จากกรณีนายพิชิต คำแก้ว หรือ “เหม่” อายุ 44 ปี ผู้ช่วยช่างภาพสำนักข่าวช่องหนึ่ง เสียชีวิตปริศนา หลังจากขับรถรถมอเตอร์ไซค์ล้ม ขณะเดินทางกลับบ้านที่ อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ วันที่ 30 มิถุนายน รอยต่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ซึ่งการประสบอุบัติเหตุครั้งนี้มีข้อสงสัยเนื่องจากว่าบาดแผลร่องรอยต่าง ๆ ที่พบตามร่างกายเป็นการช้ำในและเป็นบาดแผลที่หนัก เมื่อเปรียบเทียบกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ประสบอุบัติเหตุ กลับพบว่ามีรอยถลอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยอาการของนายพิชิตมีอาการกะโหลกร้าว ตับฉีก มีเลือดออกในช่องท้อง มีเลือดไหลในสมองและอยู่ในภาวะช็อก และเสียชีวิตในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมานั้น
บ่ายวันนี้ (3 กรกฎาคม 2567) ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้นำรถจักรยานยนต์ของนายพิชิต คันที่เกิดเหตุ มาจำลองเหตุการณ์บริเวณทางไปไร่มัน บ้านหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ โดยเมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ก็จำลองเหตุการณ์โดยนำรถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดเหตุนอนลงกับพื้นด้านขวาลงพื้น จากนั้นก็ได้มีการใช้มือตรวจวัดทรายที่อยู่บริเวณก่อนเกิด เหตุโดยการวัดเช่นนี้เพื่อพิสูจน์ว่าระหว่างที่ขี่รถมานั้น อาจจะเกิดการแฉลบระหว่างทางเนื่องจากทรายมีความหนาประมาณสองถึง 3 นิ้ว ทำให้รถอาจจะแฉลบและเสียหลักล้มลงก็เป็นได้ จึงต้องเก็บหลักฐานทั้งหมดอย่างละเอียด
นอกจากนี้ ยังวัดระดับจากจุดเกิดเหตุถึงต้นสะเดา เนื่องจากมีรายงานว่าอาจจะเป็นไปได้ที่ร่างกระแทกของแข็งที่อยู่ใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ ก็คือต้นสะเดา แล้วล้มลง แต่ระยะของต้นสะเดานั้นห่างออกไปประมาณ 20 เมตรจากจุดเกิดเหตุ โดยระหว่างการทดลองนี้ พบว่า นายบุญจันทร์ หรือ ลุงแอ๋ง ซึ่งเป็นคนมาพบนายพิชิตขณะที่นอนบาดเจ็บเป็นคนแรก ได้ทดลองสาธิตนอนให้ดูและให้ข้อมูลกับตำรวจว่า ตนเองขับรถซาเล้งมาเจอนายพิชิตนอนอยู่ และบอกเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ตำรวจฟัง
ล่าสุดปรากฏว่าทางบ้านที่อยู่บ้านหนองโดน อำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ระหว่างที่ญาติเตรียมจัดงานศพและเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้รอรับแขก ปรากฏว่ามีหญิงอายุประมาณ 40-45 ปี ซึ่งเป็นเครือญาติ ได้เกิดอาการร้องไห้ขึ้นมากลางวงแล้วบอกว่าตนเอง คือ เหม่ ซึ่งเป็นชื่อเล่นผู้ตาย โดยพูดว่ามีคนทำแต่บอกไม่ได้ จากนั้นญาติพยายามถามว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็บอกว่าบอกไม่ได้ และปวดท้องมาก
จากนั้นญาติคนอื่นก็บอกให้หญิงที่ถูกวิญญาณเข้าสิงก้มลงกราบพ่อที่นอนป่วยอยู่ เมื่อพยายามถามถึงเหตุการณ์ว่ามีใครทำร้าย หญิงที่ถูกวิญญาณเข้าสิง ก็บอกว่าบอกไม่ได้ แล้วก็ขอดื่มน้ำ
