จากกรณีเวลา 04.30 น. วันที่ 17 มิถุนายน 2567 ทางอาสาสมัครกู้ภัยศรีสำโรงได้รับแจ้งจาก สภ.ศรีสำโรง ว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธปืน เหตุเกิดบริเวณ ม.1 ต.บ้านนา อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จึงออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ยกสูงชั้นเดียว บริเวณด้านบนบ้านพักเป็นห้องนอนใหญ่ มีเบาะที่นอน 2 จุด เบาะที่นอนที่ติดกับประตูห้องนอน พบร่างของ ด.ช.ภูผา อายุ 12 ขวบ ลูกชายคนโตผู้ก่อเหตุบนที่นอนถูกยิงเข้าบริเวณศีรษะ บาดเจ็บสาหัส เลือดกระจายบนที่นอน ซึ่ง ด.ช.ภูผา ยังมีสติหายใจรวยริน


และด้านหลังตู้เสื้อผ้าพบเบาะที่นอนอีกอัน มีร่างของนายดนัย อายุ 49 ปี ผู้ก่อเหตุ นอนคว่ำหน้า เลือดกระจายที่บริเวณพื้นห้องและที่นอน ถูกอาวุธปืนยิงเข้าที่ใต้คางแล้วทะลุตาด้านซ้าย บาดเจ็บสาหัส ข้างร่างนายดนัยพบปืนไทยประดิษฐ์หักลำเบอร์ 12 อยู่ที่พื้น และข้าง ๆ ร่างนายดนัยมีร่าง ด.ช.ธันยา อายุ 6 ขวบ ลูกชายคนกลางของผู้ก่อเหตุ ถูกยิงเข้าบริเวณศีรษะ บาดเจ็บสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา นั้น




ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย. 2567) ขณะที่ทีมข่าวช่อง 8 ลงเก็บภาพบรรยากาศงานเผาศพน้องธันยา ปรากฏว่ามีรถแปลกคันหนึ่ง ซึ่งคล้ายรถของญาตินางหมวยห่างจากเมรุ 300 เมตร และจอดที่บริเวณดังกล่าวเป็นเวลานาน พอทีมข่าวเดินไปดูรถคันดังกล่าว ปรากฏว่าคนที่อยู่ในรถขับหนีจนมารู้ที่หลังนางหมวยอยู่ในรถ จากการที่ทีมข่าวมาสัมภาษหมวยช่วงหัวค่ำวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพว่าอยู่ในรถคันดังกล่าวเพื่อดูร่างของลูกขณะที่เผาศพ


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ “นางหมวย” อายุ 27 ปี แม่ของน้องภูผาและน้องธันยาเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวยอมเปิดใจเพื่อชี้แจงประเด็นต่าง ๆ บอกว่า ตนเองเดินทางจาก จ.ปราจีนบุรี มาที่สุโขทัยโดยรถทัวร์ ซื้อตั๋วรถทัวร์จากปราจีนช่วงเช้าวันที่ 19 มิถุนายน และเดินทางมาถึงจังหวัดสุโขทัยช่วงเย็นวานนี้อยากชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ซึ่งวันนี้หมวยได้อุ้มน้องธีร์ลูกชายคนเล็กที่มีอายุ 2 เดือน มาโชว์ทีมข่าว ตอนนี้น้องธีร์น้ำหนัก 7 กิโลกรัม หุ่นจำหม่ำ และไม่งอแงคนแปลกหน้าคือทีมข่าวตอนที่เก็บภาพบรรยากาศและเข้าไปเล่นกับน้องธีร์


ประเด็นแรก ตนทราบลูกเสียชีวิตจากข่าวและไม่เคยคาดคิดว่าสามีตนจะก่อเหตุสลดยิงลูกชายสองคน จนทำให้ภูผาสาหัสและธันยาเสียชีวิต ยืนยันว่าตนอยากมาร่วมงานศพของลูกชาย ตั้งแต่วันแรกที่สวดพระอภิธรรมศพแต่ไม่กล้ามาเนื่องจากกลัวนักข่าวและกลัวสายตาจับจ้องของชาวบ้าน เพราะไม่พร้อมที่จะตอบคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะตนยังสะเทือนใจอยู่




ประเด็นที่สอง ตนเองยอมรับผิดที่หอบน้องธีร์ ลูกชายคนเล็กวัย 2 เดือน ออกมาจากบ้านพักที่เกิดเหตุในวันที่ 11 มิถุนายน เนื่องจากทนพฤติกรรมของด้านนายดนัยไม่ไหว เพราะเจ้าตัวบีบบังคับตนเองหลายอย่างจนอึดอัด ยอมรับตนได้เงินจากนายดนัยแต่ไม่ใช่เงินที่สามีให้ตนเองใช้เป็นเงินส่วนตัว แต่เงินที่สามีให้ครั้งละ 1,000 บาท เป็นเงินที่ตนจะต้องซื้อของเข้าบ้านและใช้จ่ายในบ้านทุกอย่าง ซึ่งมันไม่เพียงพอต่อรายจ่ายทำให้เกิดการทะเลาะกันหลายครั้ง


แล้วยอมรับอีกว่าตนเคยหนีออกจากบ้านหลายครั้ง เพราะทนพฤติกรรมจากดนัยไม่ไหว และครั้งล่าสุดไม่ใช่ครั้งแรกที่หอบลูกคนเล็กออกมา ก่อนหน้านี้ก็เคยหอมลูกออกมาจากบ้านพักที่เกิดเหตุแล้วทั้ง 3 คนแล้วไปอยู่บ้านเพื่อน แต่สุดท้ายถูกดนัยหาเจอและตามกลับมา ชี้อยากตัดความสัมพันธ์นานแล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่หอบเพียงน้องธีร์ลูกชายคนเล็กออกมาเท่านั้น เนื่องจากหากของลูกชายออกมาเพียงคนเดียวตัวของดนัย อาจจะไม่ตามหาตัวเองโดยตั้งใจเหมือนครั้งก่อน


ประเด็นที่สาม นายแอร์ไม่ใช่ชายคนใหม่ของตน แต่เป็นเพียงเพื่อนเท่านั้น สาเหตุที่เลือกไปอยู่บ้านนายแอร์ที่ปราจีนบุรี เพราะรู้ว่านายแอร์ไปทำงานที่ต่างจังหวัดไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว จึงขอนายแอร์ไปพักอาศัยที่บ้านหลังนั้นกับแม่ของนายแอร์ โดยตั้งใจตัดการติดต่อทั้งตัวลูกชายและสามีทางโซเชียลเพื่อไม่ให้หาตัวตนเองได้ชั่วคราว จึงมีการบล็อกเฟซบุ๊กลูกชาย แล้วตนเองอยู่ที่บ้านพักของนายแอร์ โดยตนอยู่กับแม่ของนายแอร์สองคนในบ้านเท่านั้น พอทราบข่าวว่าลูกเสียชีวิตก็ตั้งใจที่จะเดินทางมาที่จังหวัดสุโขทัยร่วมงานเผาศพ “น้องธันยา” ลูกชาย


ประเด็นที่สี่ แฉพฤติกรรมดนัยหาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ติดบ้านไว้ 1 กระบอก เพื่อเอามาขู่ตนไม่ให้ตนหนี ซึ่งทุกครั้งที่ทะเลาะกันฝ่ายชายก็จะขู่ทันทีว่า “ถ้าหากตนหนีไปจะยิงทุกคนเลย”




ประเด็นที่ห้า ยืนยันตนไม่ได้โทรหาน้องภูผาเพื่อให้เติมเงินเน็ตโทรศัพท์ให้ตนในวันที่ 16 มิถุนายน เผยจะโทร. เพื่ออะไร ในเมื่อตนบล็อกเฟซบุ๊กลูกและสามีเพื่อหนีออกมาชั่วคราว


ประเด็นที่หก วันนี้ตนได้ไปร่วมงานเผาศพของน้องธันยาแล้ว โดยตนนั่งอยู่ในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้จุดเผาศพน้อง แต่ไม่ได้ลงจากรถ ซึ่งเห็นร่างลูกถูกไฟเผาร่างขณะอยู่ในเตาเมรุ ต่อจากนี้จะทำหน้าที่แม่คือไปเยี่ยมน้องภูผาให้บ่อย เพราะมีความหวังว่าน้องจะรอดปลอดภัย ซึ่งตนยินดีรับน้องภูผามาเลี้ยงคู่กับน้องธีร์


