ไม่หวั่น "บิ๊กโจ๊ก" ขู่ฟ้อง ม.157หากไม่สั่งให้ ผบ.ตร. เปลี่ยนคำสั่งออกจากราชการไว้ก่อน ด้าน "วิษณุ" แนะให้รอมติ "ก.พ.ค.ตร."
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ระหว่างเดินขึ้นตึกบัญชาการ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขู่จะฟ้องดำเนินคดี มาตรา 157 กรณีถ้าหากนายกรัฐมนตรี เผิกเฉย ไม่สั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทำการเปลี่ยนแปลงคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
โดยนายเศรษฐา หันมายิ้มให้กับผู้สื่อข่าว พร้อมกับตอบคำถามสั้น ๆ ว่า "ยึดมั่นไปตามกฎหมายครับ" ก่อนจะเดินขึ้นตึกบัญชาการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมทันที
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีสิทธิฟ้อง เพราะเป็นการฟ้องส่วนตัว แต่ไม่ควรฟ้อง ที่สำคัญ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีช่องทางที่จะบำบัดหรือได้รับการเยียวยาอีกหลายช่องทาง ซึ่งควรจะไปใช้ช่องทางปกติ โดยสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็ยื่นฟ้องเช่นกัน เช่น ทางคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ที่เขียนเอาไว้ว่า หากใครได้รับความเดือดร้อนจากผู้บังคับบัญชา สามารถยื่นร้องทุกข์ได้ ต้องปล่อยให้หน้าที่ ก.พ.ค.ตร.ในการตัดสิน หากตัดสินอย่างไรให้เป็นไปตามนั้น เวลานี้เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ ก.พ.ค.ตร. ฉะนั้นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า อนุ ก.ตร.ไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ต้องถูกส่งไป ก.พ.ค.ตร. เพื่อวินิจฉัย คาดว่าจะรู้ผลประมาณ 1 เดือน
ส่วนกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไปยื่นฟ้อง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผบ.ตร. และคนอื่น ๆ ถือเป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่เกี่ยวกับองค์กร ไม่เกี่ยวกับกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และขอย้ำประโยคนี้ว่า เขาออกแบบไว้ให้ ก.พ.ค.ตร. เป็นผู้ตัดสินปัญหา ก็ต้องใช้ช่องทางนี้ หากผลตัดสินของ ก.พ.ค.ตร.ไม่เป็นที่พอใจ ก็ไปร้องศาลปกครองได้อีก