จากกรณีที่เด็กหญิง อลิส วัย 3 ขวบ หายไปจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนพบจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำกลางทุ่งนา ระยะห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไปประมาณ 800 เมตร เมื่อเวลา 12.40 น.ของวันที่ 14 มิ.ย. 67 ซึ่งพ่อแม่ยัน ไม่ปักใจเชื่อลูกตนเองเดินไปยังจุดเกิดเหตุ
ล่าสุดวันนี้(25 มิ.ย.67) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ในพื้นที่ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ
โดยช่วงสายของวันนี้ทางญาติๆของน้องอลิส บางส่วนเดินทางไปออกรายการทีวีที่กรุงเทพฯ ส่วนญาติบางส่วนที่อยู่จังหวัดศรีสะเกษ มีการเดินทางไปที่หมู่บ้านบกหนองออ ในพื้นที่ตำบลหนองค้า อำเภอพยุห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งตามข้อมูลที่ทางญาติต้องเดินทางไกลไปถึงพื้นที่ดังกล่าว เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ทางญาติมีความพยายามพึ่งไสยศาสตร์ ทั้งไปดูดวงและไปหาหมอธรรมเพื่อต้องการให้น้องอลิส มาเข้าฝันหรือมาบอกอะไรกับทางญาติบ้าง
โดยบรรยากาศที่สำนักหมอธรรมสมศักดิ์ เมื่อทางญาติไปถึงมีการเขียนชื่อนามสกุลน้องอลิส ให้กับทางพ่อหมอ จากนั้นทางพ่อหมอสมศักดิ์ จึงได้นำชื่อน้องอลิส ไปใส่ไว้บนขันธ์ 5 กระทั่งมีการสวดทำพิธี โดยเท่าที่ทีมข่าวฟัง การทำพิธีทางพ่อหมอมีการขอฟ้าดินให้เปิดทางเพื่อคุยกับน้องอลิส และให้เทวดาฟ้าดินเป็นพยานเพื่อให้น้องอลิส พูดความจริงออกมา
จากนั้นทางพ่อหมอได้มีการสวดบทชุมนุมเทวดา และเมื่อสวดเสร็จ ก็ได้มีการพูดคุยกับทางญาติๆ ของน้องอลิส ซึ่งญาติก็ถามตรงๆ ว่าครูคนไหนเป็นคนทำ โดยพ่อหมอก็บอกว่าตอนนี้เขายังพูดไม่ได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบอกได้แค่ว่าน้องอลิส เห็นและจำเหตุการณ์ได้ทั้งหมด จากนั้นทางพ่อหมอก็มีการแนะนำให้ทางญาติกลับไปทำพิธีจุดธูปในที่เกิดเหตุ และเมื่อทำพิธีเสร็จ พ่อหมอยังบอกกับญาติว่าน้องอลิส จะมาบอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับทางญาติๆเอง และอีกไม่นานผู้ที่ปกปักรักษาสถานที่เกิดเหตุ จะไปดลบันดาลให้คนที่ทำน้องอลิส พูดความจริง
จากนั้นในระหว่างพูดคุยจู่ๆพ่อหมอก็เกิดอาการพูดออกมาไม่เป็นคำพูด ซึ่งเสียงดังกล่าวคล้ายกับเสียงเด็กที่พูดไม่รู้เรื่อง ซึ่งหลังจากสิ้นเสียงดังกล่าว ทางพ่อหมอก็พูดขึ้นมาว่า ออกไปๆ และส่ายหัวโดยบอกว่าน้องอลิส เข้ามาหา แต่วิญญาณอยู่ที่เกิดเหตุ และทางพ่อหมอก็ยืนยันกับญาติว่าน้องอลิส ถูกปิดปากเอาไว้โดยการสะกดวิญญาณ
ต่อมา เวลา 14.00 น. หลังจากกลับมาจากพบหมอธรรมสมศักดิ์ ด้าน ปู่ทวด และญาติของน้องอลิส ได้มีการกลับมาเตรียมอาหาร และของสำหรับประกอบพิธี เช่น ดอกไม้ ธูป เทียน และเหล้าขาว
จากนั้นญาติๆ เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เพื่อทำพิธีเปิดปากน้องอลิส ตามคำแนะนำของพ่อหมอ โดยผู้สื่อข่าวสังเกตุว่าอาหารที่ทางญาติได้เตรียมมาทำพิธีวันนี้ ญาติได้นำสิ่งที่น้องชอบทาน ได้แก่ นมจืด นมเปรี้ยว น้ำหวาน กุ้งต้ม ขนมหวาน ไก่ทอด ดักแด้ทอด บัวลอย และข้าวสวย
