จากกรณีที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุนายทศพร อายุ 27 ปี ถูกคนร้ายใช้อาวุธมีคมแทงเข้าตามร่างกายฝั่งขวาตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงต้นขา รวมถึง 7 แผลเสียชีวิตภายในร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด (20 บาท) กลางหมู่บ้านหนองเสือบอง หมู่ที่ 8 ต.อรพิมพ์ อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เมื่อกลางดึกวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา ก่อนจะหลบหนีไป




ล่าสุด (26 มิ.ย. 2567) เมื่อเวลา 10.35 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ควบคุมตัวนายเกียรติภูมิ หรือ เท่ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีดังกล่าว มาทำการสอบปากคำที่ สภ.ครบุรี ภายหลังจากทางแม่ผู้ต้องหาติดต่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.ครบุรี ในช่วงเช้าวันนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวมาดำเนินคดี และนำตัวผู้ต้องหาฝากขังทันที พร้อมกับแจ้งข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย , ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และบุกรุกเคหสถานในเวลากลางคืน และยังมีคดีเก่าที่ยังอยู่ในระหว่างการประกันตัวสู้คดีอีก 1 ข้อหา คือ กระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุกเข้าไปภายในห้องนอนของชาวบ้านภายในหมู่บ้านเดียวกันนี้ เมื่อเดือนมีนาคม 2566 ที่ผ่านมา


โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหามาโดยรถยนต์และใช้เส้นทางด้านหลัง สภ.ครบุรี เพื่อนำตัวผู้ต้องหามาทำการสอบสวนภายในห้องสืบสวน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตเกือบ 10 คน ที่มายืนรอดูหน้าผู้ก่อเหตุ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงหรือรุมประชาทัณฑ์ขึ้น แต่ก็ยังมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเล็กน้อย


โดยในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ เพื่อเดินทางไปเก็บหลักฐานเพิ่มเติม ทางบรรดาญาติพี่น้อง รวมทั้งแฟนสาว และพ่อของผู้ตายพยายามที่จะเปิดประตูรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดูหน้าผู้ก่อเหตุ และตะโกนถามถึงสาเหตุในการลงมืออย่างเหี้ยมโหดในครั้งนี้ แต่กลับไร้เสียงโต้ตอบหรือคำขอโทษใด ๆ จากผู้ต้องหา




ขณะที่กล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณเยื้องบ้านของผู้ต้องหา พบว่าช่วงเวลา 19.27 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก่อนเกิดเหตุ กล้องวงจรปิดจับภาพนายกิตติพงศ์ผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน ก่อนจะเลี้ยวผ่านหน้ากล้องวงจรปิดไป โดยคาดว่าช่วงเวลาดังกล่าวนายเกียรติภูมิกลับไปง้อแฟนสาว หลังจากทะเลาะกันที่ร้านเนื้อย่าง และกล้องวงจรปิดในละแวกที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างจากร้านค้าประมาณ 100 เมตรและอยู่ห่างจากบ้านของนายเกียรติภูมิ ผู้ต้องหา 100 เมตร พบว่า เวลาประมาณ 02.39 น. นายเกียรติภูมิขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในบ้าน ซึ่งคาดว่าเพิ่งจะกลับมาจากบ้านแฟนสาว


จากนั้นกล้องวงจรปิดที่บริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุ สามารถบันทึกเสียง ในขณะที่ภรรยาของผู้เสียชีวิตกรีดร้อง ขอความช่วยเหลือ จากชาวบ้านในพื้นที่ หลังโดยนายเกียรติภูมิใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียชีวิตประมาณ 7 แผล จากนั้นก็จะเห็นนายเกียรติภูมิ วิ่งเท้าเปล่าผ่านกล้องวงจรปิด กลับไปที่บ้าน ด้วยความเร็ว และอยู่ในอาการตกใจ หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงหมาที่อยู่ภายในซอยบ้านของนายเกียรติภูมิพากันเห่า


หลังจากนั้นกล้องวงจรปิดภายในซอยบ้านของนายเกียรติภูมิ จับภาพเวลา 03.04 น. ต่อเนื่องจากกล้องบริเวณใกล้กับจุดเกิดเหตุ โดยกล้องสามารถจับภาพนายเกียรติภูมิ ที่เดินด้วยความเร็ว หลังก่อเหตุแล้วมุ่งหน้าเข้าไปที่บ้านเอาไว้ได้ จากนั้นช่วงเวลา 03.08 น. ของวันที่ 25 มิถุนายน หลังก่อเหตุ กล้องวงจรปิดจับภาพนาทีหลังก่อเหตุนายเกียรติภูมิ ผู้ต้องหา กลับมาที่บ้าน เพื่อมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือด ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี


จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 03.10 น. นายเกียรติภูมิขี่รถจักรยานยนต์ วนกลับเข้ามาที่บ้านอีกรอบหนึ่ง หลังจากที่พยายามจะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปก่อนหน้านี้ จากนั้นนายเกียรติภูมิ ผู้ต้องหา ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน โดยคาดว่าจะกลับมาเอาของ ก่อนจะขี่รถหลบหนีไปกบดานอยู่ที่รีสอร์ต ขณะที่ในช่วงเวลาที่นายเกีรยติภูมิขี่รถย้อนกลับมาบ้าน ได้ขี่รถสวนทางกับชาวบ้านแต่ก็ไม่มีใครเอะใจอะไร


ต่อมาเวลา 03.14 น. นายประเสริฐ์ เวกระโทก ผู้ใหญ่บ้าน ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปดูที่เกิดเหตุ หลังชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้ง จากนั้นในช่วงเวลา 08.49 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้เข้ามาที่บ้านของผู้ต้องหา และได้เจอกับเสื้อผ้าเปื้อนเลือดของนายเกียรติภูมิ




ซึ่งในระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวนายเกียรติภูมิ ออกจากห้องขังไปเซ็นเอกสาร ก่อนจะฝากขัง ทีมข่าวได้มีโอกาสสอบถามปมเหตุที่เกิดขึ้น โดยผู้ต้องหา อ้างว่า หลังจากที่ตนกลับมาเยี่ยมแม่มีเงินติดตัวมา 2,000 บาท ก่อนจะใช้จนหมดตั้งวันแรก จากนั้นจึงเข้าไปที่ร้านค้าดังกล่าวเพื่อจะขโมยทรัพย์สิน โดยได้ไปแอบอยู่หลังประตูหลังร้าน จนกระทั่งแฟนสาวผู้ตายเปิดประตูห้องทิ้งไว้ เพื่อไปเข้าห้องน้ำ จึงอาศัยจังหวัดดังกล่าวแอบเข้าไปภายในร้าน แต่ยังไม่ทันได้ขโมยทรัพย์สินแฟนสาวผู้ตายเผอิญมาเจอตนเองก่อน


นอกจากนี้ผู้ต้องหา อ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุแทงนายทศพร เสียชีวิต แต่ถูกผู้ตายตีหัวก่อนจึงใช้มีดแทงไม่ยั้ง ส่วนวันเกิดเหตุยอมรับว่าเมา แล้วปฏิเสธว่าไม่ได้เข้าไปหลังจากไปข่มขืนแฟนสาวของผู้ตาย แต่ตั้งใจเข้าไปลักทรัพย์ ขณะเดียวกันทีมข่าวได้สอบถามในที่ผู้ต้องหาว่าอยากจะขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิตหรือไม่ โดยในตอนแรกนายเท่ ปฏิเสธที่จะขอโทษ


จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวขึ้นรถ เพื่อนำไปฝากขังในระหว่างนั้น ทีมข่าวได้สังเกตว่านายที่ผู้ต้องหากำลังมองหาอะไรอยู่ ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามทราบว่ากำลังมองหาพ่อกับแม่ที่มามาเยี่ยมแต่ไม่เจอ จากนั้นทีมข่าวจึงได้สอบถามนายเท่ ว่าอยากจะขอโทษครอบครัวผู้ตายหรือไม่ ซึ่งในครั้งนี้รู้สึกนายเท่จะสำนึก จึงได้พูดว่าอยากขอโทษครอบครัวผู้ตาย




ขณะเดียวกันในระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ครบุรี ได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาภายในห้องสืบสวน แม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาที่โรงพัก ก็ได้อออกมาเผชิญหน้าและกล่าวขอโทษกับบรรดาญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิต โดย บอกว่า ตนไม่รู้ว่าลูกชายทำไมถึงก่อเหตุ และตนก็ไม่ได้ถามอะไรมาก ถือว่าตนทำผิดต้องก็ต้องได้รับโทษ ตนยอมรับว่าตนรักลูก เพราะคนเป็นแม่ลูกจะชั่วจะดียังไงก็รัก ซึ่งหลังก่อเหตุลูกชายตนได้หลบหนีไป ก่อนจะได้ติดต่อตนมาเพื่อที่จะเข้ามอบตัว ตนจึงได้ประสานไปยังผู้กำกับ สภ.ครบุรี ไปรับตัวมาดำเนินคดี




