จากกรณีเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.บางบัวทอง ได้รับแจ้งเหตุ มีชายเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดบริเวณเพิงพักใต้สะพานข้ามคลองลำโพ ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ที่เกิดพบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นายเชน อายุประมาณ 40 ปี นอนเสียชีวิตอยู่บริเพิงพักข้างคลองลำโพ สภาพศพสวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขายาวสีดำพับขา ใบหน้าเปอะเปื้อนคล้ายเถ้าถ่าน บริเวณลำคอมีผ้าผูกคอ พร้อมมีบาดแผลเกิดจากของมีคม ส่วนลำตัวและเสื้อผ้าและลำตัวมีคราบเลือดและรอยเปื้อนฝุ่นเต็มตัว และในที่เกิดเหตุหลังพบศพมี นายบุญส่ง อายุ 44 ปี เจ้าของเพิงพักยืนให้การกับตำรวจอ้างว่า หลังจากที่กลับมาพบศพของนายเชน นอนเสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ นั้น
วันนีั (27 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าอีกครั้ง โดยได้มีการตรวจสอบไทม์ไลน์และพฤติกรรมของคนตายก่อนที่จะพบเป็นศพ ซึ่งได้เดินทางไปที่ร้านอาหารแกลงใต้แห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากที่พบศพไม่ถึง 200 เมตร โดยร้านอาหารดังกล่าว เป็นร้านที่คนตายมักจะมาขอข้าวที่ร้านกินเป็นประจำเกือบทุกวัน และเป็นช่วงเวลาเดิมประมาณ 12.00 - 14.00 น. ตื่นตอนไหนก็จะออกมาขอข้าวตอนนั้น
โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพอาหารแกงใต้ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. เวลาประมาณ 13.49 น. นายเชน คนตาย สวมหมวกใส่เสื้อยืดกางเกงสามส่วน ออกมาขอข้าวกล่องจากเจ้าของร้าน ก่อนที่จะไปนั่งพูดคุยกันสักพักที่บริเวณหน้าร้านก่อนที่จะกลับไปที่ที่พัก โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้
ด้านนายพันธ์ศักดิ์ เจ้าของร้านข้าวแกง (อาหารปักษ์ใต้) พาทีมข่าวช่อง 8 ไปดูจุดหน้าร้านที่มีการนั่งพูดคุยกับคนตาย ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ได้มีโอกาสเจอกัน ก่อนที่วันถัดไปเจ้าตัวจะถูกฆ่า โดยในวันดังกล่าวตัวของคนตายมานั่งพื้น ให้เจ้าของร้านข้าวแกงสอน เพราะเนื่องจากเป็นคนใต้ด้วยกัน
นายพันธ์ศักดิ์ เจ้าของร้าน บอกว่า ในวันนั้นตนเองเรียกให้นายเชนมานั่งพูดคุยและสั่งสอน ในฐานะที่เป็นคนใต้และเข้าใจว่าเป็นเหมือนลูกหลาน ก่อนที่จะมีการยื่นเข้ากล่องให้ไปกิน โดยให้ตัวของนายเชนมานั่งคุย แต่เจ้าตัวค่อนข้างนอบน้อมมานั่งพื้นขัดสมาธิ และให้ตนเองนั่งอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งตอนนั้นใช้เวลาคุยกันพักใหญ่ โดยการสอนทำนองว่า “หากมึงมีกินให้มึงมาขอหรือมาเอาที่กูได้ แต่อย่าไปรักเล็กขโมยน้อย หรือไปเบียดเบียนใคร ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกฆ่าหรือโดนเขายิงตายก็ได้” ซึ่งเจตนาที่ตนเองตั้งใจที่จะสอน เพราะเนื่องจากเห็นว่าเป็นคนใต้ด้วยกัน และเห็นว่าไม่มีที่อยู่จึงเห็นใจ