สำหรับบรรยากาศ ประกอบพิธีเปิดปากน้องอลิส คุณยายได้จุดธูป 9 ดอก และปู่ทวด ถือจานดอกไม้ โดยได้บอกกล่าวกับเจ้าที่เจ้าทาง พระแม่ธรณี ให้เปิดปากน้องอลิส หากใครทำให้มาบอกกล่าว กับพ่อแม่ และญาติๆ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจภายในวันนี้ พร้อมขอดวงวิญญาณของน้องคืนมาและเป็นอิสระ หลังจากอธิษฐานเสร็จ คุณยายได้นำธูป จำนวน 9 ดอก ปักกลับหัวลงดิน และเอาเหล้าขาว เทราดลงดินด้านข้าง ตามความเชื่อที่พ่อหมอได้แนะนำมาว่าคือ การปลดปล่อย และเปิดปากดวงวิญญาณ
ครูเข้าวัดทำบุญให้น้องอลิส
ทีมข่าวได้เดินทางไปที่วัดบ้านคำไฮ ในพื้นที่ตำบลธาตุน้อย อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี
โดยคุณตาเสงี่ยม อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นมัคทายกวัดบ้านคำไฮ ยืนยันกับทีมข่าวว่าหลังเกิดเหตุประมาณ 3 ไม่แน่ใจว่าวันที่ 17 หรือวันที่ 18 ทางครูหนุ่ย ครูน้อย และนางนิ่ม แม่ครัว ได้เดินทางมาที่วัดจริง ซึ่งวันนั้นเท่าที่จำได้ หลังจากครูหนุ่ย จอดรถแล้ว ทางครู ครูน้อยและแม่ครัวได้มาติดต่อขอเข้าพบพระครู ซึ่งวันนั้นที่ครูหนุ่ย ครูน้อย และแม่ครัว ต้องการเข้าพบพระครู ทั้งสามคนแจ้งว่ามีความประสงค์ที่จะมาทำบุญให้น้องอลิส และต้องการให้พระครูพรมน้ำมนต์ให้เพื่อเป็นศิริมงคล
ซึ่งระหว่างที่นั่งรอพระครู ตนเองก็ถามว่าเรื่องดังกล่าวมันเป็นไปเป็นมาอย่างไร โดยครูหนุ่ย บอกว่าตอนเที่ยงมีการปล่อยเด็กไปกินข้าว จากนั้นก็ไม่รู้ว่าเด็กเดินไปเองหรือมีใครพาไปตรงจุดเกิดเหตุก็ไม่รู้
หลังจากนั้นครูและแม่ครัวก็เข้าไปทำพิธีกับพระครูภายในโบสถ์ ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าเขาให้พระครูทำอะไรให้บ้าง แต่หลังจากพวกเขาออกมา ตนเองสังเกตว่าพวกเขาดูสบายใจขึ้นและยังถามกับตนเองว่า วันหลังถ้าจะมาพบพระครูต้องทำยังไงบ้าง และหลังจากวันนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย
ขณะเดียวกันวันนี้ ทางพระครู ดร.วิสุทธิกัลยาณคุณ เจ้าคณะตำบลธาตุน้อย ที่ครูหนุ่ย ครูน้อย และแม่ครัว ขอเข้าขอพบในวันนั้น ได้มีการเปิดโบสถ์ซึ่งเป็นสถานที่ที่ครูมาขอเข้าพบ ซึ่งพระครู ก็มีการให้ทีมข่าวถวายสังฆทาน และรดน้ำมนต์
ซึ่งพระครูดร.วิสุทธิกัลยาณคุณ เจ้าคณะตำบลธาตุน้อย ยืนยันว่าวันดังกล่าวที่ครูมาถวายสังฆทาน และขอให้พระครูสวดอุทิศส่วนกุศลไปให้น้องอลิส ซึ่งหลังจากครูถวายสังฆทานแล้ว ทางพระครูจึงให้ครูหนุ่ย ครูน้อยและแม่ครัว ตั้งจิตอธิษฐานสวดนะโมเท่าอายุตัวเขาเองเพื่อให้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
เรื่องราวดังกล่าว ในฐานะที่พระครูก็เป็นพระนักธรรมที่สอนพระทั่วประเทศมามากว่า 45 พรรษา พระครูอยากจะให้พ่อแม่น้องอลิส ทำความเข้าใจกับครูทุกคนก่อน ซึ่งการที่เราไว้วางใจให้ลูกไปเรียนกับเขา เท่ากับเราฝากเด็กอยู่กับพ่อแม่คนที่สอง ขณะเดียวกันเรื่องของครูกับนักเรียน ทางพระครูยังบอกอีกว่า พระครูเข้าใจว่ามีครูบางคนอาจจะสอนนักเรียนรุนแรงไปหน่อย ทำให้ชาวบ้านมีความเกลียดชังคุณครู
