จากกรณีเมื่อวานที่ผ่านมาได้มีผู้แจ้งเหตุบริเวณหน้าร้านอาหาร ด้านข้างสน.มักกะสัน ซอย เพชรบุรี 47 เป็นชาย 40 ปี ล้ม ชักเกร็ง
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังร้านบุฟเฟ่ต์อาหารจีนแห่งหนึ่งย่านมักกะสัน โดยเมื่อมาถึงได้พูดคุยกับนายสมคิด (นามสมมติ) อายุ 24 ปี รปภ. ร้านบุฟเฟ่ต์อาหารจีน โดยนายสมคิดเผยว่าช่วงค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา ได้มีชายคนหนึ่งนั่งแท็กซี่มาจอดบริเวณบริเวณหน้าร้าน ก่อนที่ตนจะออกไปต้อนรับเพราะเห็นว่าเป็นแขกที่จะเดินทางเข้ามารับประทานอาหารภายในร้าน ซึ่งพอตนเดินเข้าไปต้อนรับ ชายคนดังกล่าวก็ถึงกับยื่นทิปให้ก่อนเลย 20 บาท และตนก็พาส่งขึ้นลิฟต์ไปทานอาหาร
ก่อนที่อีก 1 ชั่วโมงต่อมา ชายคนดังกล่าวจะถูกหิ้วปีกมาโดยพนักงานร้านบุฟเฟ่ต์อาหารจีน ซึ่งทางตรงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงต้องมีการหิ้วปีกลงมาถึงขนาดนี้ แล้วตนก็ไปช่วยหิ้วปีกอีกแรง และนำชายคนดังกล่าวมานั่งอยู่บริเวณหน้าร้าน ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะล้มตึงลงจากเก้าอี้แล้วลงไปชัก นอนตาเหลือกเหมือนอาการของโรคบางอย่างกำลังกำเริบ และเมื่อตนเห็นเช่นนี้จึงรีบโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เข้ามา ช่วยเหลือโดยทันที
ซึ่งไม่นานทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เดินทางมาถึงและเมื่อเห็นว่าชายคนดังกล่าวกำลังนอนหมดสติจึงรีบวิ่งมาทันที ก่อนที่ในที่สุด ทางกู้ภัยคนดังกล่าวจะหัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า “ลุงมานพเอาอีกแล้วเหรอเนี่ย” ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะลุกขึ้นมานั่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินออกไปทันที จากนั้นทางกู้ภัยก็ได้แยกย้ายกันออกไป
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ก็พอจะทราบวีรกรรมลุงมานพจากทางกู้ภัยมาบ้างแล้ว ว่าลุงมานพนั้นแสบขนาดไหน หลังจากนี้ในฐานะที่ตนเองเป็นรปภ. หากเห็นหน้าลุงมานพ ก็คงจะจะต้องถามก่อนว่าวันนี้พกเงินมาด้วยไหม ถ้าไม่พกเงินมาก็คงจะให้เข้าร้านไปกินฟรีแบบนี้อีกไม่ได้เป็นครั้งที่สอง
จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางโมโม่ ชาวเมียนมา อายุ 26 ปี พนักงานในร้านบุฟเฟ่ต์อาหารจีน ซึ่งนางโมโม่ เล่าว่าช่วงค่ำของเมื่อวานที่ผ่านมา ลุงมานพได้เข้ามารับประทานอาหารที่ร้าน โดยก่อนที่จะสั่งอาหารได้บอกเดี๋ยวจะมีเพื่อนมาอีก 4 คน จากนั้นลุงมานพก็ได้นั่งลงที่โต๊ะและได้ทำการสั่งอาหาร โดยสั่งอาหารมาหนึ่งเซต เซตละ 999 บาท พร้อมสั่งเบียร์แบบบุฟเฟต์ด้วย ซึ่งราคาอาหารทั้งหมดจะรวมกันประมาณ 1,700 บาท ซึ่งในขณะที่รับประทานทางพนักงานก็ได้มีการเข้ามาดูแลทางลุงมานพในฐานะลูกค้าคนหนึ่ง ทำให้ลุงมานพได้มีการแจกทิป ให้กับพนักงานในร้านที่เข้ามาดูแลลูกมานพกันคนละ 20 บาทอีกด้วย
