จากกรณีการหายตัวไปของ นายฤชากร ใจสันติ หรือ “รองแบงค์” อายุ 43 ปี รอง ผอ.โรงเรียนสันป่ายางหน่อม อ.เมืองลำพูน ไปอย่างไร้วี่แวว พร้อมรถเก๋ง ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย. ที่ผ่านมา จนกระทั่งเมื่อช่วง 22.00 น คืนวันที่ 28 มิถุนายน 2567 ได้มีเพื่อนของ “รองแบงค์” ไปพบรถเก๋งซึ่งเป็นรถของเจ้าตัวที่ขับรถหายตัวไป ถูกจอดทิ้งไว้อยู่ใต้สะพานต่างระดับ ถนนวงแหวนรอบ 2 ข้างสวนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ท้องที่ ตำบลหนองหอย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่




หลังจากเกิดเหตุทางพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง พร้อมด้วยแพทย์จากภาควิชานิติเวชโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเชียงใหม่ ได้เดินทางมาสอบสวนอย่างที่เกิดเหตุ พบว่ารถ เก๋งคันดังกล่าวถูกปิดประตู ล็อกไว้ทั้ง 4 ด้าน สภาพฝุ่นเกาะกรัง คาดว่ารถคันดังกล่าวมาจอดทิ้งไว้หลายวันแล้ว และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบใกล้กับตัวรถพบว่ามีกลิ่นเน่าโชยออกมา เมื่อใช้ไฟฉายส่องเข้าไป พบมีคนใช้เชือกสีแดงผูกคอตัวเองติดกับราวจับด้านหลังเบาะนั่งคู่คนขับเสียชีวิตขึ้นอืดอยู่ในรถ ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงเก็บข้อมูลไว้อย่างละเอียด


ต่อมาทาง พ.ต.อ.ญาณพล พัฒนชัย ผกก. สภ.แม่ปิง ได้เรียกตัวนางสุทธีวรรณ อายุ 40 ปี ภรรยาของ “รองแบงค์” มาสอบสวน ทราบว่า คนที่เสียชีวิตในรถคือ สามีตัวเองจริง ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า ผู้เสียชีวิตใช้เชือกไนลอน ผูกคอตัวเองห้อยกับมือราวจับด้านหลังเบาะนั่งคู่คนขับ และเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน




วันนี้ (29 มิ.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดบริเวณทางกลับรถ ตรงทางแยกต่างระดับศรีบัวเงินพัฒนา ซึ่งเป็นเส้นทางที่มาจาก จ.ลำพูน เข้ามาที่ จ.เชียงใหม่ พบว่าเวลา 13.35 น. ของวันที่ 16 มิถุนายน 2561 “รองแบงค์” ได้ขับรถมากลับรถบริเวณดังกล่าว ก่อนที่จะขับตรงมุ่งหน้าไปยังลานจอดรถของสวนสมโภช 700 ปี จ.เชียงใหม่เพื่อจบชีวิตในรถของตัวเอง ซึ่งนี่เป็นนาทีสุดท้ายที่จะเห็นรถ “รองแบงค์” ก่อนเจ้าตัวจบชีวิตตนเองบนรถ




ในขณะที่มีชาวบ้านที่มาออกกำลังกายส่งกล้องหน้ารถให้ทีมข่าวช่อง 8 โดยจากกล้องหน้ารถตัวที่หนึ่ง บันทึกช่วงเช้าวันที่ 18 มิถุนายน ระหว่างขับรถผ่านบริเวณลานจอดรถของสวนสมโภช 700 ปี จะเห็นรถเก๋งของ “รองแบงค์” จอดอยู่ที่จุดเกิดเหตุ และเช้า 19 มิถุนายน ก็เห็นรถเก๋งของรองแบงค์จอดอยู่ที่เดิม ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เอะใจว่าเป็นรถเก๋งของ “รองแบงค์”ที่หายตัวจาก จ.ลำพูน ตามที่เป็นข่าว โดยพิกัดจุดที่เกิดเหตุบริเวณลานจอดรถของสวนสมโภช 700 ปี อยู่ห่างจากบ้านของรองแบงค์และภรรยาใน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ เพียงแค่ 8.4 กิโลเมตรเท่านั้น




ช่วงบ่ายวันนี้ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง เมืองเชียงใหม่ ทางภรรยาของ “รองแบงค์” ได้เดินทางมาพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อมาขอดูสมุดบันทึกเล่มสีแดง ที่ทางเจ้าหน้าที่พบตกอยู่ที่เบาะหลังรถของสามี และเมื่อภรรยา “รองแบงค์” ได้อ่านดูทีละหน้ายืนยันว่า เป็นลายมือของสามีจริง แต่มีหน้าสุดท้ายพบว่าตัวหนังสือยึกยือ โดยมีข้อความว่าติดต่อฉุกเฉิน ไม่เหมือนกับตัวหนังสือของสามีตน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตั้งข้อสันนิษฐาน ว่าสมุดหน้าสุดท้ายดังกล่าว ผู้ตายน่าจะเขียน ก่อนที่จะหมดลมหายใจ เพราะเป็นหน้าสุดท้ายของสมุด และสมุดก็ตกอยู่ใกล้ ๆ กับศพด้วย