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ชาวบ้านไปหาหมอธรรมในวันนี้ ทางพระครู อยากจะเตือนสติให้คิดให้ดีและอย่างหลงเชื่อแบบ งมงาย ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ไม่มีครูคนไหนฆ่าเด็กตัวเล็กๆได้ลงคอ เรื่องที่เกิดขึ้นมันอาจจะเป็นเรื่องที่เกิดโดยไม่มีใครคาดคิดก็เป็นได้ ซึ่งมือที่สามในเหตุการณ์นี้อาจจะมาทำให้เรื่องดังกล่าวซับซ้อนก็ได้ ทั้งนี้ก่อนจบการสัมภาษณ์ ทางพระครูยังอธิฐานให้น้องอลิส ไปสู่พบภูมิที่ดี ส่วนคุณครู ก็ขอให้พ้นจากทุกข์ภัย และถ้าไม่ผิดก็ขอให้ทำดีกันต่อไป
โดยครูน้อย เปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันที่ 20 มิ.ย. ช่วงเวลา 11.00 น. ตนได้ไปทำบุญถวายสังฆทานให้กับน้อง และอาบน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ โดยพระครูเป็นผู้ทำพิธีให้ ซึ่งในวันนั้น ตนรู้สึกไม่สบายใจ จากข่าวต่างๆ ซึ่งถูกชาวบ้านมองไม่ดี เพราะตนเองทำงานมานาน กว่า 24 ปี ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ ครูจึงไปหาที่พึ่งทางใจ เพื่อทำบุญให้น้อง และยังได้บอกกล่าวให้ผลบุญนี้ถึงน้องอลิส และดลบันดาลให้จับคนร้ายได้เร็วๆ ซึ่งคุณครูเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้ทำให้น้องถึงแก่ความตายและดูแลน้องจนวินาทีสุดท้ายอย่างสุดความสามารถ ตอนที่น้องออกไปก็ไม่รู้ว่าตอนไหนเหมือนกัน อีกทั้งในวันที่ไปทำบุญ มีครูหนุ่ย ครูน้อย และป้านิ่ม ที่ไปทำบุญร่วมกันและอาบน้ำสะเดาะเคราะห์
ส่วนในเรื่องที่ทางครอบครัวสงสัยเกี่ยวกับทาง ไสยศาสตร์ ตนยืนยันว่าไม่มี ตนเพียงไปทำบุญ ซึ่งพระครูยังให้ฝ้ายผูกแขนกับตนเองมาอีกด้วย (พร้อมยื่นแขนโชว์ฝ้ายในมือ) พร้อมกับนำบทสวดมนต์ ที่ให้ระบุถึงน้อง ซึ่งตนก็สวดให้น้องทุกวัน และเจ้ากรรมในเวร จะได้จากกรรมหนักเป็นเบา
อีกทั้งในวันนี้ที่ตนได้ถูกเรียกสอบ จากคณะกรรมการคุณครูไม่ขอตอบเพราะว่าได้สอบกับคณะกรรมการทั้งสามท่านไปแล้ว
ส่วนไทม์ไลน์ ของตาโมเดล ที่แจ้งว่า ขณะที่รับน้องโมเดลเจอคุณครูทั้งสามคนอยู่ครบ แต่ไม่ได้ออกตามหา ตนขอชี้แจงว่า ช่วงนั้นทางคุณครูยังไม่ทราบน้องหายตัวไป ทางครูหนุ่ยกำลังจัดเตรียมที่นอน ส่วนครูปูเป้กำลังเตรียมขวดนม และผ้าอ้อมสำเร็จรูป ส่วนครูน้อยกำลังดูที่นอนที่ยังไม่มีใครนำไปปู และขณะนั้นครูทั้งสามคนก็ยังอยู่ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กตามที่ตาน้องโมเดลเห็นเพราะยังไม่ทราบว่าน้องหายไป
สำหรับสภาพจิตใจหลังจากที่ได้ไปอาบน้ำมนต์มารู้สึกดีขึ้น เพียงเล็กน้อย แต่ตนก็ได้พยายามสวดมนต์และแผ่เมตตาให้น้องทุกวัน ซึ่งเช้านี้ ตนก็เพิ่งสวดมนต์และกรวดน้ำพร้อมอธิษฐานให้น้องอลิสดลบันดาลให้จับคนร้ายได้ไวๆ และสุดท้ายนี้ครูก็บริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปทำร้ายน้อง ซึ่งตนก็รักเด็กยิ่งกว่าลูกของตนเอง ไม่กล้าตีเด็ก และยังพูดกับเด็กเพราะ เสมอ โดยอยากให้เด็กๆ ที่มาเรียนเชื่อใจคุณครู
