"ทนายอนันต์ชัย" นำทีมบุกกองปราบ แจ้งความเอาผิด "เชื่อมจิต" อีก 6 ข้อหา
วันนี้ 25 มิ.ย. เวลา 10.00 น. ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วย ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิฯ ,ดร.อธิเทพ ผาทา (มจร.) ,นางชลิดา พะละมาตย์ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับลัทธิเชื่อมจิต เพิ่มเติมอีก 6 ข้อหา ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบกลาง ถ.พหลโยธิน
ทนายอนัยตชัย กล่าวว่า วันนี้เรามีเป้าหมายร่วมกันคือ กำจัดกลุ่มลัทธิเชื่อมจิตที่ทำลายพระพุทธศาสนา และไม่ยอมรับมติของมหาเถรสมาคม ซึ่งมีมติที่ระบุชัดเจนว่า “เชื่อมจิตเป็นลัทธิ” โดยมติของมหาเถรสมาคม มีทั้งหมด 7 หัวข้อ เปรียบเสมือนเป็นกำแพงแก้ว 7 ชั้น ที่ใช้ในการปกป้อง สื่อมวลชนและประชาชนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีลัทธิดังกล่าว โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนอีกฝ่ายฟ้อง ทนายอนันต์ชัย ยังยืนยันว่า ขณะนี้ทางสำนักพุทธฯ ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษกลับกลุ่มลัทธิเชื่อมจิต ในเรื่องของ พ.ร.บ. คอมคอมพิวเตอร์ เรียบร้อยแล้ว ในส่วนของ พม. คาดว่าจะดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษภายในต้นเดือนกรกฎาคมนี้
ชมคลิป : ก๊วนเชื่อมจิต แตกแน่ เจอทั้งหมายเรียก-หมายจับ ซัดตัวการใหญ่คือ..
นอกจากนี้ ทนายอนันต์ชัย บอกว่าส่วนตัวคิดมาเสมอว่าเด็กชายวัย 8 ขวบ เป็นเหยื่อของเรื่องนี้ แต่กลับพบว่าการดำเนินการกับผู้เห็นต่างจากกลุ่มเชื่อมจิต ก็มักจะเอาเรื่อง พ.ร.บ.คุมคุ้มครองเด็ก เข้ามาดำเนินการกับทุกคน ซึ่งตนก็เห็นว่าเด็กชายวัย 8 ขวบ ได้มีการออกมาไลฟ์สด ว่าจะเอาผิดกับพวกเราทั้งหมด ซึ่งตนมองว่าอีกฝั่งพูดได้ แต่ฝั่งเราพูดไม่ได้ เนื่องจากอีกฝั่งใช้ พ.ร.บ.เด็กเข้ามาเป็นกำแพง ในการปิดกั้น ทำให้ในวันนี้ ตนและกลุ่มมีความจำเป็น ที่จะดำเนินคดีกับเด็ก แม้จะรู้ว่าเด็กมีความผิดได้ แต่ไม่ต้องรับโทษ แต่จุดประสงค์คือ หากเด็กมีการกระทำความผิด แล้วพบว่าผู้ปกครอง มีส่วนในการสนับสนุนความผิดดังกล่าว ก็จะมีการกีดกันผู้ปกครองออกจากเด็ก และให้หน่วยงานรัฐ หรือญาตเข้ามาปกครองเด็กต่อไป
ทนายอนันต์ชัย บอกว่า ตนได้ดำเนินคดีกับเด็กชายวัย 8 ขวบรวมทั้งหมด 19 กรรม โดยมีข้อหาต่างๆ คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, ฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.การฟอกเงิน, พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร และประมวลรัษฎากร เมื่อผู้สื่อข่าวสอบทนายว่า ทนายกังวลเรื่องกระแสตีกลับหรือไม่ หากอีกฝั่งจะเอาไปเป็นประเด็นว่า โจมตีว่ารังแกเด็ก ทนายอนันต์ชัยบอกว่า ตนไม่กังวลแต่อย่างใด เพราะทุกคน ทุกมูลนิธิ ทำเพื่อพระพุทธศาสนา และสังคมอยู่แล้ว ซึ่งหากอีกฝ่าจะขู่หรือกระทำการใดๆ ตนก็ไม่สนใจ แต่สิ่งที่ตนสนใจคือ ปอท. เพราะเป็นความหวังของพุทธศาสนิกชนทุกคน
นอกจากนี้ยังมีในส่วนเรื่อง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ กรณีเกี่ยวกับทนายธรรมมราช ที่ได้มีการเรี่ยไรเงินจากพี่น้องประชาชนเพื่อเอาเงินนั้นมาสู้คดีกับอีกฝ่าย
นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนจะมีการกล่าวโทษกับทนายทนายธรรมราช รวม 5 ข้อหา ในเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไร พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งตนได้มีการรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาผิดกับทนายธรรมราชแล้ว ซึ่งหลักฐานทั้งหมด ได้มีการปรึกษาทนายอนันตชัย และตำรวจ แล้วก็พบว่าอีกฝ่ายมีความผิดจริง เนื่องจากทนายธรรมมราช ไม่ได้ไปขออนุญาต ในการเปิดรับบริจาคและการเรี่ยไรในครั้งนี้ รวมถึงยังมีการสืบค้นข้อมูลพบว่า ทนายธรรมราชตั้งแต่เป็นทนายความมา ไม่มีการเสียภาษี จึงอยากสอบถามว่า นี่เป็นการใช้สกุลเงินสวรรค์หรือไม่ ทำไมไม่ได้เสียภาษีเหมือนโลกมนุษย์ นายแทนคุณกล่าว
ทางด้าน นางสาวชลิดา พะละมาตย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวว่า สิ่งที่พวกตนทำวันนี้ เป็นการช่วยเหลือเด็ก เพราะที่ผ่านมาเด็กคือผู้ถูกกระทำ โดยแม่เด็กมักเอา พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก มาหักล้างในส่วนต่างๆ ที่พวกตนทำ หรือเอามาคุ้มกันกับกฎหมายในรัฐธรรมนูญ ในส่วนความเข้าใจ ที่ทางแม่เด็กชายวัย 8 ขวบ มักออกมาพูดเสมอว่า อีกฝั่งที่มีการโจมตีรักลูกของตนนั้นไม่จริง ทางนางสาวชลิดา เผยว่า ในส่วนนี้แม่เข้าใจผิด ทุกคนไม่ได้รักลูกของแม่ แต่เป็นการสงสาร ในส่วนพฤติกรรมความย้อนแย้งของฝั่งแม่เด็กชายวัย 8 ขวบ คือพยายามแบนสื่อ ที่มีการนำลูกของตัวเองออกมานำเสนอข่าว แต่มีการให้สัมภาษณ์โดยเปิดหน้ากับทางทนายธรรมราช ซึ่งก็สงสัยว่าทำไมเอาเด็กมายืนสัมภาษณ์แบบนั้น
สุดท้ายทนายอนันต์ชัย กล่าวไว้ว่า ตนพูดจากใจ ถ้าในวันนี้เขายอมปรับตัว กลับใจ ทางตนยินดีถอนแจ้งความ เพื่อเด็ก แต่ผมเดาไว้เลยว่าไม่มีทางจะกลับตัวแน่นอน ซึ่งตนก็คิดว่า ไม่น่าเกิน 1 เดือน ก็จะเข้าสู่กระบวนการของศาล