"บิ๊กเต่า" เผย คดีเรือน้ำมันเถื่อนหาย ยัน "เสี่ยโจ้" เป็น 1 ใน 4 ผู้สั่งการ ชี้ ภายในสัปดาห์นี้เร่งตามตัวผู้ต้องหาดำเนินคดี

วันนี้ (1 ก.ค 67) เวลา 11.50 น. ที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมพนักงานสอบสวนคดีเรือน้ำมันเถื่อนประชุมคืบหน้าหลังพบเสี่ยโจ้โผล่ปอยเปต

พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมเสร็จ ได้ข้อสรุปว่าจะมีการตั้งวินัยร้ายแรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นาย ในส่วนของการดำเนินการเรื่องมาตรา 157 มติที่ประชุมมีการแจ้งว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำจะมาดำเนินคดีแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นาย เป็นชั้นประทวนที่เฝ้าเรือ ส่วนสารวัตรที่มีส่วนเอี่ยวในก่อนหน้านี้ตนได้ตรวจสอบแล้วพบว่ายังไม่เข้าข่าย เนื่องจากมีหน้าที่ในการสั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย ในการเฝ้าเรือ

ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายที่เข้าข่ายมาตรา 157 เพราะว่าบกพร่องในหน้าที่ ไม่เข้าเวรยาม หลังจากการดำเนินคดีแล้วทางเจ้าหน้าที่จะมีการไปฟ้องละเมิด ซึ่งในวันนี้เรามีการสรุปคือ ได้นำ โทรศัพท์ทั้งหมด 9 เครื่อง มาดูข้อมูลในโทรศัพท์ทั้งหมด เหลืออยู่ 1 เครื่องที่ไม่สามารถดูได้เนื่องจากว่าไฟล์มันใหญ่เกินไป โดยโทรศัพท์ทั้ง 9 เครื่องนี้มีของทางผู้กำกับและสารวัตร รวมไปถึงของเวรยามที่เฝ้าเรือทั้งก่อนเข้าเวรและหลังเข้าเวร หากสามารถดูไฟล์ในโทรศัพท์เครื่องดังกล่าวได้แล้ว และพบความเชื่อมโยงในคดีก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย มาตรา 157

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการตรวจโทรศัพท์ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ตรวจเรื่องของหลักฐาน แต่เป็นตรวจเรื่องของการดูบัญชีเงินเข้าออกด้วยหรือไม่ โดยพล.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ทางตำรวจต้องตรวจสอบทุกมิติอยู่แล้ว ว่ามีความเกี่ยวข้องกับทางคดีอย่างไรบ้าง ซึ่งตอนนี้ทางเรากำลังตรวจว่าสิ่งที่เรือหายไปเกี่ยวโยงกับเรื่องของการมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดหรือไม่หรือมีความช่วยเหลืออย่างไรหรือไม่ เราต้องมองว่าในมาตรา 157 ต้องมีเจตนาพิเศษ ซึ่งการที่เราดำเนินการตามข้อมูลที่เรามีถือว่าเป็นการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการในมาตรา 157 พร้อมกับวินัยร้ายแรงด้วย

เมื่อถามว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความเห็นใจกับทางเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า ตนมีความเห็นใจ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่กระทำความผิดอายุยังน้อย แต่อย่างไรก็ตามเราถือกฎหมายเหมือนกันหากกระทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ทั้งนี้ในวันนี้ได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการตำรวจปราบปราม ว่าการรายงานการสืบสวนความเชื่อมโยงของคดีทั้งหมดมีอยู่ 2 ส่วน ในส่วนของการรายงานที่จะสอดคล้องในการจับกุมผู้ต้องหาคดีเรือน้ำมันเถื่อนว่ามีใครเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ และสอดคล้องเกี่ยวกับคดีเรือน้ำมันเถื่อนหายหรือไม่ อีกทั้งรายงานการสืบสวนทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ส่งไปให้ทางอัยการ และ ปอศ. เพื่อที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับ และในส่วนของเรือหายทางกองปราบก็จะขออนุมัติออกหมายจับในอาทิตย์นี้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ต้องหาคดีน้ำมันเถื่อน และผู้ต้องหาเรือน้ำมันเถื่อนหายเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน แต่จะครบทั้งหมดหรือไม่ตนไม่รู้ เท่าที่รู้ประมาณ 4-5 คน พร้อมยืนยันว่าเสี่ยโจ้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสั่งการทั้งหมด

ส่วนประเด็นที่มีแช็ตหลุดของผู้กำกับ น. นั้น พล.ต.ต จรูญเกียรติ ระบุว่า ผู้กำกับน. ให้การว่าเป็นแช็ตของตนเอง แต่ในเรื่องของการรับผลประโยชน์ผู้กำกับน.ให้การปฏิเสธ และยืนยันว่ามีการพูดคุยกับกลุ่มผู้ต้องหาจริง ซึ่งทางเราได้มีการติดต่อไปที่หนุ่มเพชรบุรี แต่ก็ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด อีกทั้งจะไปสอบปากคำที่เพชรบุรีเลย หากสอบแล้วมีการยืนยันว่าได้รับผลประโยชน์กันจริงทางผู้กำกับ น. ก็ไม่รอด