จากกรณีเมื่อวานนี้ (20 มิ.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 4 ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านของ นางกล่ำ แม่ยายนายพิชิต หรือ เสี่ยต้น ที่ ต.ดงเมือง อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมคลี่คลายคดีเสี่ยต้นศพสีดำ โดยจากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านพบ "ยาอัลปราโซแลม" จำนวน 1 แผง ตัวยา จำนวน 10 เม็ด ที่ยังไม่ได้แกะใช้ ซึ่งเป็นยาประเภทเสียสาว และยานอนหลับชนิดรุนแรง โดยพบในซองเอกสารที่ดินของเสี่ยต้นที่นำมาให้แม่ยาย หรือนางกล่ำ ก่อนเสียชีวิต นั้น




ล่าสุด (21 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยัง สภ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม เพื่อติดตามความคืบหน้าหลักฐานสำคัญคดีเสี่ยต้น จากน้้นทีมข่าวได้สังเกตุพบ รถเก๋ง 4 ประตูสีขาว ของนางกล่ำ แม่ยายเสี่ยต้น หรือ (แม่ของนางมดภรรยาเสี่ยต้น) จอดอยู่ด้านข้างนอกรั้วสถานีตำรวจ จากนั้นทีมข่าวได้เดินขึ้นไปยังห้องสอบสวน พบนางกล่ำ กำลังสอบปากคำกับทาง ผกก. สน.ยางสีสุราช และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 4 โดยเข้าไปในห้องสอบสวน ตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น.


หลังจากนั้น ช่วงเวลา 12.00 น. ทีมข่าวได้พบนางกล่ำ เดินออกมาจากห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามข้อมูล ถึงตัวยา ที่ตรวจพบภายในบ้าน กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวานนี้ ซึ่งนางกล่ำพยายามเดินหนีสื่อและปฏิเสธการตอบคำถามกับทางสื่อมวลชน โดยตอบเพียงว่า “ยังไม่เสร็จ ยังไม่เสร็จ” และรีบเดินกลับเข้าห้องสอบสวนอย่างรวดเร็ว




จากนั้นทีมข่าวพบว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เดินทางมาที่ สภ.ยางสีสุราช เพื่อมาตรวจดีเอ็นเอนางกล่ำ ซึ่งทาง พ.ต.อ.วัชรินทร์ สัตยาคุณ ผกก.สภ.ยางสีสุราช ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันนี้นางกล่ำได้เดินทางมาเป็นพยาน และให้การสอบปากคำเพิ่มเติม เกี่ยวกับหลักฐานที่ตรวจพบเดินทางมาตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น. ซึ่งสอบปากคำไปแล้วนานกว่า 3 ชม. โดยนางกล่ำไม่ยอมให้ตรวจดีเอ็นเอเนื่องจากทนายสั่งไว้ อีกทั้งยืนยันว่า ขณะนี้หลังจากตรวจพบหลักฐานเพิ่มเติม และจาการสอบปากคำแล้ว มีความคืบหน้าคดีเป็นอย่างมาก


ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ นายถนอม ถึงเหตุการณ์วานนี้ (20 มิ.ย.) ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตนไปจำลองเหตุการณ์ เผยว่า ช่วงเวลา ประมาณ 9.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาตนไปยังบ้านนางกล่ำ ซึ่งถูกชาวบ้านมองตนว่าเป็นคนนำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจค้น ซึ่งตนเพียงให้ความร่วมมือโดยเจ้าหน้าที่ให้ตนรออยู่ด้านนอก ขณะตำรวจทำการตรวจค้นภายในบ้าน หลังจากนั้น ในช่วงเย็นหลังเจ้าหน้าที่ตรวจค้นเสร็จ ตนเองนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่ร้านค้า ยายกล่ำได้เดินมานั่งคุยด้วย พร้อมต่อว่าตนทำไมน้าถนอมไม่สงสารหลานบ้าง ตนก็งงไม่สงสารเรื่องอะไร


