จากกรณีมูลนิธิร่วมกตัญญูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม รับแจ้งเหตุพบศพชายปริศนา ลอยน้ำอยู่ภายในบ่อดินท้ายซอยรามอินทรา 8 สภาพศพเริ่มเน่า ขึ้นอืด ในตัวพบมีเงินสดอยู่จำนวน 460 บาท ไม่พบบัตรประชาชน สอบถามชาวบ้านในพื้นที่เปิดเผยว่า ก่อนจะมีคนไปพบศพได้เห็นชายแต่งกายคล้ายผู้เสียชีวิต นั่งรถกระบะมากันรวม 5 คน มีเรือ มีตาข่ายดักปลาเพื่อที่จะดักปลา แต่ขากลับชาวบ้านกลับเห็นว่า กลุ่มคนเหล่านั้นได้กลับ 4 คน และท่าทางดูมีพิรุธจนผิดสังเกต เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายอาจเป็นคนงานภายในโรงน้ำแข็งใกล้ ๆ หรือไม่ ต่อมาตำรวจจึงได้นำตัวชายคนดังกล่าวไปให้ปากคำ และหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ตายเป็นใครและสาเหตุการตายเกิดจากอะไร
ต่อมาจากการตรวจสอบสภาพศพ เบื้องต้น ผู้ตายนั้นเป็นเพศหญิงไม่ใช่เพศชาย สภาพศพไม่มีร่องรอยการทำร้ายร่างกาย อยู่ระหว่างการชันสูตรอย่างละเอียด ว่าสาเหตุการตายเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ เช่นเดียวกับต้องรอผลพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน
ล่าสุดวันนี้ (18 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปดูพื้นที่บ่อดินจุดที่พบศพ โดยพบว่าดังกล่าวเป็นบึงขนาดใหญ่ เนื้อที่ประมาณ 62 ไร่ และพบว่าบ่อพินแห่งนี้มีทางเข้าออกทั้งหมด 2 ทาง ได้แก่ ทางที่ 1 คือ บริเวณท้ายซอยบ่อดิน รามอินทราซอย 8 และทางที่ 2 บริเวณ ซอยประเสริฐมนูกิจ 29 แยก 7
ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปบริเวณทางเข้าซอยบ่อดิน รามอินทราซอย 8 เราได้พูดคุยกับนางสาวแก้ว (นามสมมติ) ชาวบ้านท้ายซอย ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ถึง ตี 3 ตนเองนอนหลับอยู่ภายในบ้านแต่ได้ยินเสียงหมาที่บ้านเห่าเสียงดัง บริเวณโซนด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดทิ้งขยะ ตอนนั้นหมาที่บ้านเห่านานและไม่ยอมหยุด ไม่รู้ว่าเห่าอะไรซึ่งผิดปกติ แต่ด้วยความกลัวเพราะอยู่บ้านคนเดียวและดึกมากแล้ว จึงไม่ได้ลุกออกไปดู จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีคนหาปลาพายเรือไปพบศพลอยน้ำ อยู่ภายในบ่อดิน ซึ่งศพได้ลอยไปติดกับกอบัวด้านหลังของจุดทิ้งขยะ จึงได้มาบอกตนเองให้ช่วยโทรศัพท์แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ
ขณะเดียวกันวันนี้ตำรวจตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแส และเดินเก็บหลักฐานรอบบ่อดินดังกล่าวตามคำบอกเล่าของพยาน มีการเก็บพวกขวดน้ำอัดลม กระป๋องเบียร์ไปตรวจสอบ พร้อมกับไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อดูรถต้องสงสัยที่ขับเข้าออกซอยตามห้วงเวลาที่พยานบอกคือ 11 โมง - บ่าย 2 ของวันที่ 16 มิถุนายน
