จากกรณี เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พา นักเรียนชายชั้น ม.3 โรงเรียนชื่อดังระดับประเทศ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอาจารย์ชายคนหนึ่งที่สน.ทองหล่อ หลังก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศมานานกว่า 2 ปี โดยให้เด็กนักเรียน อมอวัยวะเพศ ในห้องเรียน มีการล่วงละเมิดทางเพศทางทวารหนัก ข่มขู่ห้ามไม่ให้บอกใคร ภายหลังอาจารย์เริ่มมีพฤติกรรมซาดิส ทำร้ายร่างกายเด็กหลายครั้ง จนเด็กทนไม่ไหว ตัดสินใจนำเรื่องดังกล่าวมาบอกผู้ปกครองเพื่อพาเข้าแจ้งความดำเนินคดีและในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.ทองหล่อ ได้ไปเชิญตัวครูคนดังกล่าวมาสอบปากคำแล้ว และจากการตรวจสอบโทรศัพท์พบว่า มีคลิปอนาจารเด็กเป็นจำนวนมาก หลังจากสอบปากคำเสร็จได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปไว้ที่ห้องควบคุมตัวผู้ต้องหาของสน.บริเวณชั้น 2 เบื้องต้น พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ แจ้ง 4 ข้อหา ในฐานความผิด

1.พรากผู้เยาว์ 

2.กระทำอนาจารเด็ก 

3.ทำร้ายร่างกายฯ 

4.มีสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในความครอบครอง

 

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ที่ 26 มิ.ย.67 เมื่อเวลา 11.00น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ 

ด้าน พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ เปิดเผยหลังการคุมตัวครูหื่น ว่า เมื่อวานนายเอกภาพ เพจสายไหมต้องรอด ได้พาเด็กและแม่ของผู้เสียหาย ม.3 อายุ 15 ปี มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี กับครูสอนดนตรีไทย เมื่อวานหลังทราบเรื่องก็ได้มีการตรวจสอบ จากการซักถาม พบว่าก่อเหตุตั้งแต่ พ.ค.66 ซึ่งขณะนั้นผู้เสียหายมีอายุเพียง 14 ปี ศึกษาอยู่ชั้น ม.2 ผู้ต้องหาคืออาจารย์สอนวิชาดนตรีไทยในโรงเรียน จากนั้นก็ได้มีการบังคับผู้ต้องหาได้บังคับให้ผู้เสียหายใช้ปากอมอวัยวะเพศให้ และมีการบังคับทุกวันที่โรงเรียนเปิดทำการ ในขณะที่ปิดภาคเรียนต้องมาซ้อมดนตรี ก็ถูกบังคับให้กระทำแบบเดิม และโดนบังคับแบบนี้มากกว่า 100 ครั้ง และผู้ต้องหายังยอมรับว่าได้มีการสอดใส่ จำนวน 2 ครั้ง เมื่อเดือน ต.ค. 66 และ ก.พ. 67 ขณะนั้นผู้เสียหายอายุเพียง 14 ปี จนตอนนี้อายุ 15 ปี ก็ยังมีการกระทำแบบเดิม จนถึงวันที่ 24 พ.ค. 67 เป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งมีการกระทำดังกล่าวรวมแล้ว 105 ครั้ง หลังจากนั้นผู้เสียหายก็ดึงดันไม่ยอมไปพบครู จนวันที่ 20 มิ.ย. ผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย ด้วยการเตะ 1 ครั้ง ผู้เสียหายจึงนำเรื่องทั้งหมดเล่าให้แม่ฟัง ก่อนไปปรึกษาที่เพจสายไหมต้องรอด 

 

เมื่อวานนี้ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 สั่งให้ฝ่ายสืบสวนไปที่โรงเรียน โดยแต่งกายนอกเครื่องแบบ ไปตรวจสอบว่าผู้ต้องหายังอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าพบตัวเลยเชิญตัวมา สน.ทองหล่อ และได้ทำการตรวจสอบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และแฟลชไดรฟ์ 1 อัน จากการตรวจสอบ พบภาพลามกอนาจารของเด็กผู้เสียหายจำนวนมาก สอดคล้องกับคำให้การของผู้เสียหาย ซึ่งคลิปเหล่านี้จะต้องนำมาขยายผลต่อ 