ด้าน น.ส.นิดนคร แฟนสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คนร้ายที่ก่อเหตุเข้ามาในร้านไม่ได้หยิบอะไรไปเลยด้วยซ้ำ ตนเองยังสงสัยว่ามันต้องการอะไรกันแน่ แม้แต่กระเป๋าเงินก็วางอยู่ข้าง ๆ สามีของตนเองที่นอนหลับอยู่ และตนเองก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับคนร้ายเลย คนแถวหมู่บ้านรู้ดีว่าพวกตนเองทำมาหากินนิสัยดี เป็นมิตรกับทุกคน ตอนนี้จึงรู้สึกข้องใจมาก อยากมาถามคนร้ายว่าฆ่าสามีของตนเองเพราะเหตุใด ทั้งนี้ตนเองมีหลักฐานพร้อมทุกอย่าง จึงทำให้รู้ตัวคนร้าย ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวมาได้อย่างรวดเร็ว ถ้ายังจับไม่ได้ก็คงจะทำให้ตนเองและครอบครัวรู้สึกหวาดระแวงตลอดเวลาแน่นอน


ขณะที่ร้านที่เกิดเหตุวันนี้ พบว่า ทางครอบครัวผู้ตายได้มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณนายทศพร ผู้ตาย กลับไปที่บ้านเกิดที่อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เกิดเหตุยังมีรอยคราบเลือดผู้ตาย ทั้งประตูหลังบ้านและบริเวณหน้าห้องน้ำ โดยทางครอบครัวยังไม่ได้มีการเข้ามาทำความสะอาด เพราะต้องนำศพผู้ตายกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด




ต่อมาทีมข่าวได้รับข้อมูลมาว่าเมื่อปี 2561 หรือ 6 ปีที่แล้ว นายเกียรติภูมิ ผู้ต้องหา เคยก่อเหตุย่องเบาเข้าบ้านของนางเนียม (นามสมมติ) อายุ 48 ปี ซึ่งเปิดเป็นร้านขายร้านของชำขนาดเล็ก เพื่อหวังไปขโมยทรัพย์สินมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างศาลตัดสิน โดยนางเนียม ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อ 6 ปีที่แล้วที่บ้านอาศัยอยู่กันแค่ 3 คน มีตน ลูกสาว 10 ขวบและพ่อที่อายุ 70 ปี ส่วนสามีไปทำงานในเมือง


วันเกิดเหตุ ขณะที่ตนนอนหลับกลับลูกสาวอยู่ในห้องนอน แต่ไม่ได้ล็อกประตูห้องนอน เพราะว่าตนต้องลุกมาดูพ่อที่ป่วยนอนอยู่ห้องติดกัน ซึ่งในขณะที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ ตนรู้สึกตัวเหมือนมีใครกำลังจ้องอยู่จึงได้ลืมตาขึ้นมาดู เห็นเงาดำตะคุ่มลักษณะเป็นผู้ชายนั่งอยู่ปลายเตียง กำลังนั่งจ้องมองตนเองและลูกสาวที่กำลังนอนอยู่ พร้อมกับส่ายหัวไปมา ตกใจจึงได้รีบลุกขึ้นจากที่นอน จังหวะนั้นคนร้ายได้พุ่งเข้ามาบีบคอตนเอง พร้อมกับใช้มีดจี้คอก่อนจะลวนลามตนเอง




นางเนียม บอกว่า จังหวะที่คนร้ายกำลังลวนลามตนเองอยู่ ทำให้ลูกสาวลูกสาวที่นอนหลับอยู่ข้างข้างรู้สึกตัวตื่น จึงทำให้คนร้ายตกใจและรีบวิ่งออกจากบ้าน ตนจึงได้รีบลุกขึ้นไปเปิดสวิตช์ไฟ จึงได้เห็นหน้าคนร้ายอย่างชัดเจน ว่าคือนายเกียรติภูมิ ที่ย่องเข้ามาในบ้านของตนเอง ทันทีที่เห็นว่าตนเห็นหน้าจึงได้รีบสวมฮู้ด ปิดบังใบหน้า ก่อนจะวิ่งหลบหนีออกไปทางด้านหลังบ้าน โดยที่คนร้ายไม่ได้ทรัพย์สินอะไรไป จากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์เรียกผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยเหลือและไปแจ้งความ


นางเนียม ยังบอกอีกว่า ตอนนี้คดีที่ตนแจ้งความนายเกียรติภูมิไป ยังอยู่ในระหว่างการขึ้นศาล ซึ่งศาลยังไม่ตัดสินพิจารณาโทษ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านขายของเบ็ดเตล็ด ตนก็ยังไม่ค่อยปักใจเชื่อว่านายเกียรติภูมิจะเข้าไป ขโมยทรัพย์สินหรือหวังเข้าไปข่มขืนภรรยาของเจ้าของร้านกันแน่ อีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง ถึงแม้ว่าจะผ่านมาหกปีแล้วแต่ภาพยังติดตาและทุกครั้งที่ตนนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตนยังรู้สึกขนลุกและหวาดกลัวกับพฤติกรรมของนายเกียรติภูมิอยู่ตลอด

 

จับมือมีดแทงหนุ่มร้าน 20 บาท พี่คนตายปรี่ประชาทัณฑ์ ถาม "ฆ่าน้องทำไม"