ซึ่งจากการไล่ภาพจากกล้องวงจรปิดของทีมข่าว ได้พบกระบะสีดำต้องสงสัยขับเข้าไปภายในซอยที่เกิดเหตุเวลา 13.23 น. โดยท้ายกระบะของรถคันดังกล่าวได้บรรทุกเรืออยู่ท้ายรถ ซึ่งตรงกับคำให้การของพยาน จากนั้นจะเห็นรถเบนซ์สีขาวขับตามหลังแต่ยังไม่ชัดว่า ขับตามกันมาหรือไม่ แต่จะเห็นรถทั้งสองคันขับเข้าซอยไปด้วยกัน
ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับนายอนุวัฒน์ หรือ เป้ อายุ 42 ปี คนเห็นศพเป็นคนแรก เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะพบศพเมื่อช่วงเที่ยงของวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ตนเองมักจะมานั่งตกปลาที่ริมบึงแห่งนี้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ก็มีการซื้อของมานั่งปิ้งย่างกินกับเพื่อน ๆ จากนั้นก็เห็นกลุ่มชายแปลกหน้าพากันเดินลงมาที่บึงกัน 5 คน โดยมีชาย 1 คนในกลุ่ม เข้ามาถามตนเองว่า ที่บึงแห่งนี้ดักตาข่ายปลาได้หรือไม่ ซึ่งตนเองก็ตอบว่า ได้ ก่อนที่กลุ่มชายแปลกหน้าจะเดินย้อนกลับไป และกลับมาด้วยเรือลำพลาสติกเล็ก 1 ลำ มี 2 คนช่วยกันแบก ส่วนอีก 2 คนได้ถือตาข่ายดักปลาเข้ามา
จากนั้น 1 คนในก็ได้พายเรือลงไปในบ่อน้ำไปคนเดียว แต่ลักษณะเหมือนพายเรือไม่เป็น หมุนไปหมุนมาเหมือนเรือจำคว่ำ และไม่ได้มีไม้พาบด้วยซ้ำ ส่วนอีก 4 คน ได้เดินอ้อมบึงไปทางด้านหลังที่อยู่ติดกับกำแพงของหมู่บ้าน จากนั้นกลุ่มชายแปลกหน้าก็กลับเข้ามาที่ฝั่ง แต่รอบนี้กลับมากันเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น โดยมี 2 คนพายเรือมาด้วยกัน แล้วอีก 2 คนเดินมาตามทางแนวกำแพงหมู่บ้าน แล้วเดินกลับไปขึ้นรถกระบะพร้อมกัน
ในขณะนั้นตนเองก็มองเห็นความผิดปกติ เพราะก่อนจะพากันไปดักตาข่าย ไปกัน 5 คน แต่ขากลับออกมาแค่ 4 คน แล้วที่สำคัญ 4 คนที่ออกมาต่างมีพิรุธกันหมด เพราะดูรีบ ๆ รน ๆ แบบแปลก ๆ ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้ถามอะไรกลับไปว่าทำไมออกกันมาเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น
กระทั่งเมื่อวานนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้ตนเองพายเรือไปยังจุดพบศพ พอเจอศพตนเองก็รีบแจ้งให้คนบนฝั่งโทร. หาตำรวจ ก็ได้เล่าให้ตำรวจฟังตามข้อเท็จจริงที่ตนเห็น ซึ่งตนเองก็ไม่ได้พาดพิงว่าเป็นคดีฆาตกรรม หรือกลุ่มเพื่อนคนตายเป็นคนฆ่า แต่มันก็แปลกใจตรงที่ว่า ทำไมเดินออกกันมาแค่ 4 คน หากเพื่อนจมน้ำไปสักคนก็ต้องช่วยกันหา หรือไม่ก็มาบอกพวกตนเองช่วยหาก็ได้ และผู้เสียชีวิตที่ตนเองพบเป็นศพ ตนเองจำเสื้อผ้าได้แม่นว่า คือชายเสื้อสีม่วง ซึ่งเป็น 1 ใน 5 คนของกลุ่มชายแปลกหน้าที่ตนเองเจอในวันนั้น