จากกรณีเวลาประมาณ 04.30น. ของเช้ามืดวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา พบศพชายคนหนึ่งตกจากที่สูงของคอนโดมิเนียม ย่านห้วยขวาง ลงมาเสียชีวิต สภาพศพพบว่า สวมกางเกงในตัวเดียว ซึ่งขณะนั้นมีเพียง รปภ.ของคอนโด อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ และได้ยินเสียงวัตถุตกลงพื้น จึงเข้าไปตรวจดู พบร่างชาย คนดังกล่าว นอนอยู่บริเวณทางรถข้างตึก จึงโทรศัพท์ แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบและทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายณัฐวุฒิ ซึ่งตำรวจสันนิษฐานว่าน่าจะกระโดดลงมาเอง เพื่อฆ่าตัวตาย โดยมีการสอบปากคำเพื่อนในห้องคอนโดที่เกิดเหตุ โดยคอนโดที่เกิดเหตุ สูง 34 ชั้น และจุดที่ผู้เสียชีวิตตกลงมา อยู่ชั้นบนสุดคือชั้น 34 ซึ่งร่างผู้เสียชีวิตญาตินำกลับไปทำพิธีทางศาสนาอิสลามที่ จ.ตราดแล้ว 

 

โดยเหตุการณ์ครั้งนี้ทางครอบครัวติดใจการเสียชีวิตไม่เชื่อว่า ผู้ตายกระโดดตึกลงมาเสียชีวิตเองแน่นอน เพราะที่ผ่านมาไม่มีความเครียด หรือปัญหาอะไร อีกทั้งกำลังจะมีอนาคตรับราชการครู เพราะสอบติด ซึ่งตามกำหนดในวันที่ 1 กรกฎาคม จะต้องไปรายงานตัว แต่มาเสียชีวิตเสียก่อน

 

ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณลิฟต์ของคอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ บันทึกภาพ วันที่ 29 มิถุนายน เวลา ประมาณสี่นาฬิกา จับภาพขณะที่นายณัฐวุฒิ ผู้เสียชีวิต กลับมาจากสถานบันเทิงพร้อมกับกลุ่มเพื่อนรวม 8 คน ซึ่งในภาพจะเห็นผู้เสียชีวิตใส่เสื้อสีดำ ส่วนอีกคนที่เห็นอยู่ในลิฟต์ด้วยคือเจ้าของห้องสวมเสื้อสีขาว ซึ่งอ้างว่าขณะเกิดเหตุนอนหลับ ไม่รู้ว่าผู้เสียชีวิตตกตึกลงมาได้อย่างไร 

 

โดยนี่เป็นหลักฐาน ส่วนหนึ่งที่ตำรวจรวบรวมมาเพื่อนำมาประกอบกับสำนวนคดีในการคลี่คลายปมการเสียชีวิตปริศนาครั้งนี้ ขณะเดียวกันวันนี้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางเพื่อพูดคุยกับทางผู้กำกับ เกี่ยวกับการเสียชีวิต ของนาย ณัฐวุฒิ สอายุ 24 ปี 

 

โดย นายนิคม อายุ 56 ปี พ่อของพี่เสียชีวิต บอกว่า ครอบครัวไม่เชื่อว่าลูกชายจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายโดยมีการตั้งข้อสงสัยในหลายประเด็นเริ่มจาก สภาพศพที่ลูกชายเสียชีวิต ไม่สวมเสื้อผ้าสวมเพียงกางเกงในตัวเดียวซึ่งลักษณะนิสัยของลูกชายเขามั่นใจและรู้จักอย่างดีว่าปกติลูกชายไม่สวมกางเกงในเพียงตัวเดียวนอน หรืออยู่ภายในห้องพัก 

 