แต่สำหรับกลุ่มเพื่อนของนายเชน ตนเองไม่เคยสุงสิงและไม่เคยรู้จักว่ามีใครบ้าง เพราะเห็นแต่นายเชนคนเดียวที่จะเดินมาที่ร้านตนเองเพื่อมาขอข้าวกิน หรือไม่ก็ติดรถจักรยานหรือรถมอเตอร์ไซต์คนอื่นมาลงที่หน้าร้าน หลังจากที่ได้ข้าวกล่องเสร็จแล้วก็จะกลับไปที่พัก และไม่ได้วุ่นวายอะไรกับใคร แต่ยอมรับว่ากลุ่มเพื่อนของนายเชนแต่ละคนก็มีประวัติกันทั้งนั้น เพราะบางคนไปมีคดีลักเล็กขโมยน้อย ซึ่งทุกวันนี้ตำรวจก็ยังตามตัวอยู่ ตอนนี้จึงไม่รู้ว่าตัวของนายเชนไปคบหากับคนแบบนี้แล้วจะพาเจ้าตัวหลงผิดไปด้วยหรือไม่
ส่วนตัวกลุ่มบรรดาผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจล็อกตัวไปสอบ โดยเฉพาะเพื่อนและคนใกล้ ซึ่งทราบว่าหนึ่งในนั้นคือ นายบุญส่ง ที่มีการล็อกตัวไปสอบตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตัวเองไม่ทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด แต่ส่วนเพื่อนอีกคนลักษณะตัวเล็กผมหยิก ผิวดำ จึงไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันกับที่ไปก่อเหตุขโมยอ่างล้างจานสังกะสีเมื่อช่วงวันที่ 18 มิ.ย. หรือไม่ เพราะตอนนี้ทราบว่ากลุ่มพวกนั้นตำรวจเอาตัวไปสอบหมดแล้ว
และหลังจากให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งหน้าขากลับ หลังจากหนึ่งในเพื่อนของคนตาย ทราบเบื้องต้นคือ “นายแสง” เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันกับคนตาย โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. เวลา 16.23 น. จับภาพนายแสง เพื่อนของคนตาย ซึ่งเดินถือของพะรุงพะรัง โดยเห็นว่าในมือนั้นจะเป็นซิงค์ล้างจานสังกะสี โดยตัวของนายแสงไปแอบขโมยจากบ้านของชาวบ้านแถวนั้น และเดินผ่านกล้องก่อนที่จะกลับไปที่ที่พักที่เกิดเหตุ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจากภาพเอาไว้ได้
และกรณีในที่เกิดเหตุ พบถังสี บรรจุน้ำ คล้ายเป็นถังใช้สำหรับล้างมือ ล้างเลือด หลังจากที่คนร้ายมีการก่อเหตุแทงคอนายเชนถึงแก่ความตาย ซึ่งใกล้กับเพิงพัก มีถังสี เปื้อนเลือดวางอยู่ โดย ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม วันที่ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันก่อนที่จะเกิดเหตุ (คาดว่าเสียชีวิต 26 มิ.ย.) โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิด เส้นทางมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุใต้สะพาน และเป็นที่พักของคนตาย โดยมีชายปริศนา 2 คน เดินและปั่นจักรยานถือถังสีเข้าไป โดยมี 1 คนเดินถือถัง และอีก 1 คน มีการปั่นจักรยานมีถังสีห้อยไปด้วย ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้
และในวันเดียวกัน 25 มิ.ย. ก็จะมีช่วงที่นายบุญส่ง เพื่อนของคนตาย และเป็นคนที่พบศพคนแรก อีกทั้งเป็นผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจล็อกสอบเมื่อวานนี้ มีการปั่นจักรยานเข้ามาที่เกิดเหตุ โดยมีการใส่เสื้อสีดำ กางเกงขายาว ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้
หลังจากทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนวันเกิดเหตุ เกี่ยวกับถังสีที่ถูกใช้ล้างเลือด ซึ่งคาดว่าเป็นของคนร้ายใช้ล้างตัว หลังก่อเหตุ นั้น ปรากฏว่าเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ชุดสืบสวนยังคงมีการแกะรอยจากกลุ่มผู้ต้องสงสัย เพราะเนื่องจากผลดีเอ็นเอจากการตรวจสอบนายบุญส่ง เพื่อนของคนตาย และเป็นคนเจอศพคนแรก ไม่เจอดีเอ็นเอและเลือดอยู่ในซอกเล็บ จึงทำให้ถูกตัดประเด็นออกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตำรวจจึงมีการลงพื้นที่แกะรอยจากกล้องวงจรปิด เส้นทางเข้าไปที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยมีชุดสืบฯ ใช้วิธีการปีนขึ้นไปเก็บเมมโมรี่จากกล้องวงจรปิดเพื่อไปตรวจสอบ เกี่ยวกับบุคคลที่เข้า-ออกในที่เกิดเหตุก่อนและหลัง เพื่อเชื่อมโยงหาคนร้ายต่อไป
และในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวจึงได้เดินสำรวจเพิงพักของคนตกปลา และคนที่อาศัยอยู่ใต้สะพานใกล้กับที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าที่พักส่วนใหญ่มีลักษณะเงียบไม่มีคนอยู่ เพราะทราบจากรายงานว่าตำรวจมีการเชิญไปสอบปากคำเกือบทั้งหมดแล้ว แต่มีบางคนที่ หนีออกจากที่พักเพื่อกลัวถูกเรียกสอบ ระหว่างนั้นทีมข่าวสังเกตว่ามีรถจักรยานคันหนึ่งจอดอยู่ และมีถังสีวางอยู่ที่ตะกร้าหน้ารถ
ทีมข่าวจึงได้ยืนรอจนกระทั่งทราบว่า มีนายมิกะ (นามสมมติ) แรงงานชาวกัมพูชา โผล่ยืนยันความบริสุทธิ์ใจกับทีมข่าวช่อง 8 โดยระบุว่า จักรยานของตนเอง ทั้งสีของตัวเอง และรวมถึงคนที่อยู่ในภาพกล้องวงจรปิดที่มีการนำถังสีเข้ามาก่อนวันเกิดไม่ใช่ตนเอง และไม่ใช่คนที่ตัวเองรู้จัก แต่เชื่อว่าน่าจะเป็นคนไทยไม่ใช่ต่างด้าว
สำหรับถังสีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องแปลก ค้นหาปลาส่วนใหญ่จะมีพกเกือบทั้งหมด เพราะเนื่องจากจะเอามาตะเวนเก็บปลาที่มีการวางข่ายหรือวางเบ็ดเอาไว้ โดยตอนเช้าและตอนเย็นก็จะเห็นว่ามีคนถือกระป๋องสีใช้แล้ว ผ่านเข้ามาแถวใต้สะพาน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะค้นหาปลาส่วนใหญ่จะมีพกติดตัว ส่วนกลุ่มของคนตายและเพื่อนของคนตายนั้นตนเองก็ไม่เคยยุ่งสุงสิง รู้แต่ว่ามีการเดินเข้าออกใต้สะพาน แต่มีการหาปลาคนละจุดกัน
และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวได้รับเบาะแสจากกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ เกี่ยวกับพฤติกรรมช่วงรอยต่อก่อนเกิดเหตุ ที่ทราบว่ามีการยิงปืนและทะเลาะกัน ใกล้กับพื้นที่ที่พบศพคนตาย ทีมข่าวจึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในรอยต่อคืนวันที่ 25 มิ.ย. เวลาประมาณ 00.18 น. พบว่ามีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกัน และวิ่งผ่านกล้องวงจรปิด จากนั้นจะได้ยินเสียงคล้ายเสียงปืนดังขึ้นรัวหลายนัด และเสียงตะโกนท้าทายกัน แต่ภาพจับใบหน้าไม่ชัดว่าเป็นใครเพราะเนื่องจากเป็นภาพช่วงเวลากลางคืน และก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์วัยรุ่นทะเลาะกันแล้วมีเสียงปืนดังขึ้น สังเกตว่าจะมีรถตำรวจมาตรวจแถวละแวกใกล้ที่เกิดเหตุก่อน แต่หลังจากตำรวจกลับไปจึงจะได้ยินเสียงวัยรุ่นทะเลาะและมีเสียงปืน
