ฉลุย! เสียงข้างมากสภา 311:175 รับหลักการงบฯ 68 – ภูมิธรรม ขอบคุณ สส.ร่วมพิจารณายืนยันพร้อมรับความเห็นไปพิจารณาชั้น กมธ.ใช้งบให้ ศก.ไทยโตเต็มศักยภาพ - "พิธา" ทวงแผนหาเงินเข้าประเทศ-เก็บภาษีให้เข้าเป้าของรัฐบาล แนะปรับกระบวนการงบประมาณประเทศตามมาตรฐาน OECD
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมาก 311 เสียง ต่อ 175 เสียง รับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2568 ในวาระแรก โดยที่ฝ่ายค้าน ลงมติไม่รับหลักการร่างงบประมาณฯ ดังกล่าว ภายหลังได้พิจารณา และอภิปรายกันมา 3 วัน 3 คืน พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นมาชุดหนึ่ง จำนวน 72 คน เพื่อปรับแก้ก่อนเสนอให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาอีกครั้ง ในวาระที่ 2 และ 3
โดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายสรุปภาพรวมการอภิปรายของฝ่ายค้านทั้งหมด ต่อร่างงบประมาณปี 2568 ของรัฐบาลฉบับนี้ โดยได้เสนอ 5 สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน ได้แก่ แผนรายได้และแผนหนี้ของประเทศ / แผนการปฏิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม / แผนการช่วยเหลือประชาชนที่งบประมาณไม่ครอบคลุม / การเปิดเผยกระบวนการการพิจารณางบต่อสาธารณะ / และการปรับกระบวนการงบประมาณตามมาตรฐาน องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD โดยจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และคนชายขอบ ที่รัฐบาลได้มองข้ามไป เพราะตามกระบวนการกำหนดที่รัฐบาลจะต้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มคนครอบคลุม ไม่ Ignore ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง รวมถึงการต้องอธิบายความโปร่งใส การประกันคุณภาพการตรวจสอบงบประมาณ ซึ่ง OECD เขียนไว้ชัดเจน ที่ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ จะต้องไม่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อความโปร่งใสในการตรวจสอบงบประมาณ
นายพิธา ยังได้ทวงถามแผนการหารายได้ของรัฐบาล ที่จะนำมาใช้จ่ายในประเทศ โดยที่ไม่ต้องกู้มากขึ้น เนื่องจาก รายได้ของรัฐบาลขณะนี้มีความผันผวน และสามารถเก็บได้น้อยลง แม้จะมีการคาดการณ์ว่า ในปีนี้ และปีหน้า จะสามารถเก็บได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีความเสี่ยง ที่การจัดเก็บภาษีของรัฐบาล ที่จะไม่สามารถเก็บได้ตามเป้า ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคม 2566 - เมษายน 2567 รัฐบาล เก็บรายได้พลาดเป้าไปแล้ว 35,000 ล้านบาท และกรมสรรพสามิต ที่ดูแลภาษีสิ้นเปลือง ก็ยังเก็บภาษีพลาดเป้าอีกกว่า 10,000 ล้านบาท จากนโยบายของรัฐเอง ทั้งการพยุงราคาน้ำมันดีเซล และสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถอีวี จึงขอให้กระทรวงการคลัง ได้ชี้แจงถึงการเตรียมความพร้อมในการจัดเก็บรายได้ เพื่อไม่ให้พลาดเป้า และมีรายได้เพียงพอสำหรับรายจ่าย เนื่องจาก การหารายได้ของรัฐบาล ยังไม่ทันต่อรายจ่ายของประเทศ ที่ทำให้อัตราการกู้สูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะรายได้ ไม่พอรายจ่าย
ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นตัวแทนคณะรัฐมนตรี ขอบคุณที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ร่วมกันพิจารณาร่างงบประมาณฯ ฉบับนี้ ตามที่รัฐบาลเสนอ พร้อมยืนยันต่อที่ประชุมว่า ภายใต้วงเงินงบประมาณที่มีจำกัด รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชน และผลประโยชน์ของประเทศ โดยการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตเต็มศักยภาพ สร้างรายได้ให้ประชาชนและประเทศ ผ่านนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา และวิสัยทัศน์ Ignite Thailand มาเป็นแนวทางการบริหารงบประมาณ ในการพัฒนาและจัดสรรทรัพยากรประเทศให้บรรลุเป้าหมาย คำนึงและสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ สร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีทุกคน รวมทั้งสนับสนุนเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
นายภูมิธรรม ยังยืนยันว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตต่าง ๆ ยกเว้นวาทกรรม และคำพูดจาถากถาง ด้อยค่า ที่หลุดลอดออกมาเป็นช่วง ๆ เพื่อไปพิจารณาต่อในคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ นำไปใช้ประกอบตรวจสอบรายละเอียดงบประมาณประเทศอย่างรอบคอบ เคร่งครัด ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ยังได้รับทราบพระบรมราชโองการปิดประชุมสภา สมัยวิสามัญ ระหว่างวันที่ 18 – 21 มิถุนายน โดยจะมีการประชุมสภา สมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 อีกครั้ง ระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม ถึง 30 ตุลาคม 2567 นี้