"บิ๊กเต่า" รับแชตหลุด "เสี่ยโจ้" ของจริง มีตำรวจเอี่ยว 4-6 นาย หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนร่วมรุ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. , พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง โฆษก ตร. , พล.ต.ต.พฤทธิพงศ์ นุชนารถ ผบก.รน. และ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ร่วมแถลงความคืบหน้าคดีการสืบสวนสอบสวนกรณีการตรวจยึดเรือบรรทุกน้ำมันของกลางที่หลบหนีไป
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ได้เข้าไปตรวจสอบ แม้กระทั่งกองปราบปราม และ ปปป. เราจะทำงานได้ดีหรือไม่ดีแล้วแต่ใครจะคิดแต่ทุกอย่างที่ทำเพื่อรักษาองค์กรให้ไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย เรือลำใหญ่ไม่สามารถดูแลของกลางได้ มีเสียงติฉินนินทาไม่เชื่อถือ แต่ขอบอกว่าทุกอย่างเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นตามหน้าข่าวที่ได้ให้ไป จะไม่บิดเบือนข้อมูลให้เกิดความไขว้เขว จะทำอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงการยึดเรือน้ำมันที่ได้มาขนาดไหนก็ให้ว่าไปตามข้อเท็จจริง
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า 3 เรื่องที่ทำ มีดังนี้ 1.การตรวจสอบเจ้าหน้าที่ที่บกพร่องในการปล่อยปละละเลยทำให้เสื่อมเสียต่อทางราชการ รวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ โดยจะนำทุกสำนวนมารวมเป็นสำนวนเดียว และการตรวจสอบแชตที่หลุดออกมา ยืนยันจะทำอย่างตรงไปตรงมา เพื่อรักษาองค์กรเอาไว้ จะดำเนินคดีไม่ว่ายศเล็กหรือยศใหญ่ จะดำเนินคดีโดยไม่มีความลำเอียง ขอให้เกิดความเชื่อมั่นในส่วนนี้ 2.การนำเรือของกลางกลับมา ด้วยการประสานงานจากภาคีเครือข่าย 3.การตรวจสอบทั้งหมดจะรวมสำนวนมาไว้เป็นสำนวนเดียว
ส่วนกรณีแชตหลุดที่ปรากฏในสื่อมวลชน จากการตรวจสอบ เชื่อได้ว่า แชตดังกล่าวเป็นแชตจริง โดยเป็นการสนทนาระหว่างข้าราชการตำรวจ 4-6 คน ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นทหารเรือ เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับตัวเอง ก่อนที่จะมีการโอนย้ายไปเป็นตำรวจน้ำ ส่วนที่เหลืออีก 5 คน แบ่งเป็น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน, รองผู้บังคับการสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 2 คน, ผู้กำกับการอีก 1 คน พร้อมยืนยันตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้อยู่แล้ว
"ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยตนเองในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน อยากเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอหน่วยงานอื่นเข้ามาตรวจสอบเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและข้าราชการตำรวจที่ถูกกล่าวหา เพื่อพิสูจน์ความจริง ซึ่งส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะพิจารณาว่าคณะกรรมการชุดใดมีความเหมาะสม" พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า คดีแรกเรือน้ำมันเถื่อนอยู่ในความรับผิดชอบของ บก.ปอศ. และอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร กองบังคับการปราบปรามมีหน้าที่ในการสืบสวนขยายผลและนำพยานหลักฐานไปสนับสนุนพยานหลักฐานในคดีที่ บก.ปอศ. รับผิดชอบอยู่ ส่วนคดีที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องเรือหาย ทางกองบังคับการปราบปรามเป็นผู้ควบคุม วันนี้ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย ไปฝากขังเรียบร้อยแล้ว ส่วนการขยายผลผู้ต้องหาที่นำเรือทั้ง 3 ลำและน้ำมันไปขายเพื่อหาคนที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง ขณะนี้ฝ่ายสืบสวนกองปราบกำลังเร่งรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอศาลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้นำเรือ เบื้องต้นมีประมาณ 3-4 คน ที่เข้าข่ายกระทำความผิดแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ส่วนจะมีนาย จ. ด้วยหรือไม่ ขอไม่ระบุตัวบุคคลว่าเป็นใคร