 

ส่วนผู้เสียหายได้ส่งตัวไปตรวจร่างกายที่ โรงพยาบาลตำรวจแล้วเมื่อคืน เพื่อนำผลทางนิติวิทยาศาสตร์มาประกอบในสำนวน 

 

วันนี้ ในส่วนของผู้ต้องหาเองมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ สอบปากคำ และแจ้งสิทธิ์ตามกฎหมาย ในชั้นจับกุม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ 

 

จากการสืบสวนไล่เรียงข้อมูลมีเยอะมาก ในมือถือยังพบคลิปวีดีโอ เมื่อปี 65 ต่อเนื่องถึงปี 67 เชื่อว่าผู้เสียหายไม่ได้มีเพียงคนเดียว ในการถ่ายคลิปผู้ต้องหาไม่ได้บอกวัตถุประสงค์ ว่าถ่ายไว้เพื่อทำการค้าหรือเก็บไว้แบล็คเมลล์ผู้เสียหาย 

 

ทั้งนี้ทางแม่ของผู้เสียหายเคยแจ้งเรื่องดังกล่าวให้ทางผู้ใหญ่ในโรงเรียนทราบแล้ว และทางโรงเรียนรับปากว่าจะมีการตรวจสอบ แต่ถึงปัจจุบันผ่านมากว่า 6 เดือนยังไม่มีความคืบหน้า ครูคนดังกล่าวยังคงมีการสอนหนังสือปกติที่โรงเรียน เหมือนไม่ได้มีการจัดการใดๆ และไม่รู้ว่ามีการจัดการจริงหรือไม่ 

 

ซึ่งวันนี้ตลอดทั้งวัน พนักงานสอบสวนจะเค้นสอบปากคำผู้ต้องหาอย่างหนัก ก่อนจะฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้

 

ต่อมาเวลา14.30น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงานสายไหมต้องรอด และว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมหารือถึงเรื่องที่เกิดขึ้น รวมถึงมาตรการการเยียวยาผู้เสียหาย 

 

โดยหลังการประชุมร่วมกันกว่า 1 ชั่วโมง คณะประชุมได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า เบื้องต้นได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ซึ่งจะให้รายงานผลทุก ๆ 7 วัน และให้ครูคนดังกล่าวออกจากราชการไว้ก่อนโดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะประสานสำนักงานเลขาธิการคุรุสภาให้พิจารณาพักใช้ใบอนุญาตชั่วคราว 

 

โดยหลังจากนี้ จะถอดบทเรียนและจะกำชับไปยังทุกโรงเรียนที่อยู่ภายใต้สังกัด สพฐ. ว่า ต่อไปนี้หากมีกิจกรรมหลังเลิกเรียน หรือครูต้องอยู่ลำพังกับลูกศิษย์ จะต้องมีผู้ควบคุมเข้ามาสังเกตุการณ์ ห้ามปล่อยให้ลูกศิษย์อยู่ตามลำพังกับอาจารย์

 

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ตกลงร่วมกันว่าจะมีการเยียวยาสภาพจิตใจผู้เสียหาย โดยจะประสานนักจิตวิทยา กรมสุขภาพจิต เข้ามาดูแล ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้เสียหาย ก็ยืนยันว่า มีความประสงค์ที่จะศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้ต่อ เพราะผู้เสียหายชื่นชอบวิชาดนตรี

 

