จากกรณี นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 22 ปี อาชีพสาวพีอาร์ ได้โพสต์คลิปลงบนโลกโซเซียล หลังจากที่ตัวเธอถูกสาวประเภทสองชื่อว่า เก๋ รูปร่างใหญ่ พร้อมกับพวกรุมทำร้ายบริเวณหน้าหอพักแห่งหนึ่ง ภายในซอยพัทยาพัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยกล้องวงจรปิดใกล้ข้างหอพัก รวมถึงผู้พักอาศัยที่อยู่ภายในห้องเช่าแอบถ่ายคลิปขณะเกิดเหตุไว้ได้ เหตุเกิดเวลา 23.35 น. ของวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยในคลิปจะเห็นเป็นลักษณะของกลุ่มสาวประเภทสองทำร้ายร่างกาย ทั้งจิกทั้งตบทั้งเตะต่อยหญิงคนหนึ่งนั่นคือ นางสาวเอจนล้มลงกองกับพื้น ท่ามกลางผู้คนที่ดูแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่ง

ล่าสุด (26 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวลงพื้นที่พบกับนางสาวเอ เล่าว่า ตนเองไปค้ำประกันเงินกู้นอกระบบให้กับเพื่อนสนิท จำนวน 30,000 บาท จากนั้นเพื่อนได้หนีไปไม่จ่ายเงิน ทำให้ตนเองต้องรับผิดชอบชดใช้ ซึ่งก็พร้อมที่จะรับผิดชอบแต่เจ้าหนี้ที่มาทวงหนี้นั้นเป็นสาวประเภทสองชื่อว่า เก๋ หรือ เมชิ เข้ามาแสดงตัวว่าเป็นตัวแทนเจ้าหนี้ และตบตีทำร้ายร่างกายตนเองบังคับให้เก็บข้าวของเสื้อผ้า และไปอยู่กับเก๋ ที่ร้านสักแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา

จากนั้นก็บังคับให้ตนเองหาเงินมาใช้คืนด้วยวิธีการขายบริการ โดยใช้โทรศัพท์ของนางสาวเอ หาแขกผ่านทางแอปฯ โดยในหนึ่งคืนจะต้องรับแขก 10 คนขึ้นไป หรือบางครั้งก็ถึง 20 คน ได้เงินรายละ 2,000 ถึง 3,000 บาท เมื่อได้เงินเสร็จก็จะต้องเอาเงินส่งให้กับเก๋ทันที ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว โดยตนเองใช้หนี้จนครบ 30,000 บาทแล้ว แต่เก๋ก็ยังไม่พอใจบอกว่าขออีก 5,000 บาท เป็นค่าดำเนินการ นางสาวเอก็ต้องไปขายบริการเพื่อที่จะได้ให้เงินจำนวน 5,000 บาท กับเก๋เท่านั้นไม่พอ อยู่ดี ๆ เก๋ก็มาทราบข้อมูลว่าตนเองและแฟนหนุ่มเป็นหนี้จำนวน 90,000 บาท กับบุคคลคนหนึ่ง เก๋จึงออกอุบายว่าเจ้าของเงินสั่งให้ชดใช้หนี้ โดยให้เก๋เป็นคนทวง

ตอนนั้นนางสาวเอก็ตกใจว่ารู้ข้อมูลได้อย่างไร แต่ก็ยินยอมที่จะใช้หนี้จึงยอมขายบริการและทำตามคำสั่งของเก๋ทุกอย่างโดยระยะเวลา 1 เดือน 15 วัน ต้องทำงานขายบริการตั้งแต่เที่ยงวันจนถึง 6 โมงเช้าของอีกวัน ทำให้ได้รับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีช่วงหนึ่งที่เกิดปัญหาอวัยวะเพศฉีกขาดเป็นแผลทำให้ต้องไปหาหมอ เก๋ก็พาไปหาหมอแต่เสร็จแล้วก็บอกให้ออกไปรับงานเพื่อที่จะได้เงินมาใช้หนี้ รวมเบ็ดเสร็จแล้วตนเองหาเงินให้เก๋จำนวน 180,000 บาท ซึ่งเป็นหนี้เพียงแค่ 110,000 บาท เท่านั้น

