สาวทุกข์ใจ! ร้องสายไหมต้องรอดขอให้ช่วย หลังเพื่อนบ้านรุกล้ำ ยึดพื้นที่หน้าบ้าน จนไม่สามารถเข้า- ออกได้ พอแจ้งก็ถูกไล่ให้ไปร้องเทศบาล
วันนี้ 23 มิ.ย. 2567 ที่สายไหมต้องรอด ได้รับแจ้งร้องเรียนจากหญิงรายหนึ่งว่า ปัญหาเพื่อนบ้านมหาภัย นำของมาวางเต็มหน้าบ้าน จนไม่สามารถ เข้า-ออก ไม่ได้ ซึ่งนางลัดดา ตวงวิเศษกุล อายุ 51 ปี เล่าว่าบ้านหลังนี้อยู่อาศัยมา 10 กว่าปี ไม่เคยมีปากเสียงกันมาก่อน ปกติตนจะเข้าไปพักอาศัยในบ้าน ช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ เท่านั้น โดยเพื่อนบ้านมีอาชีพขายของเก่า และมีของเก็บไว้เยอะสูงเป็นกอง จนช่วงก่อนโควิดเพื่อนบ้านขอเอารถมาจอดริมฝั่งตรงข้ามหน้าบ้าน หลังจากนั้นก็เริ่มนำเต็นท์มากางหน้าบ้าน แล้วเริ่มนำข้าวของมาวางขวางถนน ก่อนหน้านี้เริ่มมีการเจรจากันแล้ว แต่ก็บอกว่า จะเอาออกให้ กระทั่ง ปลายปี 2566 นางลัดดา ไม่สามารถนำรถข้าไปจอดหน้าบ้านตัวเองได้จึงได้พยายามพูดคุยกับเพื่อนบ้าน บ่อยขึ้นและเริ่มมีปากเสียงกัน และเพื่อนบ้านท้าทาย อยากไปแจ้งหน่วยงานใหม่เข้าไป ก่อนจะพบว่า รถมีรอยขีดข่วน จึงหวั่นเรื่องความปลอดภัย และมีปากเสียงกันอีกหลายครั้ง
นางลัดดา ยังบอกอีกว่า เมื่อกลับบ้านแต่ละครั้ง พบว่าบริเวณหน้าบ้าน จะมีรถของเพื่อนบ้านรายดังกล่าวมาจอดอยู่ทุกครั้ง และพบว่ามีคราบน้ำมันเครื่องหยดเต็มหน้าบ้านทุกครั้งทำให้ตนต้องมาคอยขัดอยู่เป็นประจำ แม้ทางเทศบาลเมืองบางคูรัด จะเข้าไปจัดการ แต่พื้นที่ดังกล่าวไม่ใช่พื้นที่สาธารณะในการดูแลโดยนิติบุคคล จึงไม่สามารถดำเนินการได้ ทำให้นางลัดดา ไม่สามารถเข้าไปภายในบ้านของตัวเอง หลังนั้นได้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นางลัดดา ยังได้ติดต่อนิติบุคคลให้เข้ามาช่วยดูแลแล้ว แต่ กลับให้รออยู่ตลอดเวลาและไม่ดำเนินการ กระทั่งมารู้ภายหลังว่านิติบุคคลคนดังกล่าวสนิทกับเพื่อนบ้านคู่กรณี
ด้าน นายเอกภพ บอกว่า ทางเทศบาลต้องเข้าไปดูแล และจัดการเรื่องนี้ได้ตั้งนานแล้ว ทำไมทางเทศบาลถึงปล่อยไว้ได้นานขนาดนี้ หลังจากนี้ต้องมีการประสานไปยัง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางบัวทอง เพื่อให้ประสานนายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองบางคูรัดต่อไป รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายในการจัดการด้วย