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายพัฒน์ (นามสมมติ) กลุ่มวัยรุ่น เผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตัวของคนตายเป็นคนที่ระวังตัวเป็นอย่างมาก และทุกครั้งที่ออกมาใช้ชีวิตหรือพบเจอกับคนภายนอกก็จะมีการพบมีดติดตัวมาไม่ต่ำกว่า 2 ด้าม ซึ่งมีทั้งมีดดาบยาวและมีดสั้น โดยทุกครั้งที่มาขอดื่มน้ำกระท่อมกับกลุ่มของตนเอง เจ้าตัวก็จะพกมีดติดตัวมาตลอด ซึ่งกลุ่มของตนเองก็ค่อนข้างระแวง ว่าจะถูกทำร้ายหรือไม่ เพราะเคยเอามีดออกมารับคมโชว์ให้ดู ประกอบกับมีพฤติกรรมค่อนข้างที่จะอารมณ์ฉุนเฉียว และพอมีเรื่องกับทุกคน แต่ก็แปลกใจว่าตอนที่พบศพทำไมถึงไม่มีมีดติดตัว ประกอบกับโดนแทงจนกระทั่งร่างพรุน อาจมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คนก่อเหตุอาจรู้ว่าคนตายมีมีดในตัว จึงอาจใช้มีดเหล่านั้นก่อเหตุหรือไม่
และตัวของคนตายย้ายมาอยู่ในพื้นที่ประมาณ 2 เดือน ตอนแรกก็ดูมีฐานะมีรถมอเตอร์ไซค์ขับ มีเงินซื้อข้าว มีเงินใช้จ่าย แต่ช่วงหลังเปลี่ยนไปยืมรถคนอื่นหรือปั่นจักรยานแทน เปลี่ยนจากมีเงินซื้อข้าวกลายเป็นไปขอข้าวร้านค้ากิน ส่วนตัวก็ได้มีการสอบถามตัวของนายเชนคนตาย ทำนองว่าทำไมไม่กลับบ้าน ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่ากลับบ้านไม่ได้เพราะไม่ถูกกับพ่อเลี้ยงซึ่งเป็นสามีใหม่ของแม่ อยู่ที่จังหวัดสงขลาไม่ได้จึงต้องขึ้นมาอยู่เพียงลำพัง และใช้ชีวิตแบบโดดเดี่ยว
สำหรับกลุ่มผู้ต้องสงสัยนั้นตนเองเชื่อว่าเป็นไปได้หลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่มีมีการเสพยาเสพติดด้วยกัน กลุ่มเพื่อนที่อาศัยอยู่ใต้สะพานด้วยกัน หรือแม้แต่กลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่น เพราะตัวของคนตายนั้นมักจะชอบมีเรื่องกับคนไปทั่ว และพร้อมที่จะทะเลาะกับทุกฝ่าย ซึ่งในช่วงรอยต่อก่อนเกิดเหตุนั้นก็มีเหตุวัยรุ่นทะเลาะกันในพื้นที่ แต่ไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวข้องกับตัวของคนตายกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวหรือไม่ เพราะทราบว่าเรื่องของการยิงปืนกัน แต่จากภาพกล้องวงจรปิดตนเองไม่รู้ว่ากลุ่มที่วิ่งอยู่ในกล้องวงจรปิดหรือยิงปืนนั้นเป็นกลุ่มไหน อาจจะผ่านมาตกปลาแถวนั้นแล้วไปมีเรื่องกับคนตายหรือไม่ ซึ่งก็เป็นเพียงแค่การคาดเดา
และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่ร้านขายของเก่าดังกล่าว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดวงจร ของวันที่ 23 มิ.ย. เวลาประมาณ 12.22 น. ก็พบว่าตัวของนายเพชรรัตน์ มีการขี่รถมอเตอร์ไซค์ สีแดง พานายเชนไปขายเศษเหล็กที่ร้านขายของเก่า ซึ่งตัวของนายเชนใส่เสื้อสีเหลือง สวมหมวก ใส่กางเกงกางเกงขายาว ยกฝาครอบซึ่งเป็นเศษเหล็กไปขาย และได้เงินจำนวน 140 บาท ก่อนที่จะซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์กลับออกมา