ประเด็นที่เจ็ด ปฏิหารย์เกิดขึ้นหลังจากที่ตนเดินทางไปที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก แล้วไปเซ็นเอกสารยินยอมให้รักษาน้องภูผา ซึ่งปรากฏว่าหน้าที่ที่ตนได้เข้าไปเยี่ยมลูกที่อยู่ในห้องรักษา ตนเรียกชื่อลูกหลายครั้ง ปรากฏว่าน้องภูผาลืมตาขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินเสียงตนผู้เป็นแม่ บอกว่า “หิน (ชื่อเล่น) แม่มาหาแล้วนะ” พอเรียกเสร็จก็หลับไปอีก พอตนลองเรียกชื่อน้องภูผาอีก น้องภูผาก็ลืมตาขึ้นมาอีกรอบ ส่วนตัวมองว่าอาการของน้องภูผาดีขึ้นแล้ว ซึ่งตอนนี้ได้รับสารอาหารผ่านสายยางให้อาหารก็มีอาการดีขึ้นทันที


ประเด็นที่แปด ตนจะไปเก็บกระดูกน้องธันยาในวันพรุ่งนี้หรือไม่ ส่วนตัวไม่กล้าเพราะถูกหลายสายตาจับจ้อง และยังไม่อยากไปเจอกับญาติของดนัย แต่ตนอยากเก็บกระดูกของลูกไว้มาไว้ใกล้ตัวตน ก็ไม่รู้ว่าญาติของดนัยจะยินยอมหรือไม่


ขณะที่บรรยากาศงานฌาปนกิจศพน้องธันยา ที่วัดศรีนิโครธาราม อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ร่วมจัดงานประกอบพิธีฌาปนกิจศพของน้องธันยา เพื่อให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุดและส่งดวงวิญญาณน้องไปสู่สวรรค์ด้วยกัน ซึ่งสมาคมกู้ภัยศรีสำโรงได้นำป้ายภาพไวนิลยอดมนุษย์ต่าง ๆ ที่เป็นการ์ตูนไม่ว่าจะเป็น สไปเดอร์แมน เดอะฮัค กัปตันอเมริกา อุลตร้าแมน เพราะคิดว่าน้องเป็นเด็กผู้ชาย น่าจะชอบการ์ตูนเหล่านี้ รวมถึงนำจักรยานสีแดงคู่ใจมาจอดไว้ เพื่อไว้อาลัยน้องครั้งสุดท้าย อีกทั้งบรรยากาศมีการตกแต่งดอกไม้และต้นไม้สีสันสดใสเพื่อลดบรรยากาศความโศกเศร้า




เมื่อถึงพิธีฌาปนกิจศพประสงค์นำพิธีเคลื่อนศพของน้องธันยาจากศาลาที่บำเพ็ญกุศล ทำพิธีแห่ศพวนรอบเมรุ 3 รอบ มีนางยุภาพร จันทร์สำลี 37 อาน้องธันยาเป็นคนถือรูปหลานชาย พร้อมกับนายบุญปลูก จันทร์สำลี ปู่ของน้องธันยาถือธูปนำศพ และมีเพื่อนร่วมโรงเรียนเทศบาลวัดโพธาราม รร.เดียวกันกับน้องธันยาร่วมบวชสามเณรหน้าไฟ 3 รูป และมีหลานครอบครัวนายดนัยร่วมบวชหน้าไฟอีก 4 รูป โดยครอบครัวของดนัยไม่มีใครร้องไห้ในงานศพน้องธันยาครั้งนี้ เนื่องจากทุกคนทำใจได้บ้างแล้วกับการสูญเสียของน้องธันยา รวมทั้งสภาพจิตใจจะต้องเข้มแข็งเพราะต้องลุ้นอาการของน้องภูผา


งานฌาปนกิจน้องธันยาญาติ ๆ ฝ่ายดนัย ผู้เป็นพ่อ ก็จะเป็นปู่และย่ามาร่วมงาน รวมไปถึงฝ่าย “หมวย” ผู้เป็นแม่ มีนางชัวร์ แม่ของหมวยและเป็นยายของน้องธันยา และญาติ ๆ มาร่วมงาน แต่ไร้เงา “หมวย” ซึ่งแม่ของ“หมวย” เป็นตัวแทนวางดอกไม้จันทน์เพื่ออะไรหลานเป็นครั้งสุดท้ายแทนตัวของ “หมวย” ที่ไม่ได้มาวันนี้ ท่ามกลางสายตาจับจ้องของชาวบ้านและญาติของดนัย ซึ่งต่างหวังว่าวันนี้ “หมวย” น่าจะโผล่มาร่วมงานเผาศพของลูกชายแต่ทุกอย่างผิดคาด


