประกาศิตใช้มีดดาบฟันแขน ถูกข้อมือ เอ็นข้อขาดโชคดีที่เย็บเอ็นต่อกันได้โดยเย็บทั้งหมดเกือบ 30 เข็ม และดามเหล็กไว้ข้างใน ซึ่งการก่อเหตุของนายประกาศิตนั้น เพราะไม่พอใจที่ตนเองไม่ให้ขายของข้างวินเนื่องจากพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของการรถไฟ หากจะตั้งร้านขายของก็ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อีก และเกรงว่าจะเป็นปัญหาจึงสั่งไม่ให้ขายทำให้นายประกาศิตไม่พอใจ
เช้าวันต่อมานายประกาศิตก็มาหาตนที่วินพร้อมกับมีดดาบและฟันเข้าที่แขนและศีรษะ แต่ยังโชคดีตอนนั้นใส่หมวกกันน็อก ส่วนแขนนั้นนำขึ้นมาบังหัวจึงโดนฟัน เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นอยากบอกให้สังคมรับรู้ว่า การที่นายประกาศิตไปร้องเรียนว่าตนเองถูกดักทำร้าย ก็อยากถามกลับว่านายประกาศิตเคยไปทำร้ายใครบ้าง และไปมีเรื่องกับใครบ้าง ส่วนการกล่าว อ้างว่าคนในวินอาจมีส่วนรู้เห็นในการทำร้ายร่างกายนายประกาศิตนั้น นายหนึ่งยืนยันว่า ไม่มีแน่นอนเพราะคนในวินไม่มีใครมีเรื่องมีแต่นายประกาศิตคนเดียวที่ชอบหาเรื่องคนอื่น
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเจ๊กเด๋อ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นเพื่อนของนายประกาศิตเปิดใจกับทีมข่าวว่า การที่นายประกาศิตไปร้องเรียนนั้น นายประกาศิตไม่ได้มองที่ตัวเองเลยว่าไปทำอะไรมาบ้าง ในอดีตนายประกาศิตเคยขับวิน โดยมีการเช่าเสื้อวิน สองตัวแล้วนำเสื้อวินไปขายได้เงินมาในราคาหลักแสนบาท จากนั้นก็นำเงินไปเล่นการพนัน เมื่อเสียพนันแล้วจะกลับมาขับวินก็ขับไม่ได้เพราะไม่มีเสื้อ และไม่มีการให้ยืมเสื้ออีกแล้ว ทำให้นายประกาศิตไม่พอใจเคยอาละวาดทุบทำลายข้าวของวินอีกจุดหนึ่งมาแล้ว
ส่วนการที่นายประกาศิตถูกดักทำร้ายร่างกายนั้น ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ยืนยันได้ว่าไม่ใช่คนในวินเพราะนายประกาศิตมีเรื่องกับหลายคน และมีนิสัยนิสัยกร่าง มักหาเรื่อง และไม่เกรงกลัวใคร จึงไม่รู้ว่าใครไปดักทำร้ายนายประกาศิตจนได้รับบาดเจ็บรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่คนในวินรู้แค่ว่านายประกาศิตทำร้ายหัวหน้าวินจนเกือบแขนขาดมาแล้ว และนายประกาศิตเคยพูดว่า “หากกูขับไม่ได้คนอื่นก็ไม่ต้องขับ”
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ยังได้รับคลิปจากเพื่อนคนหนึ่งที่เคยรู้จักกับนายประกาศิต ได้นำคลิปวิดีโอเหตุการณ์ที่อยู่กับนายประกาศิตช่วงหนึ่งมาให้ทีมข่าวโดย พบว่า กลุ่มเพื่อนและนายประกาศิตนั่งรวมตัวกันจากนั้น นายประกาศิตก็ได้นำอุปกรณ์สูบกัญชาขึ้นมาสูบ และนั่งพูดคุยกับเพื่อนอย่างอรรถรส
ส่วนอีกคลิปหนึ่งเป็นคลิปการคุยกับเพื่อนโดยนายประกาศิตบอกกับเพื่อนว่า “อย่ามาคุยกับเขาเรื่องการฆ่าสัตว์ โหดร้ายกว่าที่พวกมึงคิดเยอะกูกล้าฆ่าปาดคอพวกมึง เอาแค่นี้ดีกว่า กูกล้าเสี่ยงติดคุกกับพวกมึง พวกมึงกล้าไหม เดี๋ยวจะพาไปซีโฟร์ ยอมให้พวกมึงห้าชีวิตเลย ไอ้... ไอ้... ไอ้... จะเอาห้าชีวิตแลกกับหนึ่งชีวิตไหม” เป็นประโยคการสนทนาระหว่างเพื่อน ขณะที่เพื่อนก็สูบกัญชา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของนายประกาศิตว่ามีนิสัยเป็นเช่นไร
ทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พบกล้องวงจรปิดบันทึกนาทีรุมกระทืบนายประกาศิต เริ่มจากเวลา 00.13.19 น. จะเห็นคนร้ายสองคนยืนซุ่มอยู่ทางลงสะพานเข้าหมู่บ้าน ซอยฉลองกรุง 24 ลักษณะคนร้ายคนนึงใส่ จากนั้นเวลา 00.14.17 น. รถจักรยานยนต์ของผู้บาดเจ็บขี่มาถึงเชิงสะพาน ชายสองคนที่ดักอยู่ก็กระโจนออกมาใส่รถและทำให้รถจักรยานยนต์ล้ม ก่อนจะพยายามใช้ไม้เบสบอลตี แต่ตอนนั้นนายประภาษิตได้พยายามวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุ
ต่อมาเวลา 00.14.22 น. กล้องอีกมุมหนึ่ง บันทึกภาพกลุ่มผู้ก่อเหตุ รุมทำร้ายร่างกาย นายประกระภาษิต โดยที่นายประภาษิตพยายามวิ่งหลบหนีกลุ่มผู้ก่อเหตุก็วิ่งตาม และเวลา 00.15.04 น. นายประภาษิต วิ่งหนีจะออกจากหมู่บ้านเพื่อไปขอความช่วยเหลือตรงหน้าเซเว่นฯ ซึ่งมีแสงสว่างแต่ปรากฏว่าขณะที่วิ่งหนีนั้น เกิดสะดุดล้มทำให้กลุ่มคนร้ายเข้ามารุมทำร้าย ทั้งเตะ กระทืบ ไม้เบสบอลฟาด จนสลบนอนราบไปกับพื้น จากนั้นเวลา 00.15.39 น. เพื่อนของผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาเรียก ในขณะที่ตอนนั้นนายประภาษิต สลบไม่รู้สึกตัว แล้วก็ขี่รถออกไป