ด้าน นายสมศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนมารับตำแหน่งได้เพียง 6 เดือน ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือนที่ตนมาเป็น ผอ. ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ปกครองหรือนักเรียนคนใดมาร้องเรียนที่โรงเรียนแต่อย่างใด และตนเพิ่งมาทราบเรื่องราวทั้งหมดวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่ผู้เสียหายมาเล่าให้ผู้ปกครองฟัง โดยหลังเกิดเรื่องตนก็ได้ชี้แจงไปที่สำนักงานเขตเพื่อให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ส่วนแชตที่ปรากฏในสื่อว่ามีบุคลากรในโรงเรียนคุยกับผู้ปกครองของผู้เสียหายในลักษณะเจรจาขอไกล่เกลี่ยนั้น ทาง ผอ.เพิ่งมาทราบเรื่องจากข่าว และยังไม่ได้เรียกบุคคลดังกล่าวมาพูดคุยแต่อย่างใด เนื่องจากตอนนี้มีกิจกรรมในโรงเรียนค่อนข้างเยอะ แต่ยืนยันว่าบุคลากรดังกล่าวกระทำการโดยพละการ ไม่ได้มีการปรึกษาคณะผู้บริหารโรงเรียนแต่อย่างใด 

 

ทั้งนี้ ตนในฐานะ ผอ. ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้ปกป้องครูตามที่เป็นข่าว เพราะทันทีที่ทราบเรื่องตนก็ได้รีบรายงานไปที่สำนักงานเขตโดยทันที

 

นอกจากนี้ ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับนักเรียน หลายคนให้ข้อมูลแตกต่างกันออกไป บางกลุ่มก็ให้ข้อมูลว่าว่า ครูคนดังกล่าวมีอารมณ์รุนแรงและชอบถือไม้เรียวตีเด็กอยู่บ่อยครั้ง ส่วนเรื่องพฤติกรรมลวนลามนักเรียนนั้นตนไม่ไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งทันทีที่ทราบเรื่องก็รู้สึกตกใจ และรู้สึกผิดหวังกับครูเป็นอย่างมาก ส่วนอีกกลุ่มก็ให้ข้อมูลว่า ครูคนนี้เรียนด้วยแล้วไม่เครียด เพราะสอนค่อนข้างตลก ส่วนเหตุผลที่ครูมักจะตีเด็ก เป็นเพราะว่าเด็กค่อนข้างดื้อมากกว่า

 

ต่อมาเวลา 16.40น. เจ้าหน้าตำรวจสน.ทองหล่อได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุเพื่อประกอบสำนวนในคดี โดยในระหว่างควบคุมตัวมาทำแผนชี้จุด เกิดเหตุญาติของผู้เสียหายได้ตะโกนด่าทอ ไอ้เลว นรกส่งมาเกิด ไปชดใช้กรรมที่มึงทำไว้ซะ

 

ต่อมาในช่วงเย็น ตำรวจได้ควบคุมตัวจ่าสิบเอก ธรรณ์ธรรศ อายุ 36 ปี หรือครูบุ๊ก ครูสอนวิชาดนตรีโรงเรียนชายล้วนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านคลองเตย มาชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยระหว่างที่ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ได้มีญาติของผู้เสียหายมาตะโกนด่าทอผู้ต้องหาโดยถ้อยคำที่ค่อนข้างหยาบคาย 


หลังทำทำการชี้จุดเป็นเวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง พลตำรวจตรี วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยว่า จุดหลักที่ผู้ต้องหาใช้ในการล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์คือห้องพักครูที่อยู่ในห้องเรียนดนตรีไทย ส่วนอีกจุดคือโรงอาหารซึ่งตรงจุดนี้เป็นจุดสุดท้ายที่ผู้เสียหายถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกาย 

 

ส่วนการพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้น ก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ถ้าหากพบว่าเข้าข่ายความผิดใดก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีกครั้งในภายหลัง 

 

ส่วนเรื่องคลิปที่ผู้ต้องหาถ่ายไว้ขณะล่วงละเมิดทางเพศผู้เสียหาย ที่มีมากกว่า 105 คลิป เบื้องต้นยังไม่พบว่าผู้ต้องหาจะนำไปใช้เพื่อการค้าหรือเก็บไว้แบล็คเมล์ ยืนยันว่ายังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง 

 

ซึ่งในวันพรุ่งนี้พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพฯใต้ฝากขังผลัดแรก

ครูดนตรีล่วงละเมิด นร.ชาย ม.3 ผงะรับสารภาพขืนใจ 105 ครั้ง นานนับ 2ปี