นี่เป็นภาพจากกล้องติดอกของสายตรวจรถจักรยานยนต์ของสภ.พระประแดง ที่พบเห็นสองเยาวชนกำลังก่อเหตุลักตัดสายเคเบิ้ลสัญญาณโทรศัพท์ ภายในซอยสุขสวัสดิ์ 66 หมู่ 19 ต.บางพึ่ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ พอเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นสองคนร้ายกำลังก่อเหตุจึงแสดงตัวให้หยุดและจะเข้าจับกุม แต่ปรากฏว่าสองคนร้ายกับขี่รถจักรยานยนต์ซิ่งหลบหนีการจับกุม ตำรวจจึงเปิดปฎิบัติการไล่ล่าสองคนร้าย โดยวิทยุเรียกกำลังเสริมจากสายตรวจที่ใกล้เคียงเข้าสนับสนุนสกัดจับ แต่ด้วยกฎหมายและสิทธิของผู้ต้องหาทำให้ตำรวจไม่สามารถที่จะทำตามยุทธวิธีและใช้วิถีขับขี่รถจักรยานยนต์ไล่ล่าติดตามอย่างกระชั้นชิด เพื่อกดดันให้สองผู้ต้องหารายนี้ ยอมมอบตัว แต่ก็ดูเหมือนไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด และยังคงบิดรถจักรยานยนต์หลบหนีแบบไม่คิดชีวิต ขณะที่ตำรวจเองก็ต้องใช้ความระมัดระวัง หวั่นจะเกิดอุบัติเหตุจนทำให้ถูกมองว่ากระทำเกินกว่าเหตุ จนกระทั่งหลบหนีไปไกลหลายสิบกิโลเมตรจนข้ามอำเภอจากเขตอำเภอพระประแดง เข้าเขตอำเภอพระสมุทรเจดีย์ใช้ถนนประชาอุทิศแล้ววนรถกลับวนไปมา มีบางช่วงที่ผู้ต้องหาที่ซ้อนท้ายรถมา จวนตัวจะถูกจับกุมจึงกระโดดลงจากรถหลังวิ่งหลบหนีแต่สุดท้ายไม่รอด ขณะที่ผู้ต้องหาที่เป็นคนขับยังคนบิดรถหนีการล่าล่าจับกุมจนกระทั่งไปถึงช่วงหนึ่งของการหลบหนี ตำรวจสายตรวจที่ตามมาสมทบพยามสกัดจับกุมแต่ถูกผู้ต้องหาใช้เท้าถีบจนรถจยยของสายตรวจล้มคว่ำกลางถนน แต่ก็ไม่ยอมหยุดจนสุดท้ายยังคงไล่ล่ากดดันจนสุดท้ายตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด แต่ก็มีตำรวจถึงสามนายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้
จากนั้นจึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนพร้อมของกลางมายังสภ.พระประแดง โดยนาย โต้ง นามสมมุติ อายุ 17 ปี (เป็นคนขับขี่) และนาย ทาม อายุ 16 ปี เป็นคนซ้อนท้ายและเป็นคนแบบสายสัญญาณโทรศัพท์ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ โดยมีส.ต.ต.ทิชากร สุภะษร ผบ.หมู่ (ป.)สภ.พระประแดง ได้รับบาดเจ็บหัวเข่าข้างขวาเย็บไป 3 เข็ม จุดกางเกงจีบขาดส.ต.ต.ฐิตพัฒน์ รวมพลังเอก ผล.หมู่ (ป.) สภ.พระประแดง ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทั้งสองข้าง ชุดกางเกงฉีกขาดส.ต.ต.เกียรติศักดิ์ พวยนอก ผบ.หมู่ (ป.)สภ.พระประแดง ได้รับบาดเจ็บที่มือขวาคล้ายถูกของแข็งแทนปลายแหลมแทงจำนวน 1 แผล ส่วนรถจักรยานยนต์ของเจ้าที่ตำรวจได้รับความเสียหาย
ซึ่งผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุจริง ตำรวจจึงแจ้งข้อหาทั้งคู่ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การหลบหนีหรือพาทรัพย์นั้นไป 2. ต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่และทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจ 3.ขับรถไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น พร้อมกับยึดของกลาง รถจักรยานยนต์จำนวน 1 คันคีมตัดสายไฟสีส้มจำนวน 1 ตัว ชุดจับกุมจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นายโต้ง ผู้ก่อเหตุได้เล่าให้ฟังว่า ผู้ก่อเหตุรับสารภาพว่าได้ทำมาแล้ว 2 ครั้งได้เงินมาก็จะนำไปซ่อมรถจักรยานยนต์ ในเขตกรุงเทพฯเที่ยวแรก แล้วเที่ยวที่ 2 ในซอยซีเครท(สุขสวัสดิ์ 66) นำไปขายได้กิโลกรัมละ 240 บาท เที่ยวแรกไปขายได้ประมาณ 1000 บาทโดย ก่อเหตุกับรุ่นพี่และแบ่งเงินกันคนละครึ่งส่วนเที่ยวนี้ได้มากับเพื่อนใหม่ เพิ่งมาครั้งแรก และก็มาถูกจับกุม ตนไม่ได้กินแม่น้ำกระท่อม
ส่วนทางนาย ดุสิต เรืองณรงค์ (ปู่ของทาม) บอกว่าหลานเป็นคนเชื่อฟังแต่ติดเพื่อน หลานไม่ได้ติดน้ำกระท่อมแต่ตนเองก็ไม่เห็นด้วย กับการจำหน่ายน้ำกระท่อมเพราะ มันไม่ดีกับเด็กวัยรุ่นเด็กนักเรียนยังกินเลยเอาไปโรงเรียนก็มีโดยใส่กระเป๋าไปครูบางคนก็ไม่รู้เรื่อง ตนเองไม่อยากให้มีการจำหน่ายน้ำกระท่อมเลยอยากให้เป็นอะไรที่ผิดกฎหมายไปเพราะบางคนเอาไปใช้ถูกก็ถูกเอาไปใช้ผิดก็ผิด โดยตนเองไม่รู้มาก่อนเลยว่าหลานมาขโมยลักตัดสายไฟ หลานชายของตนเองนิสัยดีอยู่กับบ้านไม่ได้ออกไปไหน แต่หลังจากมาคบกับเพื่อน ก็ติดเพื่อน ส่วนน้ำกระท่อมหลานก็กินแต่หยุดไปพักนึงแล้ว ซึ่งตนเองก็ด่า ส่วนจุดที่มีการจำหน่ายน้ำกระท่อม เป็นจุดบอดโดยไม่ต้องมาต้มที่บ้านแล้วก็ง่ายและสะดวกโดยการไปซื้อเอา แล้วก็มีตัวยาชนิดอื่นผสมซึ่งทำให้เด็กมีปัญหา อาจจะทำให้เด็กไม่เกรงกลัวเลย เวลากินแล้วอาจจะนิสัยเปลี่ยน ซึ่งเมื่อก่อนนิสัยดีพ่อแม่ไม่เคยเถียงเดี๋ยวนี้ก็มีปากเสียง