จากนั้น นายถนอม กล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ให้ตนจำลองเหตุการณ์ ในคืนวันก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันที่ (15 เม.ย.) โดยทำท่าทางต่าง ๆ ตามที่ตนเองเห็น ลูกของเสี่ยต้นคารวะบรรพบุรุษ ก่อนจะยื่นแก้วเหล้าให้เสี่ยต้นดื่ม ต่อมาช่วงจำลองได้มีชาวบ้านเข้ามาต่อว่าตนอีกด้วยว่า คนเห็นตั้ง 10 คน ทำไมต้องเป็นตนที่สังเกตุเห็นเหตุการณ์เพียงคนเดียว ซึ่งตนคิดว่า คนที่อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นก็เห็นกันทุกคนแต่ไม่มีใครพูด เพราะในคืนวันนั้นหลานได้ยกรูปของตา (ผัวยายกล่ำ) มาให้เสี่ยต้นก้มกราบขอโทษ พร้อมจุดธูป ซึ่งใคร ๆ ก็มองกันทั้งนั้น เพราะเป็นเรื่องแปลก ตนก็มองว่าเพื่อความสบายใจจึงไม่ได้พูดอะไร จากนั้นได้มีการยกรูปไปเก็บ และนำสุราที่บูชาในแก้วเป๊ก มาให้เสี่ยต้นดื่ม โดยจริง ๆ แล้ว ตามความเชื่อคารวะคนตาย ควรที่จะเททิ้งไป ไม่ควรนำกลับมาดื่ม ตนจึงตั้งข้อสงสัยว่าสถานการณ์เริ่มแปลก




ส่วนยาที่ตำรวจค้นพบ นายถนอม ยืนยันว่าไม่เคยเห็น ขนาดตนเคยอยู่ในวงการกลางคืน ดังนั้นงคาดว่าคนในบ้านนางกล่ำไม่มีใครป่วยแข็งแรงดี โดยไม่ต้องใช้ยา อัลปร้าโฟร์แลมนั้นแน่นอน และส่วนตัวมองว่าทุกอย่างเริ่มแปลกตั้งแต่ได้มาจ้างวานตนให้ไปรับนายต้นที่สนามบินเนื่องจากรถของบ้านนางกล่ำมีหลายคัน หลังจากนั้นก่อนคืนวันเกิดเหตุ เสี่ยต้นได้ขอคำปรึกษาตนว่าจะทำอย่างไรดี ตนจึงได้แนะนำให้ไปขอโทษทางฝั่งแม่ยาย และได้ตามนายต้นไปที่บ้านนางกล่ำ


นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามอีกว่า ด้านนิสัยลูกของเสี่ยต้นคนที่นำแก้วเหล้ามาให้เสี่ยต้นดื่ม มีลักษณะอย่างไร นายถนอม เผยว่า นิสัยค่อนข้างก้าวร้าว โดยในคืนวันเกิดเหตุได้ยกเหล้ามาให้ตน แต่ตั้งบนโต๊ะให้ลักษณะกระแทกเสียงดังแบบไม่พอใจ ทางนางมดจึงบอกให้ลูกสาวรีบขอโทษเพราะเป็นญาติกัน เด็กก็ยกมือไหว้อย่างไม่เต็มใจ ถ้าให้ตนพูดตรง ๆ ไม่ชอบสันดารเด็กคนนั้น มารยาทไม่ดี เพราะชอบทำตัวไม่เหมือนเด็ก ซึ่งยังได้ยินด่ากราด พ่อตนเอง (เสี่ยต้น) อีกด้วยว่า "พ่อชอบกxหรี่ใช่ไหม ถ้าชอบก็ไปอยู่กินกับกxหรี่" ซึ่งตนและญาติ ๆ ได้ยิน จึงพยายามห้ามปรามเด็กไม่ให้พูด เพราะกลัวจะเป็นบาปและย้อนเข้าหาตนเอง




ในเวลาต่อมา 15.30 น. นางกล่ำ ได้เดินออกมาจากห้องสอบสวน โดยใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 5 ชั่วโมง โดยเริ่มสอบสวน ตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 - 15.30 น. ซึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย และได้รีบเดินออกไปเพื่อเดินทางกลับบ้าน จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินตามและพยายามสอบถามข้อมูลว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาทำไม ได้ติดต่อกับลูกสาวบ้างหรือไม่ ซึ่งนางกล่ำก็ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด จนกระทั่งสอบถามว่า รู้เรื่องของยาที่ค้นพบหรือไม่ นางกล่ำตอบว่าไม่รู้เลย ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามว่ายา เป็นของนายต้นหรือไม่ นางกล่ำตอบเพียงว่า ไม่รู้ แค่เค้านำเอาซองมาให้ จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ถามว่ามีความกังวลหรือไม่ นางกล่ำตอบเพียงว่า ไม่กังวลใด ๆ เรื่อย ๆ ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามว่าจะมีการเรียกสอบอีกหรือไม่ นางกล่ำตอบเพียงว่าไม่น่าเรียก หลังจากนั้นรีบเดินไปที่รถแล้วขับออกไป


ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลจาก พ.ต.อ.วัชรินทร์ สัตยาคุณ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรยางสีสุราช ถึงความคืบหน้าล่าสุดของคดีเสี่ยต้น ซึ่งให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นวันนี้เป็นการสอบปากคำเพิ่มเติม หลังตรวจพบซองยาอยู่ภายในบ้านนางกล่ำ โดยวันจันทร์ที่ 24 มิ.ย. นี้ จะมีการส่งหลักฐานไปพิสูจน์ให้แน่ชัด เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการรวบรวมหลักฐานและสรุปความคืบหน้าอีกครั้ง ภายในอาทิตย์หน้า




ขณะที่ รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี หรือ หมอหมู แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว ได้ให้ข้อมูลความรู้กับทีมข่าวช่อง 8 กรณี ยาอัลปราโฟแลม หรือ ซาแน็กซ์ ยาที่ค้นพบภายในบ้านนางกล่ำ โดยหมอหมูได้สาธิตการทดลองว่าในกรณีของคนที่ไปดื่ม ถ้าเกิดเห็นมีลักษณะ ผิดปกติของแก้วสุราตนเองไม่ควรดื่มเป็นเป็นอย่างยิ่ง โดยหากยาอัลปราโซแลม เม็ดขนาด 0.5 มิลลิกรัม จะมีสีม่วง ถ้าหากนำมาบดละเอียดแล้ว จะออกเป็นสีม่วง ๆ เมื่อนำไปใส่ในเครื่องดื่มที่เป็น แอลกอฮอล์จะมีลักษณะเป็นสารแขวนลอยอยู่บ้างด้านในแก้ว


ทั้งนี้ หากกรณีดังกล่าว มีการคนแก้ว ก็จะเห็นได้ว่าต่อให้มีการคนอย่างไรก็คงยังทิ้งเป็นสารแขวนลอยอยู่ เนื่องจากว่าในตัวของเม็ดยาอัลปราโซแลมจะมีส่วนผสมที่เป็นแป้งอยู่ ก็จะทำให้ขึ้นรูปส่วนผสมของเม็ดยา เพราะฉะนั้นตัวเม็ดแป้ง จะไม่ละลายน้ำ ก็จะเห็นเป็นสารแขวนลอยในแก้ว ดังนั้น หากใครที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือเครื่องดื่มอื่นๆ ที่เห็นสารแขวนลอยห้าม ดื่มเด็ดขาด


นอกจากนี้ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมว่า หากกรณีที่เกิดดื่มอัลปราโซแลมร่วมกับแอลกอฮอล์มากเพียงใดจะเสียชีวิต คุณหมอเผยว่า ขึ้นอยู่กับปริมาณของยา และแอลกอฮอล์ที่ได้รับ ค่อนข้างที่จะตอบยาก




ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูล นางนา อายุ 45 ปี เพื่อนบ้านยายกล่ำ ถึงประเด็นบ้านนางกล่ำมีคนป่วยหรือไม่ หรือมีใครเคยใช้ยา โดยเผยว่า ตนไม่เคยเห็นใครป่วย ปกติยายกล่ำอยู่กับหลาน 3 คน ลูกขอน้องสาวนางมด (ภรรยาเสี่ยต้น) ซึ่งปกติยายกล่ำเป็นคนแข็งแรง ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงสอบถาม ถึงกรณีเคยพบลูกสาวของเสี่ยต้น ที่อยู่ในคืนวันเกิดเหตุหรือไม่ มีนิสัยอย่างไร นางนา เผยว่า ปกติจะพบช่วงปิดเทอม น้องนิสัยดี สัมมาคารวะดี มาเมื่อไหร่ก็สวัสดีตลอด มักมาซื้อของเป็นประจำ แต่ตนก็ไม่ได้ใกล้ชิดมากมาย อีกทั้งเด็ก ๆ ก็เคยอยู่ที่นี่เพราะยายกล่ำเป็นคนเลี้ยงดู


ส่วนกรณีที่ตำรวจได้มีการมาค้นพบในบ้านแล้วเจอยา ตนไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เคยทราบข้อมูลมาว่า ยาที่อยู่ในโฉนดที่ดินนั้น ยายกล่ำเคยเล่าว่าเสี่ยต้นได้นำซองโฉนดมาให้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรเก็บไว้ในลิ้นชัก จนมาเจอว่าอยู่ในโฉนดดังกล่าว ที่ตำรวจได้มาตรวจสอบค้น โดยยายกล่ำไม่รู้เป็นยาอะไร เพราะอ่านภาษาอังกฤษอ่านไม่ออก นางกล่ำนึกว่าเป็นยาพาราฯ ตนจึงสอบถามว่านายต้นกินหรือไม่ นางกล่ำก็ตอบ "ไม่รู้"

 

แม่ยาย "เสี่ยต้น" ไม่ตรวจ DNA สอบเข้มหาที่มา "ยาเสียสาว"