โดยเมื่อลุงมานพรับประทานอาหารเสร็จ ก็เริ่มอยู่ในสภาพมึนเมา จากการรับประทานเบียร์บุฟเฟ่ต์ และมีการขอบุหรี่จากทางร้าน ซึ่งทางร้านบอกว่าบุหรี่ของทางร้านเป็นบุหรี่นำเข้าจากจีนมีราคาแพง โดยราคาอยู่ที่ 700 บาทต่อซอง จึงบอกไปว่าลุงมานพจะไหวเหรอ แต่ลุงมานพบอกว่าไม่ต้องสนใจเอามาเลย นั่นจึงทำให้ทางตนบอกกับลุงมานพว่าขอให้ไปเช็กบิลอาหารที่กินก่อน และเมื่อขอเช็กบิลอาหารทางลุงมานพก็บอกว่าตัวเองไม่มีตังค์จ่าย
ทำให้ทางร้านจึงปรึกษากันว่าถ้าลุงมานพมีตังค์จ่าย ก็ถือซะว่าทำบุญให้ลุงแกไป ก่อนที่ทางพนักงานในร้านจะหิ้วปีกลุงมานพ ขึ้นลิฟต์แล้วลงมาจากร้าน ก่อนที่จะมารู้อีกทีว่าลุงมานพคนที่กินแล้วชะตาที่ร้านเคยก่อวีรกรรมไว้อย่างมากมายในลักษณะดังกล่าว ก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าลุงมานพจะเป็นคนแบบนี้
กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางร้านไม่เคยมีลูกค้าที่ทำแบบนี้มาก่อน และกลับลุงมานพเองหากลุงมานพจะกลับมารับประทานอาหารที่ร้านอีกครั้ง ทางร้านก็ไม่ห้าม แล้วก็จะต้อนรับเหมือนเดิม แต่ก็คงจะถามก่อนว่าวันนี้ที่มาทานมีตังมาจ่ายไหมถ้าไม่ก็คงจะให้นั่งที่ร้านอย่างเดียวและไม่เอาอะไรให้ทาน
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่บ้านของลุงมานพ ในย่านพระโขนง และเมื่อมาถึงบ้านของลุงมานพ ก็ได้พบกับยายตุ้ม (นามสมมติ) เป็นป้าเลี้ยงของลุงมานพ โดยยายตุ้มเผยว่า วันนี้ลุงมานพออกไปหาหมอตั้งแต่เช้าแล้ว ยังไม่กลับมาและไม่รู้ว่าจะกลับมาตอนไหน ซึ่งประวัติของลุงมานพนั้น พ่อของลุงมานพ เอาลุงมานพมาฝากให้เลี้ยงไว้ที่บ้านตนตั้งแต่แบเบาะ ก่อนที่จะไม่มารับกลับอีกเลย ทำให้ทางตนต้องเป็นคนดูแลลุงมานพเอง และตั้งแต่เล็กๆลุงมานพก็มีอาการจิตเวชพ่วงด้วย ทำให้มักจะทำอะไรไม่เหมือนชาวบ้านเขา
กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นก็ยอมรับว่าสิ่งที่ลุงมานพทำคือการกินแล้วชักดาบ ตนเองชินแล้วเพราะก็ต้องเป็นคนคอยตามจ่ายตังให้ลุงมานพอยู่ร่ำไป แต่ทั้งนี้ก็เคยคุยอย่างจริงจังกับลุงมานพแล้วว่าอย่าไปชักดาบแบบนี้อีก แต่ลุงมานพก็ไม่ฟังและขึ้นเสียงใส่ ทำให้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีแล้วให้ลุงมานพไม่ทำแบบนี้อีก อีกทั้งเรื่องที่ลุงมานพกินสุราและมักจะมีอาการแน่นหน้าอกตนเองก็เคยเห็นมาบ้าง และไม่รู้ว่าทำไมเวลาถึงตุลาจะต้องมีอาการแน่นหน้าอกทุกทีไป จึงได้สั่งห้ามให้ลุงมานพห้ามดื่มสุราเด็ดขาดซึ่งในตอนที่อยู่บ้านและไม่ดื่มสุราก็ไม่เคยมีอาการแน่นหน้าอกอีกเลย
สุดท้ายถ้าการบอกการกล่าวแบบนี้ ยังคงไม่สามารถหยุดพฤติกรรมชักดาบของลุงมานพได้ หลังจากนี้ตนก็คงไม่ไหวในเรื่องของการตามจ่ายค่าชักดาบให้ลุงมานพ ก็คิดว่าหากตายจากกันลุงมามานพก็คงจะคิดได้ว่าหากไม่มีคนจ่ายก็คงจะไม่กล้าทำพฤติกรรมแบบนี้อีก