วันที่ 25 มิ.ย.67 ทีมข่าวช่องแปดลงพื้นที่ไปยัง องค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม โดยวันนี้ ทั้ง 4 คน ครูหนุ่ย ครูน้อย ครูปูเป้ และ ป้านิ่มแม่ครัวศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ได้เดินทางมายัง องค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม เพื่อสอบข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการส่วนกลาง จากทางอำเภอที่ได้มีการแต่งตั้งมา โดยเจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปรับฟัง
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายมุนินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม เปิดเผยว่า วานนี้ ที่คุณกันจอมพลังเดินทางมาไม่ได้มีการพบเจอกับครูทั้ง 3 คน
เนื่องจากทางครูปูเป้ ได้เดินทางมายัง อบต.คอนกาม เพราะถูกเรียกสอบข้อเท็จจริง หลังจากที่ได้ตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางเข้ามาสอบหาข้อเท็จจริง ของไทม์ไลน์วันเกิดเหตุ ประกอบด้วย ปลัด และเจ้าหน้าที่คณะกรรมการของส่วนกลางทั้งหมด โดยจากที่ตนได้มีการพูดคุยกับครูปูเป้ หลังเข้าไปสอบสวนวานนี้ สภาพจิตใจของครูค่อนข้างเครียด และกังวล เป็นเรื่องปกติของคดี แต่ก็ปล่อยให้ไปตามรูปคดี และยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
อีกทั้งวานนี้ ที่คุณกันจอมพลังมา เดิมได้มีการนัดหมายพบเจอกับทาง อบต. แต่ก็ไม่ได้มา จึงได้มีการแค่โทรมาสอบถามพูดคุยกันเรื่องงบประมาณ อีกทั้ง ประเด็นที่ครอบครัวกลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในคดี เนื่องจากกลัวอิทธิพลนักการเมืองในท้องถิ่น ตนยืนยันว่า อบต.จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย อย่างแน่นอน ทั้งชาวบ้าน และตัวครู ทั้ง 3 คน ส่วนตนเองขอเป็นคนกลาง ที่ประสานให้ทั้ง 2 ฝ่าย พูดคุยกัน ขอไม่ยุ่งกับคดี ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และตามความจริง
ชุดสืบซุ่มเงียบเก็บหลักฐานเพิ่ม
ขณะเดียวกันเรื่องคดีที่ญาติร้องกันจอมพลัง ว่าตั้งแต่เกิดเหตุตำรวจไม่เคยบอกว่าทำอะไรคดีคืบหน้าไปถึงไหน วันนี้ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปดูวงจรปิดที่ร้านค้ากลางหมู่บ้าน ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดที่เห็นปู่น้องอลิส ไปส่งน้องอลิส ที่ศูนย์ในวันเกิดเหตุ
ซึ่งกล้องวงจรปิดที่ร้านค้า ในวันที่ 18 มิถุนายน เวลา 12.37 น. พบว่า มีทางตำรวจเดินทางเข้ามาพบเจ้าของกล้องวงจรปิด โดยมีการถามกับเจ้าของกล้องว่า กล้องจุดไหนบ้านที่นักข่าวมาขอไป
จากนั้นตำรวจได้ถามกับป้าคนหนึ่งว่า วันเกิดเหตุเห็นน้องอลิส ตอนกี่โมง ซึ่งชาวบ้านก็บอกว่าตอนเช้านั่นแหละ จากนั้นตำรวจได้มีการนำรูปอะไรสักอย่างให้ป้าคนนั้นดู และเมื่อคุยกับป้าคนนั้นเสร็จ ตำรวจได้มีการให้เจ้าของกล้องวงจรปิดไปยืนชี้กล้องเพื่อนำภาพกลับไปประกอบสำนวนคดี แล้วเมื่อชี้เสร็จ ตำรวจก็เดินออกไปจากร้านในเวลา 12.42 น.