ประเด็นที่สอง คือลูกชายไม่ได้มีความเครียดหรือมีปัญหาชีวิตเพราะมั่นใจว่าหากมีเรื่องหรือปัญหาอะไรลูกชายจะเล่าให้ฟังเนื่องจากว่าที่ผ่านมาการเลี้ยงดูของเขาลักษณะเป็นเพื่อนพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ล่าสุดลูกชายกำลังมีอนาคตที่ดี ทำตามความฝันของตัวเองได้สำเร็จ เนื่องจากเขาตั้งใจที่จะอ่านหนังสือและสอบรับราชการกระทั่งสอบติดและมีกำหนดการรายงานตัวเข้ารับราชการในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ( เมื่อวาน ) แต่มาเสียชีวิตซะก่อนซึ่งพ่อบอกว่านี่เป็นความฝันของลูกชายรวมถึงตัวพ่อเอง ในตอนที่ลูกชายสอบติดยังพยายามที่จะปิดบังเพื่อทำเซอร์ไพร์ส แต่สุดท้ายลูกชายก็ยอมบอก และในวันที่ 30 มิถุนายน จริงๆ ลูกชายตั้งใจจะเดินทางกลับมาที่บ้านอย่างแน่นอน มีการบอกกับทางบ้านว่าให้เตรียมรีดชุดเสื้อผ้า สำหรับใส่ไปรายงานตัว ซึ่งดูแล้วลูกชายจะตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก นั้นทำให้เขายิ่งมั่นใจว่าลูกชายไม่มีทางคิดสั้นฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน 

 

ประเด็นที่สามคือ หลักฐาน บุหรี่และไฟแช็ก และ โทรศัพท์มือถือ กับ แบตเตอรี่สำรอง ที่พบอยู่ตรงขื่อ จุดที่คิดว่าตกลงมาเสียชีวิต ครอบครัวข้อสงสัยว่าหากลูกชายจะกระโดดตึก จริงทำไมต้องหยิบสิ่งของเหล่านั้นมาวางเอาไว้ก่อนแล้วจึงกระโดดลงมา ซึ่งโดยปกติแล้วเรื่องของการสูบบุหรี่ก็เป็นข้อห้ามของศาสนา แต่ที่ผ่านมาก็ไม่รู้ว่าเมื่อลูกชายอยู่นอกบ้านจะสูบบุหรี่หรือไม่ 

 

วันนี้ครอบครัวอยากให้ตำรวจคลายข้อสงสัยทั้งหมดนี้ซึ่งผลของการตรวจสอบจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมยอมรับิเพียงแต่ขอให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด รวมถึงสอบปากคำเพื่อนของลูกที่อยู่ในคอนโดวันเกิดเหตุด้วย ว่ามีพิรุธหรือไม่ ซึ่งเพื่อนกลุ่มนี้พ่อก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน วันเกิดเหตุลูกบอกเพียงว่าจะมางานวันเกิดเพื่อน

 

ขณะที่ เมื่อประมาณ 19.20น. นางสาวซัน (นามสมมติ) พื่อนของผู้เสียชีวิตที่ เป็นคนสุดท้ายที่วีดีโอคอล คุยกับผู้เสียชีวิตช่วงประมาณตี2 และเป็นพยานปากสำคัญ เดินทางเข้ามาให้ปากคำกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง

 

โดย เพื่อนของผู้เสียชีวิต บอกว่า ตอนนั้นได้พยายามติดต่อผู้เสียชีวิต เพราะตลอดทั้งวันติดต่อไม่ได้ปกติจะไม่เคยหายไปจะตอบแชตตลอด มาติดต่อได้ 3 ครั้งคือ 5 ทุ่ม ตี 1 และตี 2 ครึ่งจนถึงตี 3.38 น. เป็นการพูดคุยกันแบบวิดีโอคอลลากยาว มีการพูดคุยกันปกติ พูดคุยรู้เรื่อง แต่พอถามว่า หายไปไหน เขาบ่ายเบี่ยงที่จะตอบ

 

โดยจากการพูดคุยดูเขาหวาดระแวงใครบางคนตลอด และเขาก็พูดคยเดียวเป็นการเล่าเรื่องคนอื่น ไม่ได้พูดเรื่องตัวเอง ไม่ได้ตัดพ้ออะไรในชีวิต และตอนวิดีโอคอล ก็พบว่า เขาถอดเสื้อ ดูหน้าโทรมๆ และด้านหลังเห็นเป็นผ้าม่าน บางทีก็เดืนไปที่เตียง แต่ไม่ไเ้มีบักษ๊ะจะไปตรงหน้าต่างเพื่อกระโดดลงมา และไม่เชื่อด้วยว่า เพื่อนจะฆ่าตัวตาย เพราะเพื่อนไม่มีความเครียด เป็นคนร่าเริง ทั้งนี้ส่วนตัวไม่เคยเห็นเพื่อนเสพยา แต่ดูดบุหรี่ ไม่ได้มีอาการเมา

 

