จากกรณีที่เด็กหญิงอลิส วัย 3 ขวบ หายไปจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนพบจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำกลางทุ่งนา ระยะห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไปประมาณ 800 เมตร เมื่อเวลา 12.40 น. ของวันที่ 14 มิ.ย. 67 ซึ่งพ่อแม่ยันไม่ปักใจเชื่อลูกตนเองเดินไปยังจุดเกิดเหตุนั้น
ล่าสุด (29 มิ.ย. 2567) นางทองทิพย์ ย่าของน้องอลิส ที่ร้อนใจมาแจ้งเบาะแสกับช่อง 8 เป็นที่แรก บอกว่า ที่ย่าต้องรีบมาบอกช่อง 8 เป็นเพราะว่าย่าอยากให้ช่อง 8 ไปฟังกับหูตัวเองว่าย่าได้ยินมาแบบนี้ ซึ่งตัวย่าเองถึงแม้จะไม่ได้ยินจากปากน้องแก้ม แต่ย่าเชื่อว่าเด็กพูดความจริง
ส่วนประเด็นที่น้องแก้ม ทำท่าทางให้ย่าเขาดูว่า วันเกิดเหตุเห็นอลิสหัวจุ่มน้ำ ตัวย่าเองนึกภาพออกเลยว่า วันนั้นอลิสคงจะหัวจุ่มลงไปในอ่างน้ำด้านซ้ายที่ไม่มีถังน้ำ เพราะย่าเชื่อว่า ถ้าเป็นฝั่งนั้น ครูอาจจะไม่เห็นตอนที่น้องอลิส หัวจุ่มลงไป เพราะมันเป็นมุมที่อยู่ด้านใน ที่สำคัญที่ย่าเชื่อคำพูดน้องแก้ม เป็นเพราะว่าประเด็นตรงกันที่เขาลือกันว่า น้องอลิสมีการไปเล่นน้ำกับน้องโปรด
ส่วนวงจรปิดที่ช่อง 8 เปิดภาพป้านิ่มให้ดูวันที่ป้านิ่มไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้าน ยังติดใจอยู่ว่า ทำไมวันนั้นป้านิ่มไม่ขี่รถมาหาน้องอลิสที่บ้าน ทั้ง ๆ ที่บ้านป้านิ่ม ก็อยู่ตรงข้ามบ้านย่า ที่สำคัญทำไมแต่ละวันป้านิ่มให้การไม่ตรงกันเลย และบ้านป้านิ่มที่อยู่ตรงข้ามกันแท้ ๆ ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ทำไมป้านิ่ม ไม่เดินมาจับเข่าคุยกับย่าบ้าง ส่วนประเด็นเรื่องที่ย่าอุ้มน้องอลิส ในวันเกิดเหตุ ย่าจำได้ว่ามีน้ำไหลออกมาจากปากน้องอลิส ส่วนฟองอากาศไหลออกมาจากทางจมูกน้องอลิส
ต่อมา ทีมข่าวได้พูดคุยกับ ยายเต่า ผู้ปกครองของน้องโปรด ในประเด็นวันเกิดเหตุ น้องโปรดได้เล่นน้ำอยู่กับอลิสคนสุดท้ายนั้น มีเด็กจมน้ำและหัวปักน้ำหรือไม่ ยายเต่าให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ในวันเกิดเหตุ หลังจากที่รับโปรดมาจากโรงเรียน น้องโปรดไม่สบายงอแงและหลับไป หลังจากนั้นพอตื่นนอน ผู้ปกครองจึงได้สอบถามว่าไปทำอะไรมาถึงไม่สบาย น้องโปรดตอบเพียงแค่ว่าไปเล่นน้ำมา ผู้ปกครองจึงสอบถามเล่นกับใคร น้องจึงตอบว่าเล่นกับอลิส และก็ไม้ค่อยพูดอะไรอีกเลยเพราะน้องไม่สบาย
อีกทั้งหลังเหตุการณ์ที่น้องอลิสเสีย น้องโปรดไม่เคยพูดถึงอีกเลย หรือเล่าเรื่องราวต่าง ๆ น้องพูดแค่เล่นน้ำกับอลิส และพูดตามผู้ใหญ่อาจจะฟังมาจากผู้ใหญ่ โดยพูดว่าอลิสไปเล่นน้ำทะเลแล้วไม่ชวนโปรดเลย ส่วนประเด็นที่มีผู้ปกครองออกมากล่าวว่า ลูกตนเห็นอลิสหัวปักน้ำในห้องน้ำแล้วเกิดสำลัก ตนก็คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ ส่วนเดินไปที่เกิดเหตุเองก็อาจเป็นไปได้ทั้งหมด