ต่อมาทีมข่าวพยายามเข้าไปพูดคุยกับนางชัวร์ แม่ของ “หมวย” เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ “หมวย” ว่าทำไมถึงไม่มาร่วมงานในวันนี้ ซึ่งแม่ตอบเพียงสั้น ๆ ว่ายังติดต่อลูกสาวไม่ได้และไม่ได้มีผู้การพูดคุยกันกับลูกสาวหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ระหว่างที่ทีมข่าวกำลังขอสัมภาษณ์กับแม่ของ “หมวย” ปรากฏว่าญาติของ “หมวย” เข้ามาห้ามไม่ให้แม่ของ “หมวย” ให้สัมภาษณ์ พร้อมกับบอกว่า “ไม่สะดวกที่แม่จะให้สัมภาษณ์” จากนั้นญาติของ “หมวย” ก็ดึงตัวแม่ของหมวยลุกขึ้นจากจุดที่ทีมข่าวนั่งอยู่ แล้วพาตัวแม่ของหมวยขึ้นรถกระบะเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านทันที


ขณะเดียวกันทีมข่าวทราบข้อมูลจากแหล่งข่าวลับว่า “หมวย” ได้เดินทางไปเยี่ยมลูกชายคนโตที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก ช่วงเช้าวันนี้ (20 มิถุนายน) และ“หมวย” เซ็นเอกสารยินยอมให้แพทย์ผ่าตัดและรักษาน้องภูผา ลูกชายคนโตที่โรงพยาบาลพุทธชินราช


จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนางหมวย หลังทราบข่าวว่าเจ้าตัวกลับมาที่บ้านที่ อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย หลังจากที่เจ้าตัวเพิ่งกลับมาจากไปเยี่ยมน้องภูผาที่โรงพยาบาลใน จ.พิษณุโลก ระหว่างที่ทีมข่าวเรียกนางหมวยอยู่หน้าบ้านก็มีนางสุดใจ (นามสมมติ) ญาติหมวยออกมาจากบ้าน ทีมข่าวพยายามสอบถามถึงนางหมวย ผู้เป็นแม่ ซึ่งนางสุดใจบอกว่า วันนี้หมวยเดินทางมาถึงที่บ้านแล้ว




โดยมีครอบครัวไปรับที่ท่ารถวินทัวร์ที่ศรีสำโรง หลังจากนั้นก็กลับมาบ้านก็พานางชัวร์ ผู้เป็นแม่ของหมวยเดินทางไปเยี่ยมหลานชายคนโตคือน้องภูผา ที่โรงพยาบาลพุทธชินราช จ.พิษณุโลก เพื่อไปเซ็นให้ลูกชายรับการผ่าตัดสองอีกครั้ง หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไปที่งานศพน้องธันยา ลูกชาย โดยนางหมวยเองไม่กล้าลงจากรถอยู่ในรถตลอดเวลา เห็นว่านางหมวยเองก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้องไห้ตลอดเลย เห็นบอกสงสารลูกส่วนเรื่องที่ไปหาชายคนใหม่ ตนเองไม่รู้ให้ไปคุยกับนางหมวยเอาตอนนี้คงเครียดอยู่


ทั้งนี้ทางทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบแม่ของนายแอร์ ชายคนสนิทของนางหมวย ที่บ้านบริเวณตรงข้ามวัดไทรงามอีกครั้งหนึ่ง ถึงประเด็นผ้าอ้อมที่ตากอยู่บริเวณหน้าบ้าน ว่าใครเป็นคนเก็บไป รวมทั้งยังคงยืนยันคำเดิมหรือไม่ว่าลูกชายไปทำงานที่ใต้กว่าหนึ่งเดือนแล้ว


แม่ของนายแอร์ เปิดเผยกับทางทีมข่าวช่อง 8 ว่า ในส่วนประเด็นของผ้าอ้อมที่ตากอยู่บริเวณหน้าบ้านเมื่อวานนั้น และข้าวของเครื่องใช้เด็กทั้งหมด ตนเป็นคนเก็บเข้าไปไว้ในบ้านเอง เนื่องจากนางหมวยทิ้งแล้วและไม่เอาไปด้วย เพราะนางหมวยต้องอุ้มลูกไว้สองเดือน ไม่สามารถนำสัมภาระทั้งหมดไปได้ ตนก็ถามนางหมวยแล้วว่าจะเอาของไปด้วยหรือไม่ นางหมวยก็บอกว่าคงถือไปไม่หมด จึงไม่ได้เอาติดมือไปด้วย ตนเองนั้นก็เสียดายจึงเก็บผ้าอ้อม และของใช้เด็กทั้งหมดมาเก็บไว้ เผื่อนำไปบริจาคให้กับเด็กที่ยากไร้คนอื่น ๆ ซึ่งของใช้ทั้งหมดยังคงอยู่ในบ้านของตนเอง