และตนเองก็มาเอะใจว่าเงินที่เก๋เก็บไปนั้น นำไปให้เจ้าหนี้จริงหรือไม่ ปรากฏว่าในจำนวน 30,000 บาท นำไปให้เจ้าหนี้จริง แต่ในส่วน 90,000 บาท รวมทั้งค่าติดตาม ที่เก๋สั่งให้นางสาวเอจ่ายเงินนั้นเงินไปไม่ถึงเจ้าหนี้ โดยนางสาวเอเชื่อว่าเก๋นำเงินไปใช้เอง โดยใช้ตนเองเหมือนเป็นเหยื่อในการหาเงินให้กับเก๋ใช้ และเมื่อช่วงวันที่ 23 มิถุนายน ตนเองก็หนีออกมาจากร้านสักโดยถือโอกาสตอนช่วงที่ทุกคนหลับหนีออกมา และมาแอบอยู่กับแฟนโดยไม่กล้าออกไปไหน เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย และตอนนี้เกรงกลัวทุกอย่างไม่กล้าแม้กระทั่งออกไปซื้อข้าว เพราะภาพเหตุการณ์การกระทำความรุนแรงและการบังคับให้ขายบริการทางเพศ ยังอยู่ในความทรงจำอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จะมีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่ และต้องทนอยู่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

เมื่อพูดถึงประโยคนี้นางสาวเอก็ร้องไห้ เพราะกลัวกังวลกับพฤติกรรมของเก๋ เพราะนอกจากจะใช้ความรุนแรงแล้วยังอ้างว่ารู้จักกับผู้มีอิทธิพลในเมืองพัทยาและรู้จักกับตำรวจ เคยให้ชายฉกรรจ์ใส่เสื้อกั๊กมาเคาะประตูห้องเพื่อเรียกให้ตนออกมา แต่ตนเองไม่ออกมา จนกระทั่งเกิดเรื่องเก๋พยายามจะปีนเข้าห้องนางสาวเอ เห็นว่ากลัวจะเป็นเรื่องใหญ่จึงออกมาพบก็ถูกเก๋ทำร้ายร่างกายครั้งหนึ่งอยู่บริเวณล็อบบี้ จนต้องมีคนเข้ามาห้ามและเป็นช่วงจังหวะที่รถสายตรวจของตำรวจผ่านเข้ามาจึงเข้ามาดำเนินการ และบอกว่าเก๋ทำแบบนี้กับนางสาวเอไม่ได้ และแนะนำให้นางสาวเอไปแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ทีมข่าวช่อง 8 ยังได้รับภาพกล้องวงจรปิดจากตัวแทนของร้านสัก ที่นางสาวเออ้างว่าถูกนำมากักขังไว้ที่นี่ โดยพบว่าในวงจรปิดนางสาวเอไม่ได้มีการถูกจับมัดมือมัดเท้า หรือกักขังแต่อย่างใด อยู่ในร้านตามปกติ และนั่งอยู่ข้างกับเก๋โดยไม่มีท่าทีว่าเป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือทำร้ายบังคับแต่อย่างใด ทุกอย่างดูเหมือนปกติ

ล่าสุดทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวทองใบ แม่ค้าขายผลไม้ซึ่งอยู่ติดกับร้านสักที่นางสาวเอ อ้างว่าถูกเก๋นำมากักขังไว้ที่นี่ โดยนางสาวทองใบ เล่าว่า การกักขังนั้นไม่เห็นว่ามีพฤติกรรมดังกล่าว เพราะยังเห็นนางสาวเอเดินออกมาซื้อเครื่องดื่มและอาหาร อีกทั้งยังขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปมาเหมือนคนปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงไม่รู้ว่าภายในร้านจะมีการกักขังอะไรกันหรือไม่ แต่จากสายตาที่เห็นพบว่าตลอดระยะเวลากว่า 20 วัน ที่นางสาวเออยู่ที่ร้านสักนั้น ไม่มีการกักขังแน่นอน