จากการตายปริศนาของนายพิชิต พบว่ากล้องวงจรปิดตัวสุดท้ายก่อนจะพ้นจากหมู่บ้านไปที่ไร่มัน และประสบเหตุจนเสียชีวิต กล้องตัวชุดที่ 1 เวลา 22.07 น. พบรถมอเตอร์ไซค์ของนายพิชิตขี่ออกจากบ้าน กล้องตัวชุดที่ 2 เวลา 23.10.25 น. รถของนายพิชิตขี่ผ่านกล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านเพื่อไปยังไร่มันและไปเถียงนา เพื่อเจอเพื่อนซึ่งเป็นกล้องตัวสุดท้ายที่จะจับภาพได้เพราะหลังจากนี้ก็จะเป็นไร่มัน กล้องตัวชุดที่ 3 เวลา 23.52.47 น. พบรถซาเล้งของลุงแอ๋งผู้พบร่างคนแรกขี่ออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าไปยังไร่มัน
จากนั้นกล้องชุดที่ 4 จับภาพรถซาเล้งลุงแอ๋งนำร่างของนายพิชิตออกจากไร่มัน กำลังขี่เข้าหมู่บ้านเพื่อนำไปส่งญาติและส่งโรงพยาบาล จากนั้นก็มีกล้องวงจรปิดอีกชุดหนึ่งซึ่งอยู่หน้าคลินิกแห่งหนึ่ง สอดรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเวลา 23.47.56 น. จะเห็นภาพตอนที่รถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่เข้าไปช่วยนายพิชิตขี่ออกมาถึงหน้าคลินิกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านของนายพิชิต จากนั้นเวลา 23.48.21 น. รถซาเล้งนำร่างของนายพิชิตมาถึงหน้าคลินิกและบ้านของนายพิชิตซึ่งอยู่ตรงข้ามกัน จากนั้นก็นำนายพิชิตใส่รถกระบะส่งโรงพยาบาล
ด้านไพฑูรย์ ญาติของนายพิชิต เผยกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุตอนช่วงหัวค่ำนายพิชิตอยู่ที่งานศพของปู่เครือญาติกันก็พบว่านายพิชิตไม่มีท่าทีผิดปกติแต่อย่างใด ยังคงทักทายและเล่นกับเพื่อนในหมู่บ้านตามปกติ และมีดื่มสุราบ้างแต่ถึงขั้นมึนเมา จากนั้นนายพิชิตได้แยกตัวออกจากงานศพไปหาเพื่อนที่เถียงนาทางไปไร่มัน โดยตอนนั้นก็พบว่านายพิชิตเดินออกจากบ้านงานตามปกติไม่มีเรื่องบาดหมางกับใคร หรือมีใครไม่พอใจนายพิชิตจนเกิดการเอะอะโวยวาย ไม่มีเหตุการณ์เหล่านี้ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ
จากนั้นนายพิชิตก็ขี่รถออกไปประมาณเกือบสี่ทุ่ม และประสบเหตุตอนแรกทางครอบครัวก็ไม่ได้ติดใจคิดว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่พอมารู้ว่าเสียชีวิตจากการช้ำในอวัยวะภายในช่องท้องได้รับผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จึงเกิดความสงสัยว่ามีคนทำหรือเกิดจากอะไรกันแน่ เพราะสภาพรถที่เห็นเสียหายเพียงเล็กน้อย ส่วนประเด็นเรื่องจะมีเรื่องบาดหมางกับคนในหมู่บ้าน จนเป็นเหตุให้เกิดการดักทำร้ายแล้วเสียชีวิตนั้นประเด็นนี้ก็ตัดทิ้งได้เลย
ส่วนจุดที่เกิดเหตุเป็นทางดินทรายร่วน มีชาวบ้านขี่มอเตอร์ไซค์และเกิดอุบัติเหตุหลายคน โดยตนเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเคยขี่รถมอเตอร์ไซต์แล้วแฉลบล้ม ทำให้ขาหักมาแล้วซึ่งดินทรายตรงจุดนั้น ถือว่าเป็นจุดอันตรายจุดหนึ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากแต่ชาวบ้าน ที่ประสบเหตุไม่มีรายใดได้รับบาดเจ็บถึงขั้นฟกช้ำในช่องท้อง ตับฉีก เลือดออกในช่องท้องเลือดออกในสมองเหมือนนายพิชิต จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเกิดอะไรกันแน่
ขณะที่วันนี้นางสาวรัตติพร ภรรยา พร้อมด้วย นางรัชนี พี่สาว ของนายพิชิต เดินทางไปรอรับศพนายพิชิตที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ท่ามกลางความโศกเศร้า โดยนางสาวรัตติพร และนางรัชนี เปิดเผยว่า ได้ตัดสินใจส่งศพมาชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะอยากรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีกันแน่
