"ธรรมราช" แจ้งความเอาผิด "อนันต์ชัย" อ้างด่าตร.ทองหล่อ 2 มาตรฐาน

วันที่ 21 มิ.ย.67 เวลา 14.00 น. ทนายธรรมราช สาระปัญญา เดินทางมาที่ สน.ทองหล่อ พร้อมหอบเอกสารหลักฐาน ที่ถอดคำพูดการให้สัมภาษณ์โดยละเอียดของทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม เพื่อกล่าวโทษ จากกรณีเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา ที่เด็กชายวัย 8 ขวบ และครอบครัว รวมถึงตนเองเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ที่ สน. ทองหล่อ และมีเหตุการณ์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ จากนั้นมีตำรวจไปขอโทษ "หนุ่ม กรรชัย" พิธีกรรายการชื่อดัง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นกรณีการไม่ให้เข้าห้องน้ำ แต่ในวันนั้น ทนายอนันต์ชัย กลับมีการตำหนิตำรวจ ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่แรงเกินไป

ทั้งนี้ วันต่อมาให้สัมภาษณ์อีกครั้ง บอกว่าตำรวจสน. ทองหล่ออ่อนหัด ซื่อบื้อ และ 2 มาตรฐาน ซึ่งตนเองยังไม่ได้ชี้ชัดว่าถูกหรือผิด แต่มองว่าการกระทำแบบนี้ไม่ควรไปพูดกับตำรวจ เพราะตำรวจปฎิบัติหน้าที่ตามกฏหมาย ซึ่งข้อความทั้งหมดนี้ตนเองมองว่าเข้าข่ายความผิดดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 136

รวมถึงมีการวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ตำรวจสน. ทองหล่อมีการประกาศตัวบทกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ตามมาตรา 37 ผ่านเครื่องขยายเสียง โดยมีการกล่าวหาว่าไปข่มขู่สื่อ ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่การขู่ เพียงแต่เป็นการประกาศให้ประชาชนทราบว่ามีข้อกฎหมายตามนี้

ทนายธรรมราช ย้ำว่า วันนี้ตนเองมากล่าวโทษในฐานะประชาชน ไม่ใช่ในฐานะผู้เสียหาย ซึ่งตนเองสามารถทำได้ ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าทุกข์ แต่หากตำรวจนายใดต้องการเป็นเจ้าทุกข์ ก็ต้องพิสูจน์ตัวให้ได้ก่อนว่าถูกกล่าวถึงอย่างไร พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้ง ถึงแม้จะมีข้อพิพาทกับทนายอนันต์ชัยก็ตาม และหากคู่กรณีเห็นว่าตนเองทำไม่ถูกต้องก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้เช่นกัน

ทั้งนี้ทนายธรรมราช เผยว่า ที่มาในวันนี้มากล่าวโทษทนายอนันต์ชัย เพียงคนเดียว เพราะมีหลักฐานชัดเจน แต่ก็อาจจะมีบุคคลอื่นด้วย ที่ไปยืนพูดอยู่หน้าสน. เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนว่า ตำรวจปกป้องคนผิด และ ตำรวจสองมาตรฐาน มองว่าสองคำนี้เข้าข่ายแน่นอน เพราะวันนั้นยังไม่มีคนผิด มีแต่ผู้ต้องหา ที่มารับทราบข้อหา ให้ย้อนดูคลิปก็รู้ว่าเป็นใคร ก่อนจะบอกว่า “วันนั้นได้ยินคนเดียว ใส่หมวกสีขาวอ่ะ” ส่วนจะแจ้งกล่าวโทษเมื่อไหร่ จะดูวันอีกทีหนึ่ง

สำหรับคดีที่ พม.ไต่สวนเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปรากฏว่ามีญาติธรรม เป็นห่วงเด็กชายวัย 8 ขวบจึงแจ้งความจำนงที่จะเป็นพยานในคดีนี้นับ 100 คน จากตอนแรกที่ตนเองอ้างพยานไป 4 ปาก ว่าการสอนธรรมะเป็นประโยชน์ ว่ากิจกรรมของเด็กชายวัย 8 ขวบ ไม่ได้ขัดต่อสวัสดิภาพของเด็ก แต่ในทางกลับกัน หากศาลสั่งให้หยุดกิจกรรมต่างๆ ทำให้เด็กชายวัย 8 ขวบรู้สึกเสียใจ เพราะรับหน้าที่มาสอนธรรมะ จะให้หยุดทำไม

สำหรับกรณีที่มีกลุ่มแอดมินไปยื่นกล่าวโทษสื่อ 4 รายการ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้คดีอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้น เป็นการกล่าวโทษ เพื่อเปิดคดี หลังจากนั้นจะมีการนัดพยานวันละ 5 ปาก โดยทนายธรรมราช ไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นรายการ หรือ สื่อใดบ้าง โดยอ้างว่า “เป็นสื่อที่ชอบเอาคนโกหกไปออกรายการ” ซึ่งทางเพจก็เคยมีการชี้แจงไปแล้วว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้มีการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่ยังเอาไปออกรายการซ้ำๆ ยืนยันไม่ได้เป็นการฟ้องมั่ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้จะจบอย่างไร ทนายธรรมราช ย้ำว่า อาจารย์น้องมีการเผยแพร่คลิปมากกว่าพันคลิป ที่มีปัญหาก็เอามาดูว่ามีปัญหาจริงหรือไม่ อันไหนมีปัญหาปรับได้หรือไม่ แต่จะให้สั่งหยุดกิจกรรมไม่ได้ ต้องสู้เต็มที่ หากสำนักพุทธบอกว่ากระทบกระเทือนพระไตรปิฎก เถรวาท ก็ต้องมาดูว่าพฤติการณ์ไหน ไม่ใช่มาดำเนินคดีอย่างเดียว

เมื่อถามว่า หากเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาลจะสามารถพิสูจน์อย่างไรว่าเด็กชายวัย 8 ขวบเชื่อมจิตได้ ทนายธรรมราช บอกว่า ตนได้พูดคุยแล้วว่าอนาคามีการพิสูจน์อย่างไร เด็กชายวัย 8 ขวบบอกว่าภูมิธรรม ภูมิปัญญาไง จะเอาดีเอ็นเอมาตรวจยังไง พร้อมเปรียบเทียบกับตนเองว่า หากเป็นทนายความที่ไม่มีเอกสารให้ดู ตนเองก็ จะตอบว่า “ก็ความรู้ไง ผมก็จะบอกข้อกฎหมายไง”