"บู๊" พี่เขยแจ๊ส อ้างไม่ได้ขโมยรองเท้า ขอโทษที่ท้าทายอำนาจรัฐ

จากกรณีที่ชุดสืบสวนนครบาลคุมตัวนายภูมิพัฒน์ ศักดิ์นุภาพ หรือบู๊ อายุ 41 ปี พี่เขยของ "แจ๊ส ชวนชื่น" มาสอบสวนที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หลังจับกุมได้ที่ริมชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดสระแก้วเมื่อคืนวานนี้ โดยนายบู๊เป็นพี่สาวภรรยาแจ๊ส และได้ก่อเหตุบุกเข้าไปลักทรัพย์รองเท้าของสะสมของแจ๊ส มูลค่ากว่า 300,000 บาท ไปจากบ้านย่านสุวินทวงศ์

ล่าสุดวันที่ 22 มิ.ย. 67 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากทั้งผู้เสียหายและประชาชน ว่า ระหว่างหลบหนี นายบู๊ยังโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก และไลฟ์สด ตอบโต้ ยั่วยุ คุกคามผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังกล่าวท้าทายตำรวจ ว่าไม่สามารถจับกุมตนเองได้ จึงได้ส่งชุดสืบสวน "สารวัตรแจ๊ะ" ปฏิบัติการตะลุยชายแดนบูรพา ร่วมกับตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดสระแก้ว และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ติดตามจับกุมนายบู๊ แต่ก็ต้องใช้เวลาสักพัก เนื่องจากนายบู๊มีสาย ซึ่งเป็นกลุ่ม "ผีข้างบ่อน" คอยรายงานความเคลื่อนไหวของตำรวจให้นายบู๊ทราบ แต่นายบู๊ก็ยังชอบโพสต์ข้อความยั่วยุไล่ให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลัง ตำรวจจึงแกล้งถอนกำลัง ล้มเลิกภารกิจตามจับนายบู๊ ให้นายบู๊ตายใจ ส่วนตำรวจก็แอบสะกดรอยตามกลุ่มสายข่าวของนายบู๊อย่างเงียบๆ จนกระทั่งไปเจอตัวนายบู๊ที่จุดตรวจทหารพรานที่ 1201 อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ปิดเกมในที่สุด

ทั้งนี้ระหว่างจับกุม นานบู๊ยังไม่สลด บอกกับชุดสืบสวนด้วยว่า “ดีแล้วที่มาจับผม ไม่งั้นสัปดาห์หน้าจะกลับไปแก้แค้นผู้เสียหาย"

ส่วนการสอบปากคำ นายบู๊ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอ้างว่าไม่ได้ขโมยรองเท้าของแจ๊สไป แต่น่าจะเป็นความเข้าใจผิดกัน และไม่เคยบุกรุกบ้านหลังดังกล่าว เพราะตอนเองมีชื่อในทะเบียนบ้านมา 15 ปีแล้ว และที่ผ่านมาก็เข้าๆ ออกๆ ปกติ ส่วนรองเท้าไม่ทราบว่าหายไปได้อย่างไร เพราะขณะเกิดเหตุตนเองถูกจับอยู่ ไม่ได้อยู่บ้าน ส่วนรูปที่ไปถ่ายหน้าบ้าน ก็เพียงแวะไปถ่ายรูป เพราะผ่านไปแถวนั้นพอดี และไม่ได้เข้าไปในบ้าน

ส่วนกับแจง ไม่ได้มีปัญหาโกรธเคืองกัน แค่ทะเลาะกระทบกระทั่งกันเล็กน้อยตามประสา และตนเองก็แค่ไลฟ์สดเหน็บแนม ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหากันเรื่องเงิน แต่ตนเองมีปัญหากับอีกคนหนึ่ง แต่ไม่ขอพูด

เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะบอกกับน้องสาวหรือไม่ นายบู๊บอกว่าไม่มีอะไรต้องพูด เพราะตัดขาดกันแล้ว และที่อีกฝ่ายบอกว่าต้องอยู่อย่างหวาดผวาเพราะตนเองนั้น ไม่จริง เพราะตนเองมองว่าอีกฝ่ายน่ากลัวว่า โดยเมื่อ 7-8 เดือนก่อนมีคนใส่หมวกกันน็อก ขี่รถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน พกปืนมาที่บ้านตนเอง ตนเองก็ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.มีนบุรี ส่วนจะเป็นใครจ้างวานมานั้น ให้ไปถามน้องสาวตนเองน่าจะรู้

หลังจากนี้ตนเองจะอยู่ในที่ของตนเอง ตราบใดที่ไม่มีใครมารังแกก่อน พร้อมย้ำว่า ตนเองไม่เคยพูดว่าจะกลับมาแก้แค้น และขอโทษที่ท้าทายอำนาจรัฐ

หลังสอบปากคำเบื้องต้นแล้วเสร็จ ชุดสืบสวนจะนำตัวนายบู๊ส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เจ้าของคดี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยคาดว่าจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลฯ ในวันจันทร์

สำหรับนายบู๊ มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี 8 คดี ตั้งแต่ปี 2546-2548 ทั้งคดีร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ , ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราฯ , ร่วมกันชิงทรัพย์ฯ , ร่วมกันพยายามฆ่า , ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นฯ , ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะโทรมหญิง เคยถูกศาลตัดสินจำคุก 9 ปีกว่า และได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนกันยายน 2563 หลังพ้นโทษออกมาก็ยังไม่สลด ถูกดำเนินคดีหมิ่นประมาทอีก 2 คดี ก่อนจะมาก่อเหตุครั้งนี้