ต่อมาช่วงเย็นรถตู้ของสมาคมกู้ชีพ-กู้ภัยลำพูน ได้นำร่างของ “รองแบงค์” มาถึงที่วัดศรีทรายมูล จ.ลำพูน หลังจากที่ได้มีการผ่าชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียด ที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ทันทีที่ร่างของ “รองแบงค์” มาถึงที่วัด พ่อแม่ของ “รองแบงค์” ยืนรอรับร่างลูกชาย บรรยากาศท่ามกลางความโศกเศร้า โดยเจ้าหน้าที่นิติเวชโรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ได้นำร่างใส่มาในถุงซิปล็อก แม่ “รองแบงค์” ที่รับไม่ได้เห็นร่างลูกชายก็ยืนร้องไห้พร้อมกับยกมือไหว้และแตะร่างลูกชาย




จากนั้นทางญาตินำร่าง “รองแบงค์” บรรจุใส่หีบศพ ด้านแม่รองแบงค์ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ พนมยกไหว้ ร้องไห้ แล้วแตะมือที่โลงศพลูก ในขณะที่พ่อ “รองแบงค์” สะเทือนใจเช่นกันกับการจากลาครั้งนี้ เคาะโลงศพลูกเพื่ออำลาแล้วพูดว่า “ชาติหน้ามีจริงมาเกิดเป็นลูกพ่ออีก”


โดยนางอนงค์ แม่ของ “รองแบงค์” บอกว่า เมื่อคืนนี้ประมาณ 4 ทุ่ม ตนได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าพบลูกชายตนเสียชีวิตอยู่ในรถใต้สะพานยกระดับ ข้างสวนสมโภช 700 ปี ตอนนั้นตนและสามีถึงกับช็อกทำอะไรไม่ถูก เพราะที่ผ่านมามีความหวังว่าลูกชายจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะว่ายังไม่พบรถและไม่เจอตัว ส่วนมูลเหตุในการก่อเหตุสลดในครั้งนี้ พ่อกับแม่ไม่รู้มูลเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากอะไรกันแน่


ทราบเพียงเบื้องต้น ว่าที่ผ่านมาลูกชายเครียดเกี่ยวกับปัญหาที่ทำงาน ซึ่งเป็นเรื่องของเงินในโรงเรียน และจะมีการสอบสวนข้อเท็จจริงในวันที่ 28 มิถุนายน นี้ คิดว่าลูกชายน่าจะเครียดเรื่องนั้น เรื่องนี้อาจถือว่าเครียดหนักที่สุดเลยก็ว่าได้ และที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยเล่าเรื่องเครียดอะไรให้ฟัง ทางครอบครัวทราบเรื่องนี้มีเรื่องเดียว แต่จะเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกันมากน้อยแค่ไหน แต่ตนไม่อยากพาดพิงไปถึงบุคลากรในโรงเรียนดังกล่าว




ขณะเดียวกันทีมข่าวสอบถามถึงข้อเท็จจริงในรายละเอียดที่ “รองแบงค์” เขียนในสมุดพกที่เจ้าหน้าที่พบในรถเมื่อคืนนี้ ซึ่งมีรายละเอียดระบุถึงเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินของภรรยาลูกชาย รายละเอียดของกรมธรรม์ประกันภัย 2 บริษัท และเงินฝาก 5 แสน รวมถึงจักรยานยนต์ 2 คัน ทั้งหมดที่ระบุไว้ประเด็นนี้ ตนยืนยันว่าตัวหนังสือที่เขียนในสมุดเป็นตัวหนังสือของลูกชายจริง และข้อมูลที่ปรากฏในสมุดก็เป็นข้อมูลจริง


ทั้งนี้ตนมองว่า ข้อความที่เขียนไว้ในสมุดไม่น่าจะใช่เป็นข้อความสั่งเสียหรือบอกอะไรก่อนเสียชีวิต คาดว่าน่าจะเป็นการจดบันทึกกันลืมมากกว่า เพราะว่าตนเองเคยสอน “รองแบงค์” ไว้ว่าให้จดรายละเอียดสำคัญไว้ในสมุด จดไว้กันลืม ตนเองและสามีไม่ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะสันนิษฐานว่าลูกน่าจะเกิดความเครียดอย่างหนัก หรือลูกอาจจะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเสียรู้แล้วเครียดสะสมทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า


ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านพักที่ จ.ลำปาง ของนายนิกร อายุ 51 ปี พ่อของครูเจน ซึ่งตกเป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องการเอี่ยวเช็คเงิน 150,000 บาท ขณะที่ “รองแบงค์” รักษาการรองผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลจามเทวี โดยนายนิกร ยืนยันว่า ลูกสาวไม่ได้ติดต่อมาหาตนเลยตั้งแต่ตนให้สัมภาษณ์ทีมข่าวเมื่อวานนี้ เพื่อชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และด้วยความที่ตนพยายามติดต่อลูกสาวแต่ติดต่อไม่ได้เลย ตนจึงไม่สามารถยืนยันได้ว่าขณะนี้ลูกสาวไปทำงานที่ประเทศจีนหรือยังอยู่ในประเทศไทย




แต่ที่ตนเองค่อนข้างตกใจคือเหตุการณ์ที่ “รองแบงค์”จบชีวิตคารถเก๋ง ทำให้ตนตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไมเงินแค่ 150,000 บาทถึงกับสละชีวิตเลยเหรอ มันมีอะไรมากกว่านั้นไหม เนื่องจากเงินแค่ 150,000 บาท ตนเชื่อว่า “รองแบงค์”สามารถจ่ายคืนได้ เพราะด้วยตำแหน่งและฐานะที่บ้านเจ้าตัวมีมากกว่านี้ ซึ่งตนไม่ทราบข้อมูลว่าตอนที่ลูกสาวทำงานเป็นครูอัตราจ้างที่โรงเรียนดังกล่าว ลูกสาวตนกับคณะครูที่โรงเรียนมีการทำงานอะไรกันบ้างที่นั่นหรือสร้างอะไรกันไว้บ้าง แล้วตอนนั้นลูกสาวตนก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับตนผู้เป็นพ่อมากนัก จึงทำให้ไม่ค่อยทราบเรื่องเกี่ยวกับลูกสาว


ตนอึดอัดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอพูดความจริงต่อหน้าทีมข่าวว่า หลังจากที่ลูกสาวตนลาออกจากโรงเรียนดังกล่าว ตนก็ไม่ทราบเช่นกันว่าลูกสาวตนทำงานเป็นครูต่อหรือไม่ หรือมีการสมัครที่โรงเรียนไหนอีก หรือไปทำงานที่จีน แต่ที่ผิดปกติคือหลังลูกสาวลาออกจากโรงเรียนดังกล่าว ก็ไม่ติดต่อมาหาตนอีกเลย




เผยคำพูดของลูกสาวก่อนที่จะลาออกจากโรงเรียน มีการระบายกับตนว่า “พ่อน้องเหนื่อย เพราะว่าทุกวันนี้น้องทำงานมันยิ่งกว่า ผอ. อีกนะ” ตนเข้าใจความเหนื่อยของลูก เพราะตอนเห็นในช่วงใกล้ปิดงบประมาณของโรงเรียน ลูกสาวของตนกลับมาที่บ้านดึกทุกวัน และมีสภาพที่เหนื่อยมากคล้ายกับทำงานเพียงคนเดียว ตนก็บอกว่า “น้องทำงานไปก่อนนะ ถ้าน้องอดทนไม่ไหวน้องบอกพ่อ” พอลูกตนตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน ส่วนตัวเชื่อว่าลูกสาวเคลียร์ทุกสิ่งทุกอย่างที่โรงเรียนหมดแล้ว ตนจึงไปเอารถจักรยานยนต์และข้าวของของลูกสาวตนที่โรงเรียนเพื่อเอากลับมาที่บ้าน แล้วปรากฏว่าลูกลาออกจากงานแล้วก็หายเงียบไปเลยติดต่อไม่ได้อีก


และอยากบอกเพิ่มเติมประเด็นที่ “รองแบงค์” จบชีวิต ตนยังติดใจว่าอาจจะมีอะไรมากกว่านั้นที่คนภายนอกไม่รู้ และอยากบอกอีกว่าหากสังคมมองว่าลูกตนเป็นต้นเหตุของการที่ “รองแบงค์” เสียชีวิต อยากให้มองว่าเช็คดังกล่าวที่รองแบงค์เป็นคนเซ็นจะต้องมีการระบุใช่หรือไม่ ว่าใช้สำหรับการจ่ายเงินสำหรับร้านใด ซึ่งหากจะมองอีกว่าลูกสาวตนเอาเช็คไปแล้วเอาไปขึ้นเงิน ตนก็อยากจะถามคืนว่าในส่วนเช็คที่มีการระบุดังกล่าว ลูกสาวจะสามารถขึ้นเงินได้หรือไม่ ซึ่งตนก็ยินดีหากมีหน่วยงานรัฐเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ เพราะก็เชื่อว่าลูกสาวไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และอยากให้ความจริงปรากฏ

 

ไร้ปราฏิหาริย์ "รองแบงค์" เป็นศพตายในรถ โยงขบวนการใน รร. สั่งจ่ายเช็กเงินแสน