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพูดคุยกับนางเกสร ยายน้องโปรด เผยว่า ในวันเกิดเหตุ น้องโปรดเล่นน้ำอยู่กับน้องอลิสจริง แต่ตนไม่ทราบอยู่ตรงไหน หลังจากนั้นน้องโปรดถูกเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดธรรมดาที่ตนเตรียมไว้ให้ในกระเป๋า โดยชุดของน้องโปรดที่ถูกเปลี่ยนในวันเกิดเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บหลักฐานไปแล้ว ส่วนมากน้องโปรดจะชอบเล่นน้ำตรงบริเวณถังน้ำกิน ซึ่งจะสามารถกินได้และชอบนำมือไปรองน้ำเล่นจนตนเองเปียก โดยเพื่อน ๆ ของน้องได้บอกกับผู้ปกครองว่า เห็นน้องโปรดเล่นน้ำอยู่กับอลิสตรงก๊อกน้ำหน้าเสาธง ซึ่งก๊อกน้ำเดิมมีสายยางด้วย โดยน้องโปรดชอบเล่นน้ำมาก สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะมีการเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะเล่นน้ำเปียก ซึ่งตนไม่ทราบว่าน้องโปรดสนิทกับใครเพราะเด็กเล่นด้วยกันหมด
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินสำรวจบ่อน้ำ บริเวณศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ โดยพบว่า บริเวณหน้าศูนย์ห่างออกไปประมาณ 150 เมตร อยู่ฝั่งถนนตรงข้ามวัด พบบ่อน้ำจำนวน 1 บ่อ ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร ลึก 2-3 เมตร โดยจะมีผักตบชวาอยู่้เต็มบ่อ จากนั้น ฝั่งทางด้านทิศตะวันตก หรือด้านขวามือของศูนย์ฯ มีจำนวน 3 บ่อ มีระยะห่างออกไป 200 เมตร โดยบ่อแรกมีความกว้าง ประมาณ 10 เมตร, บ่อที่ 2 ประมาณ 5 เมตร, และบ่อที่ 3 ประมาณ 5 เมตร และด้านหลังของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก จะพบว่า ระยะห่างออกไปยังบริเวณจุดเกิดเหตุประมาณ 540 เมตร พบบ่อน้ำประมาณ 5 จุดอยู่บริเวณใกล้กับบ่อจุดเกิดเหตุ
ขณะเดียวกัน ประเด็นที่น้องแก้มเห็นน้องอลิสหัวจุ่มลงไปในน้ำ และมีการไปทำท่าทางให้ผู้ปกครองดู ซึ่งเมื่อวานนี้ที่ทีมข่าวได้ไปนั่งคุยเปิดใจกับครูหนุ่ย ครูน้อย ที่ร้านข้าว โดยครูทั้งสองคนก็ให้ความร่วมมือโดยตอบทุกคำถาม และยังฝากความในใจไปถึงผู้ประกาศข่าวช่อง 8 ว่าอย่าแซวเยอะ
ซึ่งเมื่อวานนี้ ทีมข่าวมีการถามคำถามสุดท้ายกับครูทั้งสองคนว่า "ครูครับ สมมติว่าถ้าวันนั้นมีเด็กหัวจุ่มไปในน้ำและเด็กตาย ถ้าครูทั้งสองเห็นเหตุการณ์ ครูจะแจ้งให้ผู้ปกครองทราบในตอนนั้นเลยหรือไม่" แต่ปรากฏว่า ทันทีที่ครูหนุ่ยฟังคำถามประเด็นการสมมติดังกล่าวที่นักข่าวถามยังไม่ทันจบ ทางครูหนุ่ยยกมือขึ้นมาไหว้ และบอกกับนักข่าวว่า "ครูหนุ่ย ขอตัวนะ ครูขอความเป็นส่วนตัวค่ะ" แล้วก็พากันลุกออกจากการสัมภาษณ์ทันที
จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบ้านครูน้อยเพื่อพูดคุยประเด็นภาพกล้องวงจรปิด และกรณีผู้ปกครองเด็กเผยเห็นน้องอลิสหัวปักน้ำ ซึ่งพบว่าครูน้อยเพิ่งเดินทางกลับมาจากทำบุญ และกำลังจะกรวดน้ำ โดยจะมีการสวดมนต์และกรวดน้ำเป็นประจำพร้อมอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับน้องอลิสในวันพระ และตั้งจิตอธิษฐานให้ดลบันดาลให้คดีคลี่คลายไปด้วยดี พร้อมยืนยันตนเองนั้นบริสุทธิ์ใจ
อีกทั้งครูน้อยยังเผยอีกว่า ในคืนก่อน 2-3 วันที่แล้ว ตนได้ฝันเห็นน้องอลิสอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งในความฝันจำไม่ได้ว่าที่ไหน แต่ลักษณะคล้ายกับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ ซึ่งในความฝันน้องกำลังวิ่งเล่นอย่างมีความสุข พร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับคุณครู โดยลักษณะของผู้หญิงที่ตนเห็นเป็นผู้หญิงแก่เหมือนกำลังดูแลน้องอลิสเป็นอย่างดี
ต่อมา หลังจากกรวดน้ำเสร็จ ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับครูน้อยในประเด็นดังกล่าว เผยว่า เช้านี้ได้ไปทำบุญตักบาตรที่วัดค้อทอง โดยตั้งใจไปทำบุญกับชาวบ้าน หลังจากนั้น ช่วงเวลา 11.00 น. ตนได้เดินทางไปวัดเหมือดแอ่ โดยเดินทางไปพร้อมกับสมาชิก อบต. ที่อยู่หมู่ 11 จำนวน 8-9 คน และลูก ๆ ของตน จากนั้นครูได้ยกข้อมือโชว์สายสิญจน์และกำไลลูกประคำที่หลวงพ่อให้มา โดยวันนี้หลังจากที่ไปทำบุญ ตนได้ตั้งจิตอุทิศส่วนบุญให้กับน้องอลิส พร้อมดลบันดาลให้คดีคลี่คลาย
ส่วนกรณีที่มีเด็กเห็นน้องอลิสหัวปักน้ำ และมีการสำลักน้ำ ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะครูน้อยเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ซึ่งไม่เห็นน้อง จึงได้สังเกตเห็นที่นอนที่น้องอลิสยังไม่มีการนำไปปูนอน จึงรู้ว่าน้องหายไปและออกตามหา และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน และประเด็นกล้องวงจรปิดที่เผยออกมา ครูน้อยเผยว่ายังไม่เห็น แต่ก็อยากรู้ว่าในกล้องมีอะไรบ้าง เห็นเพียงภาพป้านิ่ม หรือแม่ครัวไปตามผู้ใหญ่บ้าน ส่วนในคลิปวงจรปิดที่จับภาพป้านิ่มขี่รถมอเตอร์ไซค์พร้อมตะกร้าด้านหลัง ตนไม่รู้ว่าอะไรอยู่ด้านหลังในวันเกิดเหตุ แต่ปกติป้านิ่มจะใช้ตะกร้าใบดังกล่าวบรรจุถุงแกงอาหารกลางวันมาส่งนักเรียน บางวันก็จะมีกับข้าว 2 ถุง รวมทั้งผลไม้
