บิ๊กต่าย เปิดใจครั้งแรกหลังถูกฟ้อง เผยไม่ได้รู้สึกดีใจ หลัง ก.ตร. มีมติ ให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกราชการ
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่รู้สึกดีใจหลัง ก.ตร. มีมติให้คำสั่งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมายแล้ว มองเป็นไปตามกฎหมายและพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น
พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดใจถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) วานนี้ ที่มีมติว่าการมีคำสั่งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายแล้ว ซึ่งตนเองได้แถลงให้ที่ประชุมรับทราบถึงเหตุผลในการออกคำสั่งดังกล่าว และทางคณะกรรมการได้มีการอภิปรายในที่ประชุมด้วย แต่ตนเองต้องออกที่ประชุมเพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และไม่ได้ทราบมติล่วงหน้า ก่อนจะทราบผลจากสื่อมวลชนวานนี้ โดยยืนยันว่าได้ปฏิบัติหน้าที่รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วยความสุจริตใจ ปราศจากอคติ และได้ใช้ดุลยพินิจเกี่ยวกับข้อกฎหมายอย่างรอบคอบ ไม่ใช่การขัดแข้งขัดขาพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ไม่ให้ขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอย่างที่ถูกกล่าวหา ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ถูกศาลออกหมายจับตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน และไม่รับหมายเรียก ซึ่งเรื่องนี้ศาลเพียงนำไปใช้เป็นองค์ประกอบในการพิจารณา แต่ในการออกหมายจับนั้น องค์คณะผู้พิพากษาได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนไปซักถาม และใช้เวลาเกือบ 1 วันกว่าจะอนุมัติหมายจับ จากนั้นตนเองใช้เวลากว่า 16 วันเพื่อพิจารณา ซึ่งภายหลังทราบผล ก็ไม่ได้ดีใจ เสียใจ แต่เป็นความรู้สึกปกติว่าเป็นผลจากการพิจารณาออกคำสั่งของตนเองที่ออกไปตามข้อกฎหมายข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ตามความร้ายแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ ทางคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) จะพิจารณาดำเนินการต่อไป ซึ่งตนเองได้จัดทำคำแก้อุทธรณ์ของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ส่งไปให้ทาง ก.พ.ค.ตร.แล้ว เชื่อว่าทางคณะกรรมการฯอาจจะนำผลการพิจารณาของอนุกรรมการ ก.ตร.วินัยและมติของ ก.ตร.ไปพิจารณาร่วมด้วย และหากผลการพิจารณาของ ไม่เป็นผลดีต่อพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ก็สามารถไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองได้