สุดรันทด! วอนผู้ใจบุญช่วย 6 ชีวิต ครอบครัวยากไร้ พ่อ-แม่ ตกงานแถมป่วยเป็นโรคไทรอยด์ กล้ามเนื้ออ่อนแรง บ้านถูกตัดไฟ ต้องกินข้าวกับเกลือ-พริกป่น

วันที่ 27 มิถุนายน 2567 เรื่องสุดเศร้านี้ ถูกเปิดเผยโดย พระเมธีธรรมประนาท “ท่านเจ้าคุณปรีชา” เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง และนางสาวพรรณงาม รอดฟ้า ซึ่งเป็นคุณครูประจำชั้นของเด็กๆ อยู่ที่โรงเรียนบ้านหนองขาว ตั้งอยู่ที่ 99 หมู่ 9 ต.บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร ซึ่งเด็ก ๆ ทั้ง 4 คน เป็นเด็กนักเรียนที่เรียนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ บ้านของเด็กๆ ทั้ง 4 คน อยู่ห่างจากโรงเรียนประมาณ 4 กิโลเมตร เด็กๆ ก็ได้ใช้จักรยานที่พระสงฆ์ในพื้นที่นำมามอบให้ขี่ไปโรงเรียน

 

 

ความทุกข์ยากของเด็กๆ ในครอบครัวนี้ เกิดจาก นายสารัช อายุ 32 ปี ผู้เป็นพ่อ และน.ส.ศิริพร อายุ 31 ปี ผู้เป็นแม่ มีลูกทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย เด็กหญิงอมรรัตน์ หรือ "น้องจ๋า" อายุ 14 ปี เรียนอยู่ชั้น ม. 2 / เด็กชายภาณุพงศ์ หรือ "น้องเน็ท" อายุ 11 ปี เรียนอยู่ชั้น ป. 5 / เด็กหญิงวัณวิสา หรือ "น้องจูน" อายุ 8 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป. 5 และเด็กชายพัชรพล หรือ "น้องไนซ์" อายุ 5 ขวบ เรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3

โดย พ่อและแม่ของเด็กๆ เล่าว่า ตนเองเคยเป็นช่างเชื่อมทำงานอยู่กับผู้รับเหมา ต่อมาพบกับสถานการณ์โควิด เถ้าแก่เลิกจ้างเพราะไม่มีงานให้ทำ ประกอบกับมีโรคประจำตัวรุมเร้า คือผู้เป็นพ่อของเด็กๆ ป่วยเป็นโรคไทรอยด์ และกล้ามเนื้ออ่อนแรงจึงกลับมาอยู่บ้านทำงานรับจ้างทั่วไป แต่ด้วยในพื้นที่เป็นชนบทจึงมีงานว่าจ้างเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ เงินหรือรายได้ที่ได้มาก็ได้เพียงแค่พอซื้อข้าวสารกิน พ่อและแม่ของเด็ก เข้าใจผิดว่าบ้านของตนเองจะได้ใช้ไฟฟ้าฟรีตามมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และประสบเหตุโควิดจึงไม่ได้จ่ายค่าไฟกลายเป็นดินพอกหางหมู จนในที่สุดก็ถูกการไฟฟ้าตัดไฟและถอดหม้อมิเตอร์ไฟฟ้าไปนานนับปีแล้ว หากถ้าจะขอใช้ไฟฟ้าก็ต้องนำเงินก้อนไปจ่ายซึ่งพ่อและแม่เด็กไม่มีปัญญา จึงปล่อยให้ลูกๆทั้ง 4 คน ใช้ชีวิตอยู่ในความมืด ยามค่ำคืนก็ต้องจุดเทียนและใช้ตะเกียงส่องสว่างด้วยความยากจนแม้แต่เตาถ่านหุงข้าวก็ยังไม่มี เด็กๆ เหล่านี้จะได้กินข้าวอิ่มท้องก็ต่อเมื่อไปกินที่โรงเรียน และห่ออาหารที่เหลือจากโรงอาหารของโรงเรียนกลับมาเป็นอาหารเย็นที่บ้าน

 

 

ทางด้านเด็กหญิงอมรรัตน์ หรือ "น้องจ๋า" เล่าถึงชีวิตที่ยากลำบากว่า ข้าวสารก็แทบจะไม่มีกรอกหม้อไปโรงเรียนก็ไม่มีเงินค่าขนมไปกินที่โรงเรียน บางวันพ่อกับแม่ก็พากันไปเก็บยอดกระถินที่ขึ้นอยู่ริมถนน ไปเก็บผักบุ้งกลางทุ่งนามาต้มกิน โดยก็จะไปขอเครื่องปรุงบะหมี่สำเร็จรูปมาใส่ในน้ำต้มผักบุ้งเพื่อให้มีรสชาติ ให้ได้กินอิ่มท้องเพื่อประทังความหิวกัน และก็บ่อยครั้งที่ทั้งครอบครัวต้องกินข้าวกับ เกลือพริก ละลายกับพริกป่น เธอจึงขอความเมตตาขอทุนการศึกษา ขอทุนให้พ่อแม่ ทำมาค้าขายหรือประกอบอาชีพ รวมถึงขอไฟฟ้าให้กับครอบครัวของเธอด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าปัญหาที่ครอบครัวปัญหาดังกล่าวนี้กำลังประสบอยู่ เนื่องจากมีฐานข้อมูลจากผู้นำชุมชนกล่าวให้ร้ายว่า พ่อและแม่เด็กๆ มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้หน่วยงานราชการตัดหางปล่อยวัด ซึ่งอาจเป็นเรื่องในอดีตของผู้เป็นพ่อสมัยที่เป็นผู้ใช้แรงงานทำให้ถูกแบล็กลิสต์ จนกระทั่งเมื่อพระและครูเข้าช่วยเหลือและเป็นข่าว ล่าสุด นายกฤษชัย สุวรรณจินดา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มบริหารงานปกครอง พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจึงได้ลงพื้นที่และนำตัวพ่อและแม่ของเด็กๆ ทั้ง 4 คน มาทำกันตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย ซึ่งผลลัพธ์จากการตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติดอยู่ในร่างกายแต่อย่างใดทำให้พ้นมลทิน ซึ่งหลังจากนี้ทางราชการก็จะช่วยเหลือจัดหาวัสดุอุปกรณ์และปัจจัยในการทำการเกษตร ปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา ให้มีรายได้ แต่พ่อและแม่ของเด็กๆ มีความประสงค์อยากจะมีจยย.พ่วงข้างเพื่อค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ในหมู่บ้าน ซึ่งก็จะได้หาทางช่วยเหลือต่อไป

 

 

สำหรับท่านใดที่มีเมตตาต้องการช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวนี้ เชิญร่วมทำบุญได้ที่ชื่อบัญชี นางสาวศิริพร พลับพลาทอง ( แม่ของเด็กๆ ) และนางสาวพรรณงาม รอดฟ้า (คุณครูประจำชั้นของเด็กๆ) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ( ธกส.) เลขที่บัญชี 020-233-199-635 สอบถามรายละเอียด โทร. 085-7267119 คุณครูพรรณงาม ร.ร.บ้านหนองขาว ต.บึงบัว อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร

วอนช่วย! ครอบครัวยากจน 6 ชีวิตต้องกินข้าวกับเกลือ-พริกป่น หนำซ้ำบ้านถูกตัดไฟฟ้า เพราะไม่มีเงินจ่าย