ด้าน พ.ต.อ.ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยภายหลังชี้แจงขั้นตอนการทำงานและความคืบหน้าทางคดีกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ยืนยันว่า จะทำความจริงให้ปรากฎในประเด็นข้อสงสัย โดยข้อสงสัยต่างๆในหลายเรื่องจะหาพยานหลักฐานตอบประเด็นข้อสงสัยให้ได้ ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังตั้งสมมติฐานตั้งไว้ 3 ประเด็น แต่น้ำหนักในแต่ละประเด็นแตกต่างกัน คือ

 

-การพลัดตกจากห้องที่เกิดเหตุ ประเด็นนี้มห้น้ำหนักมากที่สุด รองลงมาคือ ประเด็น บุคคลหรือกลุ่มบุคคลทำให้น้องตกลงมา และประเด็นทำร้ายตัวเอง แต่ประเด็นนี้ให้น้ำหนักน้อยที่สุด

 

ซึ่งทั้ง 3 ประเด็นหลังจากได้รวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องไปบางส่วน รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปบางส่วน ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง และวันนี้จะต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีกเกือบ 10 ปาก ว่าก่อนเกิดเหตุ น้องกับเพื่อนไปที่ไปที่ไหนมาบ้าง มีการเดินทางแต่ละจุดไปแต่ละจุดอย่างไรบ้าง ก็ต้องเอารถสาธารณะมาตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีสิ่งผิดปกติอย่างไรบ้างหรือไม่ ก่อนเกิดเหตุมีใครอยู่บ้าง มีใครออกไปจากห้องในห้วงเวลาไหนบ้าง เพื่อดูว่าสอดคล้องกับพยานอื่น ๆ หรือไม่ และสอดคล้องกับกล้องวงจรปิดหรือไม่ โดยวงจรปิดที่ตรวจสอบ แบ่งเป็นด้านล่าง ในลิฟต์ ห้องที่เกิดเหตุ รวมถึงพยานเพื่อนบ้าน โดยได้นัดหมายมาสอบปากคำแล้วว่าทราบเรื่องราวก่อนและขณะเกิดเหตุอย่างไร ซึ่งทั้งหมดจะนำมาประกอบการพิจารณาบนกรอบ 3 ประเด็นที่ตั้งสมมติฐานไว้

 

สำหรับการตรวจสอบกล้อวงจรปิด พบว่า วันที่ 29 มิ.ย. มี 8 คนที่ขึ้นไปที่ห้อง เวลาประมาณตี4 และทั้ง8คนไม่ได้รู้จักกันทั้งหมด แต่เป็นลักษณะการพากันมากันเพื่อน ซึ่งทั้งหมดทราบแล้วว่ามีใครบ้าง อยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวมาสอบปากคำทั้งหมด

 

โดยหลังเข้ามาที่ห้อง จากนั้นก็ทยอยกันออกจากห้อง และเท่าที่ดูจากกล้องวงจรปิดในลิฟต์ ก็เห็นท่าทางของกลุ่มเพื่อนและผู้ตายพูดคุยกันในสภาวะปกติ แต่ได้ให้ไปตรวจสอบอีกว่า กล้องสามารถตรวจสอบเสียงที่พูดคุยกันได้หรือไม่เพราะขณะนี้ กล้องวงจรปิดมีทุกชั้น แต่ใช้ไม่ได้ทุกชั้น จึงมีข้อจำกัด ทำให้ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบโดยละเอียดครั้ง และขณะนี้ ตำรวจยังตอบไม่ได้ว่า หลังจากกลับเข้าไปในห้องแล้ว ผู้ตายออกไปด้านนอกอีกหรือไม่ก่อนเสียชีวิต ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะส่วนหนึ่งต้องส่งไปให้ตรวจพิสูจน์ว่ากล้องใช้ได้ทั้งระบบ หรือใช้ไม่ได้เฉพาะเซฟเวอร์

 

ส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เมื่อเช้าที่ผ่านมาตำรวจได้ร่วมกับฝ่ายสืบสวนสอบสวน และพิสูจน์หลักฐาน เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยเฉพาะห้องที่สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต ทำให้ได้รายละเอียดค่อนข้างเป็นประโยชน์กับรูปคดี และวัตถุพยานที่เก็บได้ทั้งหมดก็จะส่งตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ 

 