ทีมข่าวช่องแปดได้สอบถามครูน้อยในวันที่เกิดเหตุตนสวมใส่เสื้อผ้าผ้าสีอะไร โดยให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนใส่เสื้อสีส้ม กางเกงขายาวสีดำสามส่วน โดยเสื้อผ้าทั้งหมด ในวันเกิดเหตุถูกตำรวจ ยึดไปตรวจสอบหลักฐานหมดแล้ว ส่วนครูปูเป้สวมเสื้อสีฟ้า และครูหนุ่ยใส่สีชมพู
หลังจากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของครูน้อย พบว่าครูน้อยไม่อยู่บ้านเนื่องจากเดินทางไปสอบข้อเท็จจริง ที่องค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม จึงได้พบกับ คุณตาอาน อายุ 70 ปี (พ่อของครูน้อย) เปิดใจกับทีมข่าวว่า ปกติลูกตนเป็นคนรักเด็ก เด็กๆมักติดครูน้อย โดยหลังจากที่เกิดเหตุมา มีความกังวลและเครียดเป็นธรรมดา เนื่องจากชาวบ้านไม่เข้าใจ ต่างคนต่างพูด ส่งผลให้ครูเสื่อมเสียได้ ตนจึงอยากให้มีความเป็นธรรมตรวจสอบอย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นความจริง ทุกอย่างและมีความบริสุทธิ์ใจจึงไม่มีอะไรให้ต้องคิดมาก ซึ่งลูกสาวของตนกล่าวกับตนว่าในช่วงพักกลางวันหลังจากล้างมือ จึงไม่รู้ว่าน้องหายไปตอนไหน มารู้อีกทีเมื่อเช็คจำนวนเด็กกำลังจะเข้านอน จึงเพิ่งรู้ว่า น้องหายไป ตนก็เตือนลูกสาวว่าอย่าคิดมาก พ่อแม่มีที่นาทำกิน ไม่เป็นไรหากจะถูกออกจากงาน แต่หากลูกของตนบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีความให้ต้องกังวลใจที่ต้องออกจากงาน
พิสูจน์ให้เห็น 3 ขวบตักน้ำ ล้างก้นตัวเองไม่ได้
ขณะเดียวกันวันนี้เรื่องที่ทุกคนยังค้างคาใจกันอยู่ว่า สรุปแล้วเด็กรุ่นเดียวกันกับน้องอลิส นั่งยองๆบนส้วมได้หรือไม่ และเด็กล้างก้นเองได้หรือไม่ วันนี้ทีมข่าวมีการนำถังขนาดเดียวกันกับถังน้ำในศูนย์ไปวางข้างๆโถส้วม และมีการตักน้ำใส่ไปประมาณครึ่งถัง
โดยการจำลองวันนี้ ทีมข่าวช่อง8 ได้รับการร่วมมือจากคุณตาธัน ซึ่งเป็นคนนำหลานชื่อว่าน้องเอวา ที่มีอายุอ่อนกว่าน้องอลิส 1 เดือน เข้าไปจำลองเหตุการณ์ภายในส้วมว่าน้องเอวา นั่งยองๆบนส้วมได้ไหม และน้องเอวา สามารถล้างก้นเองได้หรือไม่
ซึ่งการจำลองรอบที่ 1 ทางน้องเอวา นั่งยองๆบนส้วมได้ แต่พอทีมข่าวตะโกนบอกให้ตักน้ำล้างก้นให้ดูหน่อย ทางน้องเอวา มีการขยับออกจากส้วมแล้วก็หันไปตกน้ำใส่ส้วม
ส่วนการจำลองที่ 2. ทางทีมข่าวได้ปิดประตูห้องน้ำ โดยปล่อยให้ตากับหลานอยู่ในนั้น 2 คน ซึ่งปรากฎว่า น้องเอวา นั่งยองๆ บนส้วมได้แบบสบาย จากนั้นทางคุณตา ได้บอกให้น้องเอวา ตักน้ำล้างก้นให้ดูหน่อย ซึ่งน้องเอวา มีการเอื้อมมือไปหยิบขันในถังน้ำและตักน้ำมาล้างก้นเองได้