เบื้องต้นผลชันสูตรออกมาแล้ว ว่าสาเหตุหลักของการเสียชีวิต น่าจะเกิดจากอุบัติเหตุ เนื่องด้วยไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายหรือบาดแผลตามร่างกาย แต่ก็ต้องรอเอาไปประกอบกับสถานที่เกิดเหตุว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะเกิดแรงกระแทก จนกระทบกระเทือนระบบอวัยวะภายใน อีกทั้งต้องประกอบกับผลการพิสูจน์หลักฐานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
เบื้องต้นที่ทางครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิต เพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกันกับสภาพรถ เพราะบาดแผลภายในค่อนข้างรุนแรง แต่รถแทบไม่ได้รับความเสียหายเลย อีกทั้งไม่สอดคล้องกับสภาพจุดเกิดเหตุที่เป็นเพียงถนนดินลูกรัง ซึ่งสภาพร่างกายที่มีชาวบ้านไปเจอหลังจากประสบอุบัติเหตุ พบสภาพร่างนอนอยู่ใกล้รถมอเตอร์ไซค์ที่เกิดเหตุ จากนั้นก็รีบนำตัวส่งโรงพยาบาล
ระหว่างที่นำตัวส่งโรงพยาบาล นายพิชิตยังรู้สึกตัวอยู่พูดบอกกับตนเพียงว่า ปวดบริเวณท้องเป็นอย่างมาก ซึ่งขณะนั้นตนก็ไม่ได้ถามอย่างอื่นต่อ เพราะกลัวความดันลดลง จากนั้นนายพิชิตก็เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมาตั้งแต่วันอาทิตย์ จนกระทั่งมาเสียชีวิตในวันอังคาร ขณะที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้นนายพิชิตไม่รู้สึกตัวอีกเลย ช่วงที่นายพิชิตกลับบ้านก่อนเสียชีวิตนั้น เป็นช่วงที่นายพิชิตมาทำงานต่างจังหวัด อีกทั้งพ่อกำลังป่วยหนักจึงกลับบ้านมาดูอาการพ่อด้วย
ส่วนตัวนายพิชิตนั้น เป็นคนสนุกสนานร่าเริง ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครมาก่อน แม้แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคนก็รักใคร่เอ็นดูนายพิชิตทั้งนั้น เป็นที่รักของเพื่อนๆ ยืนยันได้ว่านายพิชิตไม่มีปัญหากับใครหรือคู่อริที่ไหนอย่างแน่นอน ส่วนละแวกแถวบ้านนั้นก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ไม่มีแม้กระทั่งกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบทำตัวกร่างหรือเจ้าถิ่นของหมู่บ้านจึงแทบไม่มีผู้ต้องสงสัยเลย
อย่างไรก็ตามทางครอบครัว เชื่อและยึดในผลพิสูจน์หลักฐานและการชันสูตรศพ ถ้าผลการชันสูตรยังยืนยันว่าเกิดจากอุบัติเหตุก็คงไม่มีอะไรติดค้างใจ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้แต่ก่อนหน้านี้เพียงแค่ติดค้างในบางประเด็น แต่ผลออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับ เพราะทางครอบครัวได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่และดีที่สุดแล้ว ตอนนี้ทางครอบครัวเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังคงทำใจไม่ได้ คงต้องให้ระยะเวลาช่วยเยียวยาต่อไป ส่วนกำหนดการงานศพของนายพิชิตนั้น ทางครอบครัวกำลังจะเดินทางไปรับศพที่สถาบันนิติเวช และจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดบ้านเกิด จังหวัดชัยภูมิ ในการสวดพระอภิธรรมจะตั้งสวดเป็นเวลาสามวันและฌาปนกิจในวันอาทิตย์นี้