อีกทั้ง ยังคงยืนยันว่าตนนั้นพูดความจริง นายแอร์และนางหมวยไม่ได้อยู่ในบ้านแน่นอน ทั้งนี้แม่ของนายแอร์พิสูจน์ความจริงให้กับทางทีมข่าวช่อง 8 ดู โดยการพาทีมข่าวเดินสำรวจเข้าไปในบ้าน ซึ่งจากการที่ทีมข่าวเดินสำรวจภายในบ้าน ก็ไม่พบใครคนอื่นเลย มีเพียงตนอยู่ในบ้านคนเดียวเท่านั้น โดยขณะที่นางหมวยมาขอพักอาศัยอยู่กับกับตน ก็ได้ให้นางหมวยนอนพักบริเวณเตียงนอนลูกชายของตนเอง อีกทั้งยังพาทีมข่าวเข้าไปดู เมื่อทีมข่าวเข้าไปดูและสำรวจพบว่าพบข้าวของเครื่องใช้ของเด็กวัย 2 เดือนจริง มีทั้งผ้าอ้อมสำเร็จรูป นมผง และเสื้อผ้าเด็ก อยู่บริเวณห้องนอนของนายแอร์จริง อีกทั้งแม่ของนายแอร์ ยังพาทีมข่าวไปดูถุงเสื้อผ้าที่ตนเองได้ซักเก็บไว้ ซึ่งเป็นถุงเสื้อผ้าของเด็กน้อยวัย 2 เดือนจริง




ส่วนประเด็นที่พระแจ๊สพูดถึงว่า เพิ่งเจอนายแอร์ลูกชายของตนเองขี่รถมอเตอร์ไซค์เวฟสีดำแดง พร้อมด้วยนางหมวยและลูกวัย 2 เดือนขับรถผ่านหน้าวัดและยิ้มให้พระแจ๊สอยู่เลย ตนยืนยันว่าไม่ใช่นายแอร์ลูกชายของตนเองแน่นอน แต่จะมีชายคนหนึ่งในหมู่บ้านมีภรรยาลักษณะอวบ ๆ และลูกวัยประมาณ 2-3 เดือนเช่นกัน และขับรถลักษณะคล้ายคลึงกับรถของนายแอร์ขับรถเข้า-ออกบริเวณหมู่บ้านเป็นประจำ ตนเองเห็นหลายครั้งแล้ว ก็ยังมีบางครั้งที่ยังเข้าใจผิดว่าเป็นลูกของตนเองอยู่เลย ยืนยันว่าลูกชายของตนเองไปทำงานที่ใต้เป็นเวลากว่า 1 เดือนแล้วแน่นอน ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองว่าไม่ได้โกหก


ซึ่งจากที่ทีมข่าวสำรวจบริเวณภายในบ้านและรอบบ้าน ก็พบว่าไม่พบรถเวฟคันดำแดงที่นายแอร์ใช้ขับขี่อยู่เป็นประจำเลย จึงสอบถามไปยังนางหมวยว่ารถไปไหน นางหมวยยืนยันว่านายแอร์นั้นขี่รถไปจอดไว้ที่บ้านเถ้าแก่บริเวณบ้านโคกกอก แต่ก็ไม่ทราบว่าบ้านหลังไหน ก่อนที่นายแอร์จะเดินทางไปทำงานที่กระบี่ ทั้งนี้ทีมข่าวยังพบเสื้อผ้าและชุดนอนผู้หญิงบริเวณห้องนอนของนายแอร์ ซึ่งแม่ของนายแอร์ยืนยันว่าชุดเสื้อผ้าดังกล่าวเป็นของแฟนเก่านายแอร์ ที่เคยมาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้


ทั้งนี้ทางทีมข่าวช่อง 8 จึงพยายามไล่กล้องวงจรปิดเพิ่มเติม จากคำยืนยันของแม่นายแอร์ยังคงยืนยันคำเดิม ว่า นางหมวยเดินทางออกจากบ้านของตนเองเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน เวลาประมาณ 6 โมงกว่า โดยการโทร. เรียกให้รถตุ๊กตุ๊กมารับบริเวณหน้าบ้าน