ทีมข่าวได้ไปพูดคุยกับ นายเพชรรัตน์ คนตกปลา ซึ่งวันหยุดเจ้าตัวจะเดินทางมาตกปลาใกล้กับจุดเกิดเหตุเป็นประจำ และตอนที่คุยกับทีมข่าวนั้นเพิ่งจะทราบว่าตัวของนายเชนถูกฆ่าตาย นายเพชรรัตน์ เผยว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนเองเพิ่งจะไปส่งนายเชนนำเศษเหล็กและเศษทองแดง ไปขายที่ร้านร้านขายของเก่าแห่งหนึ่ง ใกล้กับมัสยิดไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ โดยตอนแรกตัวของนายเชนได้มาขอยืมรถมอเตอร์ไซค์ อ้างว่าจะเอาเศษเหล็กไปขาย ซึ่งตนเองที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานจึงไม่กล้าไว้ใจกลัวว่าจะถูกขโมยรถมอเตอร์ไซค์ จึงได้อาสาพาไปส่ง และเมื่อไปส่งเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับมาที่ใต้สะพานที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าตัวของนายเชนขอลงที่หน้าเซเว่นฯ เข้าใจว่าจะไปหาของกินต่อ แต่ตนเองได้มีการขับรถกลับมาเพื่อที่จะมาดูเบ็ดที่ตกเอาไว้
ทั้งก่อนและหลังที่ตนเองจะไปส่งก็เห็นว่าตัวของนายเชนอยู่ตัวคนเดียวและเพียงลำพัง ไม่ได้เห็นเพื่อนคนอื่นอยู่ร่วมด้วยในขณะนั้น จึงไม่รู้ว่ามีเพื่อนคนใดที่เป็นเพื่อนสนิทหรืออยู่กับคนตายบ้าง และที่สำคัญตอนที่ตนเองมาตกปลาทุกครั้งก็เห็นตัวของนายเชนก็ตกปลาหรืออาศัยอยู่คนเดียว ไม่ค่อยเห็นพรรคพวกหรือทะเลาะกับใคร จึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปมีเรื่องกับใครถึงขั้นถูกฆ่าตาย
ขณะเดียวกันทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดจุดที่ใกล้ที่สุดบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ใต้สะพานกลับรถ และสามารถมองเห็นพฤติกรรมรวมถึงการก่อเหตุของคนร้าย ที่ทำร้ายนายเชนถึงแก่ความตาย โดยกล้องวงจรปิดชุดดังกล่าวเป็นของ กรมทางหลวง ซึ่งมีการติดตั้งระบบสำหรับตรวจสอบและป้องกันป้องกันเหตุอาชญากรรม โดยระบบกล้องดังกล่าวซึ่งมีการติดตั้งและสามารถใช้งานได้สมบูรณ์ก่อนหน้านี้ แต่ปรากฏว่าในช่วงก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากระบบถูกตัดไฟและการเชื่อมต่อ
ทีมข่าวทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่จากกรมทางหลวง ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เพิ่งจะได้งบประมาณซ่อมบำรุงซ่อมแซมมาใหม่ และอยู่ระหว่างการประสานช่างเพื่อเข้าไปทำการซ่อมแซมกล้องวงจรปิดชุดดังกล่าวที่ใกล้จุดเกิดเหตุ เนื่องจากกลุ่มที่อาศัยอยู่ใต้สะพาน พรรคพวกของคนตายและรวมถึงคนตาย มีการไปตัดสายไฟที่เชื่อมเข้าระบบระบบกล้องวงจรปิด ทั้งสายไฟเมนหลักและรวมถึงระบบสารสื่อสาร เพื่อนำเอาสายไฟซึ่งเป็นทองแดนด้านในไปขาย จึงทำให้กล้องวงจรปิดจุดใกล้ที่เกิดเหตุที่สุดไม่สามารถบันทึกได้เพราะเนื่องจากกลุ่มพรรคพวกของคนตายมีการสายไฟไปขาย
ทีมข่าวจึงตรวจสอบใกล้กับเพิงพัก ของนายเชน คนตาย และกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่ถูกล็อกตัวไปสอบ ปรากฏว่าเจอปลอกสายไฟทั้งสีดำและสีฟ้า ถูกปลอกกระจายอยู่ทั่วบริเวณ และยังมีการนำไปทิ้งซุกซ่อนอยู่ใต้โพรงของที่ดิน ไม่ห่างจากที่พัก ซึ่งก็ค่อนข้างชัดเจนว่า มีการนำสายไฟมาปลอกเพื่อนำทองแดงไปขาย แต่ก็ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นพฤติกรรมของใคร หรือจะใช่คนตายหรือไม่