ขณะเดียวกัน ประเด็นของบุคคลและรถที่ผ่านกล้องบ้านผู้ใหญ่บ้านในวันเกิดเหตุ วันนี้ตลอดทั้งวันตามข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้านแจ้งกับทีมข่าว ตำรวจมีการไปไล่ถามทุกคนที่ผ่านกล้องใกล้เวลาเกิดเหตุว่าเห็นอะไรบ้างในวันเกิดเหตุ โดยบุคคลในกล้องที่ทีมข่าวพิสูจน์ชื่อและตัวตนได้ในวันนี้คือ กล้องเบอร์ 2 และเบอร์ 3 คือนางยุพิน ภรรยาผู้ใหญ่บ้าน ส่วนกล้องเบอร์ 4 คือรถกระบะติดคอกคนขับคือ นายพจน์ ซึ่งเป็นหลานผู้ใหญ่บ้าน และกล้องเบอร์ 12 เบอร์ 13 เบอร์ 15 เบอร์ 16 คือญาติผู้ใหญ่บ้านที่นำวัวไปลงที่คอกข้างวัวผู้ใหญ่บ้าน
ส่วนรถจักรยานยนต์ที่มีคนซ้อนท้ายผ่านกล้อง กล้องเบอร์ 27 เบอร์ 28 ที่มีรถผ่านเวลาเดียวกัน 3 คัน ก็คือแก๊งป้า ๆ ที่ไปเก็บเห็ด โดยคันแรกกล้องเบอร์ 27 คือ นางสวย กับนางเปา ส่วนเบอร์ 28 คือ นางสร กับนางเต่า และคันเสื้อม่วงที่ขี่ตามหลังมา คือ นางเท่ง
ส่วนกล้องเบอร์ 5 เป็นรถกระบะหลานของนายชม ซึ่งอยู่บ้านใกล้กับผู้ใหญ่บ้าน เบอร์ 6 คือญาติน้องอลิส เบอร์ 7 คือนายคูณ ชาวบ้านหมู่ 9 เบอร์ 8 คือนางติ่งกับลูกสาว ชาวบ้านหมู่ 9 เบอร์ 14 คือรถกระบะนางหน่อย เอาคนงานไปพ่นยา นางหยวก เมียรองนายก ยืนยันไม่ได้จอดแวะที่เกิดเหตุ
ล่าสุดวันนี้ ทีมข่าวได้มีโอกาสไปพบกับผู้หญิงเสื้อเหลือง ก็คือ นางสาวดวงใจ อายุ 32 ปี บอกกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุตนเองเป็นผู้หญิงเสื้อเหลืองตามภาพในวงจรปิด โดยก่อนที่จะขี่รถผ่านกล้อง ตนเองนำเอกสารเกี่ยวกับเรื่องกองทุนไปให้ผู้ใหญ่บ้าน ส่วนประเด็นที่ขี่รถผ่านไปและผ่านมาในช่วงใกล้เวลาที่ป้านิ่มมาแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ภาพที่เห็นในวงจรปิด ขาที่ขี่ผ่านไปทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ตอนนั้นตนเองขี่รถไปรับยายที่วัด และหลังจากนั้นก็ขี่รถพายายกลับมาที่บ้าน ซึ่งตอนที่ไปจอดรถรับยายที่วัด ไม่ได้สังเกตมองไปที่ศูนย์พัฒนาว่ามีครูหรือเด็กอยู่ภายในและภายนอกศูนย์หรือไม่ ส่วนตอนที่พายายขี่รถกลับบ้านก็ไม่ได้สังเกตว่ามีใครอยู่ข้างทางหรือไม่เช่นกัน
ส่วนแก๊งป้า ๆ ที่ไปเก็บเห็ด โดยขี่รถผ่านกล้อง เบอร์ 27 และ 28 วันนี้ทีมข่าวไปเจอกับนางเท่ง ซึ่งเป็นผู้หญิงเสื้อสีม่วงที่ขี่รถตามมาเป็นคันสุดท้าย บอกว่า ตอนที่เห็นแก๊งของป้า 5 คน พากันขี่รถผ่านหน้าบ้านผู้ใหญ่บ้าน พวกป้า ๆ ไปเก็บเห็ดเก็บหน่อไม้มา ซึ่งตัวป้าเองในฐานะที่เป็นเจ้าของที่นาตรงจุดพบศพน้องอลิส ยืนยันว่าตอนที่ป้าขี่รถตามหลังเพื่อน ๆ มาเป็นคันสุดท้าย ป้าเองยอมรับว่าป้ามองที่นาตัวเองมาตลอดทาง แต่ป้าไม่เห็นอะไรผิดปกติ ไม่เห็นเด็กหรือครูเดินเข้าไปในทุ่งนาตอนที่ป้าขี่รถผ่าน และตลอดทางที่ขี่ผ่านศูนย์เด็ก ก็ไม่เห็นเด็กเดินอยู่ข้างทาง แต่เห็นชาวบ้านนอนเล่นนั่งเล่นกันอยู่ข้างบ้านผู้ใหญ่บ้านหลายคน
สำหรับความคืบหน้าทางคดี ทีมข่าวได้รับรายงานว่า หลังจากที่ช่อง 8 เปิดวงจรปิดที่ป้านิ่มขี่รถไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ทางตำรวจได้มีการไปแกะเส้นทางเพิ่ม ก็คือเส้นทางหน้าวัดค้อทองที่สามารถไปยังจุดที่พบศพน้องอลิส โดยเส้นทางดังกล่าว จากการสำรวจภาพมุมสูง จะเห็นว่า หากออกมาจากวัดแล้วเลี้ยวขวาไปประมาณ 200 เมตร จะไปซอยเข้าโรงเรียนบ้านค้อเมืองแสน จากนั้นเมื่อเลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปในซอยประมาณ 150 เมตร ก็จะไปผ่านหน้าโรงเรียนบ้านค้อเมืองแสน และเมื่อผ่านหน้าโรงเรียนไปประมาณ 50 เมตร ก็จะไปเจอทางแยกถนนคอนกรีตที่เชื่อมกับด้านหลังศูนพัฒนาเด็กเล็ก ซึ่งถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปผ่านด้านหลังศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และก็สามารถผ่านไปยังบ้านของผู้ใหญ่บ้านได้
แต่ถ้าเลี้ยวขวาไปประมาณ 50 เมตร จะไปเจอทางลงซ้ายมือที่ไปสู่ทุ่งนาได้ และเมื่อเลี้ยวซ้ายลงไปตามเส้นทางดังกล่าวอีกประมาณ 200 เมตร ก็จะไปเจอทางเลี้ยวซ้ายที่สามารถไปยังจุดที่พบศพน้องอลิสได้ ซึ่งจุดดังกล่าวจะเห็นว่า หากขี่รถไปจอดตรงมุมระหว่างกลางที่มองเห็นศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเห็นต้นตาล ถ้าคนจะไปจอดรถตรงจุดนี้และเดินเลาะไปตามคันนาประมาณ 300 เมตร ก็สามารถเดินไปจนถึงจุดที่พบศพน้องอลิสได้เช่นเดียวกัน
จากนั้นหลังที่ทีมข่าวสำรวจภาพมุมสูง วันนี้ทีมข่าวยังทดลองไปขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากหน้าวัดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เพื่อสำรวจเส้นทางตามภาพมุมสูงว่าจะสามารถขี่รถไปได้หรือไม่ โดยจากการลองขี่รถตามเส้นทาง พบว่าถ้าหากขี่รถออกมาจากวัดและเลี้ยวไปตามเส้นทางดังกล่าว ก่อนที่จะเลี้ยวไปทางโรงเรียนจะไปผ่านบ้านคนเพียงไม่กี่หลัง และบ้านคนตามเส้นทางดังกล่าว มีเพียงบ้านหลังเดียวตรงทางเลี้ยวที่ติดวงจรปิดไว้ที่หน้าบ้าน
จากนั้นเมื่อขี่รถเลี้ยวเข้าซอยโรงเรียนแล้ว ก็จะไปผ่านหน้าโรงเรียน และเมื่อผ่านหน้าโรงเรียนไป ก็จะไปเจอทางแยกถนนคอนกรีต ซึ่งทีมข่าวได้เลี้ยวขวาไปตามเส้นทางตามเบาะแส พบว่ามีทางลงเข้าทุ่งนาที่รถจักรยานยนต์และรถยนต์สามารถขับขี่เข้าไปได้ และเมื่อขี่รถเข้าไปเรื่อย ๆ ก็จะไปเจอทางแยกที่ถ้าเลี้ยวซ้ายไปแล้วก็จะไปเจอกับจุดจอดรถที่มองเห็น 3 จุดสำคัญก็คือ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, จุดต้นตาล และจุดพบศพน้องอลิส นอกจากนี้ ขณะที่ทีมข่าวขี่รถไปจอดตรงจุดจอดรถ ก็ยังสังเกตเห็นว่า มีทางที่ชาวนาสามารถเดินเลาะไปตามคันนาได้รอบ ๆ จุดที่พบศพน้องอลิส