ทางทีมข่าวช่อง 8 จึงไล่กล้องวงจรปิด ทุกตัวตลอดเส้นทางในหมู่บ้าน และเริ่มไล่เวลาใหม่ จากคำกล่าวอ้างของแม่นายแอร์ ว่านางหมวยออกจากบ้านมาตั้งแต่ช่วงเวลาเกือบ 7 โมง ทั้งนี้ทางทีมข่าวจึงเริ่มไล่ใหม่ตั้งแต่ช่วงเวลา ตี 4.30 น. เป็นต้นไป เพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อน




จนกระทั่งเวลาประมาณ 05.44 น. ทีมข่าวช่อง 8 พบรถตุ๊กตุ๊กซึ่งมีนางหมวยพร้อมด้วยลูกเล็กวัยสองเดือนนั่งมาด้วยจริง รถตุ๊กตุ๊กขับผ่านไปบริเวณถนนเส้นไทรงาม-ตลาดประจันตคาม ลักษณะของนางหมวยนั้น ใส่เสื้อแขนยาวสีเทา และกางเกงขายาวสีดำ พร้อมอุ้มลูกน้อยวัยสองเดือน ตามคำกล่าวอ้างของนางพรจริง


โดยภาพวงจรปิดมุมที่ 1 วันที่ 19 มิถุนายน เวลา 05.44 น. ขณะนางหมวยอุ้มลูกวัยสองเดือนนั่งรถตุ๊กตุ๊กผ่านบริเวณร้านค้าแห่งหนึ่ง ซึ่งห่างจากบ้านของนายแอร์ประมาณ 500 เมตร จากนั้นภาพวงจรปิดมุมที่ 2 เวลา วันที่ 19 มิถุนายน เวลา 05.45 น. ขณะนางหมวยอุ้มลูกวัยสองเดือนนั่งรถตุ๊กตุ๊กผ่านบริเวณร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากบ้านของนายแอร์ประมาณ 700 เมตร


ต่อมา ภาพวงจรปิดมุมที่ 4 วันที่ 19 มิถุนายน นางหมวย เดินออกมาจากบริเวณสี่แยกไฟแดงมุ่งหน้าไปยังคิวรถ แต่งตัว ตามคำกล่าวอ้างของแม่นายแอร์สวมกางเกงสีดำ และเสื้อแขนยาวสีเทา ซึ่งตามภาพวงจรปิดนั้นนางหมวย กำลังเดินข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นบริเวณคิวรถทัวร์-รถตู้ มุ่งหน้าหมอชิต และนางหมวยก็เดินขึ้นรถทัวร์ไป


ล่าสุดวันนี้ทางทีมข่าวช่อง 8 เดินทางเข้าไปยังวัดแห่งหนึ่ง พบหลวงพี่แจ๊ส (นามสมมติ) ให้ข้อมูลใหม่กับทางทีมข่าวช่อง 8 ว่า บ้านของแม่และนายแอร์นั้น อยู่บริเวณใกล้เคียงกับวัด ปกติทุกครั้งที่ตนออกบิณฑบาต ก็จะผ่านบ้านหลังนี้เป็นประจำ เมื่อประมาณสี่ห้าวันที่แล้ว พบผู้หญิงลักษณะอวบ ๆ พร้อมลูกน้อยวัยประมาณสองเดือน ยืนยันว่าคือ นางหมวย มาอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ ทุกครั้งที่ตนเดินออกบิณฑบาต ก็จะเห็นเด็กเล็กวัยสองเดือน นอนอยู่ในเปลบ้าง หรือ นางหมวยอุ้มเดินบริเวณรอบ ๆ บ้านบ้าง บางครั้งก็จะได้ยินเสียงเด็กน้อยร้องไห้เสียงดังด้วย อีกทั้งตนยังเห็นผ้าอ้อมและข้าวของเครื่องใช้ พร้อมด้วยเสื้อผ้าเด็กแขวน ตากอยู่บริเวณหน้าบ้านเป็นประจำ แต่วันนี้จากที่ตนเดินออกบิณฑบาตก็ไม่เจอผ้าอ้อมเด็กเลย อีกทั้งไม่เห็นเด็กวัยสองเดือนและนางหมวยด้วย




แต่ล่าสุดนั้นพระแจ๊สให้เป็นข้อมูลหลักฐานใหม่กับทางทีมข่าวช่อง 8 ว่า ประมาณช่วงเวลาในหนึ่งอาทิตย์นี้ ตนเองอยู่บริเวณหน้าวัด ยืนยันว่าเห็นนายแอร์ พร้อมด้วยนางหมวย และลูกน้อยวัยสองเดือนนั่งรถมอเตอร์ไซค์ เวฟสีแดง- ดำ ซ้อนท้ายกันมา เวลา 4-5 โมงเย็น โดยมีนายแอร์เป็นคนขับรถนางหมวยและลูกน้อยวัยสองเดือนเป็นคนซ้อน ยืนยันว่าขณะนั้นนายแอร์ยังยิ้มให้ตนอยู่ ส่วนผู้หญิงนั้นตนเห็นหน้าไม่ชัด แต่ก็พอจะทราบว่าคือนางหมวยแฟนใหม่ของนายแอร์อย่างแน่นอน ตนยังหันมาพูดกับพระลูกวัดอีกคนอยู่ เลย ว่า “นายแอร์มีแฟนใหม่แล้วตั้งแต่เมื่อไร” ยืนยันว่าขณะนั้นไม่ได้จำคนผิด เพราะนายแอร์บ้านอยู่ข้างวัด ตนเห็นกันมาเป็นประจำ เกือบทุกวัน ไม่มีทางที่จะจำคนผิดอย่างแน่นอน และตนเป็นพระไม่มีทางที่จะพูดโกหก ทุกอย่างต้องผ่านความชัดเจนและแน่นอน ตนถึงกล้ายืนยัน


ทั้งนี้ทางพระแจ๊สยังโทรสอบถามไปยังคนขับรถตุ๊กตุ๊กในหมู่บ้าน ซึ่งรถตุ๊กตุ๊กในหมู่บ้านไทรงามที่จะเดินทางไปตลาดประจันตคามมีเพียงสองคันเท่านั้น พระแจ๊สได้โทรไปหาพร้อมกับ สอบถามต่อหน้าทีมข่าว โดยสายแรกนั้นพระแจ๊สได้โทรไปหานายชม สอบถามนายชมว่า เมื่อวานตอนเช้าได้ ขับรถตุ๊กตุ๊กมารับหญิงสาว และลูกวัยสองเดือนบริเวณบ้านหน้าวัดไทรงามหรือไม่ แต่นายชมก็ยืนยันว่าไม่ได้มารับใครเลยแม้แต่คนเดียว


ทั้งนี้พระแจ๊สยังโทรไปสอบถามรถตุ๊กตุ๊กอีกคัน คือนายมิ่ง สอบถามเช่นเดิมว่าเมื่อวานได้มารับหญิงสาวพร้อมเด็กน้อยวัยสองเดือนหรือไม่ นายมิ่งเองก็ยืนยันว่าไม่ได้รับใครเลย ทั้งนี้นายมิ่งเองยังถามพรรคพวกที่ขับรถตุ๊กตุ๊กในตลาดทั้งหมด ทุกคนก็ยังคงยืนยันคำเดิม ว่าไม่ได้รับนางหมวย หญิงสาวคนดังกล่าวมาเลย ยืนยันว่าหากมีการรับมาจริงก็คงแจ้งข้อมูลมา เพราะไม่มีอะไรต้องปิดบัง แต่สอบถามทุกคนแล้ว ทุกคนยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่มีใครรับนางหมวยขึ้นรถมาเลย




ทีมข่าวเดินทางไปที่โรงเรียนวัดโพธารามซึ่ง “น้องธันยา”เรียนที่นี่ชั้น ป.1 โดยนายณรงค์ อายุ 57 ปี ผอ.โรงเรียนวัดโพธาราม พาทีมข่าวไปดูห้องเรียนน้องธันยา ซึ่งยังมีข้าวของบางส่วนของน้องธันยายังอยู่ที่ห้องเรียน จากภาพจะเห็นโต๊ะน้องธันยานั่งอยู่หลังสุดของห้อง ข้าวของที่โต๊ะครูเก็บส่งให้ญาติน้องแล้วจะเหลือเพียงบางส่วนที่ห้องเท่านั้น


ซึ่งน้องน็อต (นามสมมติ) อายุ 6 เดือน เป็นเพื่อนธันยาและเป็นหัวหน้าห้องชั้น ป.1 หยิบแก้วสีชมพูและแปรงสีฟันยาสีฟันของน้องธันยาที่วางหลังห้องให้เราดู ข้างแก้วเขียนชื่อ “น้องเซฟ” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของธันยา


และบรรยากาศห้องเรียนวันนี้ ทาง ผอ. ให้นักเรียนในโรงเรียนเรียนเพียงครึ่งวัน เพราะช่วงบ่ายจะระดมนักเรียนไปช่วยงานศพของน้องธันยา และจะเห็นแผนผังนักเรียนในห้องมีชื่อและรูปน้องธันยาติดอยู่ ในส่วนสมุดการบ้านน้อง ทาง ผอ. บอกว่า ชื่นชมที่น้องเรียนดีเกรดเฉลี่ย 3.00 และคัดลายมือภาษาอังกฤษและภาษาไทยสวย ชี้เป็นเด็กเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด แต่ร่าเริง ยิ้มแย้มและเรียนดี


ต่อมาทีมข่าวได้รับแชตหลักฐานใหม่ เป็นแชตระหว่าง “หมวย” กับครูที่โรงเรียนที่น้องธันยาเรียนอยู่ โดยแชตแรกเป็นเหตุการณ์วันที่ 11 มิถุนายน “หมวย” ที่ใช้ชื่อในไลน์ว่า “แม่น้องธีร์” ดีดตัวเองออกจากกลุ่มไลน์นักเรียน ป.1 โดย 11 มิถุนายน เป็นวันที่หมวย หอบน้องธีร์หนีจากบ้านพักที่เกิดเหตุ


แชตสองเป็นเหตุการณ์วันที่ 17 มิถุนายน หลังครูทราบว่าน้องธันยาเสียชีวิต ครูที่โรงเรียนได้ทักไปบอกหมวยว่า “ตัวเองตอนนี้ทราบข่าวเรื่องลูกหรือยัง , น้องเชฟวี่ (ธันยา) เสียชีวิตแล้วนะ ส่วนน้องภูผาส่งพิษณุโลก พ่อยิงลูกทั้งสองคน “ครูพิมไปจนครบนางหมวยอ่านแต่ไม่ตอบแถม และแชตสาม เป็นเหตุการณ์หลังครูทักบอกเรื่องน้องธันยาเสียชีวิต หมวยบล็อกเฟซบุ๊กครูทันที




โดยทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดขณะน้องธันยาใช้ชีวิตที่โรงเรียนเป็นวันสุดท้าย ก่อนกลับบ้านพักนายดนัย ผู้เป็นพ่อและผู้ก่อเหตุ เป็นภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่น้องธันยาใช้ชีวิตนักเรียนชั้น ป.1 วันสุดท้ายที่โรงเรียนวัดโพธาราม ในวันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน ก่อนถูกพ่อยิงช่วงดึก 23.00 น. วันที่ 16 มิถุนายน ตามที่ปรากฏในเหตุการณ์ตามภาพวงจรปิด


เวลา 12.17 น. ของวันที่ 14 มิถุนายน เป็นช่วงพักเที่ยงภายในโรงเรียน จากภาพจะเห็นน้องธันยาแต่งชุดไทยนักเรียนสีเขียวในมือถือแก้วน้ำสีชมพูมีแปรงสีฟันและยาสีฟัน เดินตามอยู่ประจำชั้นลงมาจากห้องเรียน นาทีต่อมาจะเห็นพฤติกรรมน้องธันยาเล่นกับเพื่อนอย่างร่าเริง สดใส ไม่มีท่าทางซึมเศร้า แม้ว่าหมวย ผู้เป็นแม่ จะไม่ได้มารับที่โรงเรียนตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน เพราะหมวยหอบน้องทีหนีออกจากบ้านพีกน้องธันยาและน้องภูผา


น้องธันยาร่าเริงปกติเข้าแถวตามครูประจำชั้น เพื่อเข้าไปในอาคารอเนกประสงค์ภายในโรงเรียน รอไปแปรงฟันกับเพื่อนหลังกินข้าวกลางวัน ซึ่งน้องมีท่าทีปกติขณะอยู่ในอาคาร ช่วง 15.33 น. ของวันที่ 14 เป็นช่วงเลิกเรียน ครูประจำชั้นพานักเรียนชั้น ป.1 ลงมาจากห้องเรียนเพื่อส่งกับบ้าน หนึ่งในนั้นมีน้องธันยาที่สะพายเป้กระเป๋านักเรียนลงมาด้วย น้องมีท่าทีร่าเริงมากเล่นกับเพื่อนไม่มีความเครียด ก่อนเดินออกจากโรงเรียนไปขึ้นรถตู้รับส่งนักเรียนกลับบ้าน จากนั้นน้องไม่ได้มาโรงเรียนอีกเลยหลังน้องธันยาถูกพ่อยิงเสียชีวิต

 

"หมวย" เปิดใจครั้งแรก! ปฐมบทโศกนาฏกรรม "ฆ่ายกครัว"