โดยตนเองได้ให้ตรวจทั้งบริเวณหน้าต่างด้านในด้านนอก มือจับ ราวแขวนผ้าม่าน ทุกจุดที่เป็นข้อสงสัย เพื่อให้ครบถ้วน ส่วนจะพบอะไรหรือไม่อยู่ระหว่างรอผล ทั้งนี้ จุดที่คาดว่าจะตก บริเวณขื่อหน้าต่าง มีความกว้างประมาณ 50 ซม. ซึ่งพบไฟแช็ก บุหรี่ โทรศัพท์ พาวเวอร์แบงค์ ขี้บุหรี่ ความสูงอยู่ประมาณเอว และหน้าต่าง เปิดได้แค่ฝั่งซ้ายขวา ตรงกลางเปิดไม่ได้ จึงได้ให้พิสูจน์หลักฐานวัดความกว้างความสูงแบบที่ปิดและแบบที่เปิด เพื่อจะดูความเป็นไปได้ว่า หากมีบุคคลหรือผู้เสียชีวิตจะออกไปด้วยตนเองได้หรือไม่ หรือถ้ามีบุคคลอื่นยัดออกไปได้หรือไม่ ส่วนจะมีโอกาสในลักษณะเป็นการผลักหรือไม่ต้องเอามาประมวลผลข้อมูลอีกครั้ง

 

ส่วนผลการชันสูตรโดยละเอียดทั้งหมด รวมถึงสารเคมี วัตถุออกฤทธิ์ และสารเคมีในร่างกาย คาดว่าประมาณ 2-3 สัปดาห์ ส่วนผลทั้งหมดประมาณ 1 เดือน โดยจะต้องรอผลเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาด้วย

 

ส่วนห้วงระยะเวลาการเสียชีวิตต้องรอผลชันสูตรโดยละเอียดจึงจะทราบว่าตกลงมาเวลาจริงประมาณไหน แต่การชันสูตรขั้นตอน ยืนยันได้ว่า ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย มีบาดแผลที่หลัง สินนิษฐานว่า อาจจะตกลงมากระแทกจุดใดจุดหนึ่งก่อนมาถึงบริเวณที่พบศพ

 

ผู้กำกับสน.ห้วยขวาง ระบุว่า จากลักษณะทางกายภาพที่ตรวจสอบบริเวณห้องที่เกิดเหตุ ทั้งหน้าต่าง ระเบียง คงต้องมาประกอบการพิจารณาคำให้การของพยานที่อยู่ในห้องว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่าตกไปจากจุดดังกล่าว รวมถึงผลนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งหากตรวจพบสารเคมีวัตถุออกฤทธิ์ ก็ต้องถามแพทย์ว่า สารเคมีดังกล่าว ส่งผลใดต่อสภาพร่างกายหรือจิตใจและสมองอย่างไร ประเด็นเหล่านี้จึงต้องใช้เวลาก่อน และจากการสอบปากคำพยาน3ปากนั้น ให้ข้อมูล โดยเฉพาะเจ้าของห้อง อ้างว่า หลับไป 4 ทุ่ม แล้วมาทราบว่าเพื่อนตกตึกมาเสียชีวิตตอนเช้า

 

ทั้งนี้จากการสอบปากคำ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่ามีการทะเลาะกันภายในห้องหรือไม่ เพราะต้องรอสอบปากคำเพิ่มเติม และตำรวจยังไม่ได้ปักใจเชื่อคำให้การ ส่วนจะมีพอรุธหรือไม่ต้องรอจิกซอร์ทั้งหมดก่อน เพื่อให้เกิดความชัดเจน

 

ส่วนที่ญาติให้ข้อมูลว่า มีลักษณะที่ผู้ตาย พูดคุยกับเพื่อนก่อนเสียชีวิตในลักษณะเหมือนขอความช่วยเหลือนั้น ก็ได้ให้ติดตามพยานคนที่พูดคุยมาสอบปากคำแล้ว ทั้งนี้กรณีที่ ที่กังวลว่า บุคคลหรือกลุ่มเพื่อนอาจจะมีอิทธิพลใดๆที่จะมาเปลี่ยนแปลงในคดีนี้นั้น ตำรวจยืนยันได้ว่า การทำงานของตำรวจปัจจุบันต้องตรวจสอบได้ ไม่มีผู้มีอิทธิพลใดอยู่เหนือกฎหมาย จึงยืนยันกับครอบครัวว่า จะทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามพยานหลักฐาน และจากการตรวจสอบของฝ่ายสืบสวนไม่พบประวัติอาชญากรรม ของพยานที่เป็นกลุ่มเพื่อนๆ

"ว่าที่ครู" ตกตึกดับปริศนา ญาติคาใจทำไม? ศพเปลือย