ทีมข่าวช่องแปดได้จำลองเหตุการณ์ โยนกระสอบ ซึ่งภายในกระสอบ บรรจุน้ำหนัก เท่ากับน้ำหนักจริงของน้องอลิส 14 กิโลกรัม (ตามน้ำหนักของน้องอลิส) จากนั้นทีมข่าวได้ทดสอบโยนกระสอบลงไปในน้ำ พบว่า หลังจากที่โยนกระสอบลงไป วัตุกระสอบลอยอยู่เหนือผิวน้ำ และหลังจากนั้น ค่อยๆจมลงจากผิวน้ำ โดย ใช้เวลาประมาณ 17 วินาที วัตถุกระสอบตกลง หายไปจากผิวน้ำโดยพบเพียงฟองอากาศอยู่บนผิวน้ำ
พ่อแม่อลิส รอความจริงจากปาก 3 ครู
จากกรณี เมื่อวาน (24 มิ.ย. 67) เวลา 11.30น. นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (หรือ กัน จอมพลัง ) ลงพื้นที่ไปยัง บ้านค้อ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีษะเกษ โดยมีครอบครัวน้องอลิสมารอให้การต้อนรับ มีการผูกผ้าขาวม้า และชาวบ้านในหมู่บ้านที่มาร่วมให้กำลังใจกับครอบครัวน้องอลิส
โดยวันนี้ ทางทีมข่าวได้เดินทางมาพูดคุยกับ นายปริญญา พร้อมด้วย น.ส.พุทธมาลย์ และน.ส.ทองทิพย์ ซึ่งเป็นพ่อแม่และย่าของน้องอลิส ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า หลังจากที่ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ (หรือ กัน จอมพลัง ) ลงพื้นที่ไป ก็สบายใจขึ้น เพราะติดต่อกับหน่วยงานทั้งหมดให้ตน ทำให้เชื่อมั่นว่า จะหาคำตอบเรื่องน้องอลิสได้ และก็ยังคงไม่ได้มีครู หรือใครเข้ามาพูดๆคุยด้วยเหมือนเดิม ตนไม่เชื่อว่า มีใครมาอุ้มน้องหรือชายชุดดำ เสื้อชมพู เกี่ยวข้อง คนที่เกี่ยวและทราบดี คือ ครู ทั้ง 3 คนที่ต้องออกมาตอบ เพราะน้องหายไป ในช่วงที่อยู่ในความดูแล ของคุณครู
สำหรับกระแสเรื่องที่มี ผู้ปกครอง ออกมายืนยันว่า ไม่ไว้ใจให้คุณครูทั้ง 3 ท่าน ดูแลเด็กๆ ต่อ อันนี้ คือ เรื่องจริง เพราะด้านความปลอดภัย กล้องไม่มี และยังเกิดเรื่องแบบนี้อีก
ทั้งนี้ ในส่วนของที่จะก่ออิฐตรงร่างน้องนั้นจริง เพราะกลัวน้องหาย ใครมาเอาลูกตนไป เพราะลูกบริสุทธิ์ มีความเชื่อ และที่มีข่าวว่า มีบุคคลจะทำพิธีปิดปากนั้น ไม่ได้ยินในเรื่องนี้ หรือแม้กระทั่งที่มีข่าวว่า จะมีคนฟ้องสื่อ ในการลงไปหาข้อมูล ก็อยากถามกลับว่าจะฟ้องในเรื่องใด เพราะสื่อทำหน้าที่ของเขาเช่นกัน ก็ต้องหาความจริง
ขอยืนยันว่า น้องไม่มีทางจะเดินไปเองได้ คนที่ตอบได้คือ ครูต้องพูดความจริง ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่เงียบ และในประเด็นในวันเกิดเหตุน้องไม่อยากไปโรงเรียน ตนมองว่า เป็นการงอแงปกติ ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะน้องเป็นเด็กร่าเริง พัฒนาการดีมาก เป็นนักร้องประจำศูนย์ คนที่ไปเขาจะมีแค่คนในครอบครัวเท่านั้น เพราะถ้าไม่สนิท ก็จะไม่ไปด้วย และชอบให้อุ้ม ไม่ชอบเดินไปไหนมาไหน