จากกรณีที่มีกลุ่มคนร้าย จำนวน 23 คน ขี่จักรยานยนต์ยั่วยุล่อลวงนายวรเชษฐ หรือ เฮิร์ท และ นายเจษฎา (ผู้ตาย) ให้ขับรถฟอร์จูนเนอร์ออกมาจากร้านอาหาร ก่อนจะมีอีกกลุ่มคอยดักใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เป็นเหตุให้ นายเจษฎา เสียชีวิต ที่บริเวณสามแยกไฟแดงลาซาล-แบริ่ง (ตัดใหม่) แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา




ล่าสุด เช้าวันนี้ (3 ก.ค. 2567) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ก่อนประสานพนักงานสอบสวน สน.บางนา ขออำนาจศาลอาญาพระโขนง ออกหมายจับกลุ่มคนร้าย เบื้องต้นสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายนัฐวุฒิ หรือเล็ก และนายดนัย ข้อหา สมคบกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอันเป็นความผิดฐานซ่องโจร , ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมชน ทะเลาะกันอย่างอื้ออึงในทางสาธารณะ ชักหรือแสดงอาวุธในการวิวาทต่อสู้




หลังจากที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่รวบรวมพยานหลักฐานทั้งการสอบปากคำพยานแวดล้อม ตลอดจนการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายจนสามารถเชื่อมโยงแผนประทุษกรรมของคนร้ายไว้ได้ ส่วนเส้นทางการหลบหนีของคนร้ายนั้น หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิตแล้ว ได้พากันแยกย้ายหลบหนี โดยพบว่ามีรถจักรยานยนต์ 1 คัน ในกลุ่มคนร้ายใช้รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟไอ สีขาว ขี่หลบหนีเข้าซอยแบริ่ง จากนั้นได้เข้าซอยด่านสำโรง และเลี้ยวเข้าไปจอดในคอนโดมิเนียมแห่หงนึ่ง พื้นที่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ




ล่าสุด (3 ก.ค. 2567) ตำรวจได้นำหมายค้นศาลอาญาฯ เข้าตรวจค้นแหล่งกบดานของคนร้าย 5 เป้าหมาย ในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ โดยจุดแรก คือ บ้านหลังหนึ่งในซอย แบริ่ง 48 ตำรวจเข้าค้น พบอาวุธปืนจำนวนมาก จากนั้น เข้าค้นบ้านอีกหลัง ซึ่งเปิดเป็นสำนักงานกฎหมายอยู่ใกล้กับหลังแรกค้นภายในบ้าน พบอาวุธปืนอีกจำนวนมากเช่นเดียวกัน จุดที่ 3 อยู่ห่างจากจุดแรก ประมาณ 1 กิโลเมตร ดัดแปลงเป็นอู่ซ่อมรถ โดยพบว่ามีรถจักรยานยนต์จอดอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากแนวทางการสืบสวน พบว่า เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีผู้นำมาจำกับแก๊งคนร้าย ส่วนอีก 2 จุด ก็อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นตำรวจได้มีการเชิญตัวเจ้าของบ้าน รวมถึงผู้ต้องหาตามหมายจับมายังสถานีตำรวจนครบาลบางนา




หลังจากที่ตำรวจเปิดปฏิบัติการเข้าค้น 5 จุด พื้นที่ สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ ไปยังจุดที่ตำรวจเข้าตรวจค้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยจุดแรกที่เราไปคือ บ้านหลังหนึ่ง (สีส้ม) ในซอยแบริ่ง 48 จุดนี้พบว่า ตำรวจยึดปืนได้เป็นจำนวนมาก และจากการสำรวจที่บ้านนี้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดอยู่เป็นจำนวนมาก หลายมุม ทั้งหน้าบ้านและภายในตัวบ้าน จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกนี้ ก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่กันเป็นลักษณะครอบครัวใหญ่ โดยของนายไปบ์ อายุประมาณ 30 ปี เป็นอดีตนักศึกษาสถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านบรรทัดทอง ซึ่งภายในบ้านพบว่ามีรถปอร์เช่ สีเหลืองจอดอยู่ 1 คัน




ส่วนอีกจุดคือบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เปิดเป็นสำนักงานกฎหมาย ป้ายหน้าบ้านมีการติดป้ายเอาไว้ว่ารับจำนำรถและบ้านรวมถึงทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งบ้านหลังนี้ก็ตรวจค้นพบปืนอีกจำนวนมาก โดยได้ข้อมูลจากตำรวจว่าก่อนหน้าที่จะมีการเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพบว่ามีการนำรถตู้ทึบ มาขนย้ายสิ่งของบางอย่างออกจากจุดนี้ไป และนายเพชร เจ้าของบ้านหลังดังกล่าว ก็เป็นอดีตนักศึกษาสถาบันเดียวกัน และเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันกับนายไปบ์ บ้านตรงข้าม


จุดที่ 3 เป็นบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดัดแปลงเป็นอู่ซ่อมรถ ภายในพบว่ามีรถจักรยานยนต์เป็นจำนวนมาก ตำรวจจึงยึดรถของกลางทั้งหมด ใส่รสกระบะเพื่อนำไปตรวจสอบที่สถานีตำรวจบางนา ซึ่งจากข้อมูลของตำรวจเป็นรถที่มีคนนำมาจำนำเอาไว้กับกลุ่มผู้ต้องหา โดยจากการสำรวจบริเวณโดยรอบ ก็พบว่าบ้านหลังนี้มีการนำสังกะสีมาปิดรั้ว เพื่อไม่ให้มองเห็นภายในบ้านได้และจากการถภายในบ้านยัง อาวุธมีด อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งผลจากการตรวจค้น ยึดอาวุธปืน 38 กระบอก กระสุนกว่า 800 นัด พร้อมยุทธภัณฑ์จำนวนมาก และหัวหน้าของกลุ่มคนร้ายคือ นายเพชร และนายไปป์ ซึ่งทั้งสองเป็นอดีตนักศึกษาช่างกลชื่อดัง ย่านบรรทัดทอง และยังพัวพัน “ธุรกิจสีเทา"




ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ สน.บางนา หลังจากทำการตรวจค้นทั้งห้าจุดเป็นที่เรียบร้อยเจ้าหน้าที่ได้นำของกลางทั้งหมดมาไว้ที่ สน.บางนา โดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นรถจักรยานยนต์มอเตอร์ไซค์ซึ่งมีจำนวนหลายคัน ซึ่งเป็นรถที่นำมาจำนำไว้กับแก๊งคนร้าย รวมถึงได้นำของกลางที่เป็นอาวุธ ซึ่งมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นมีดสั้นมีดยาว ไม้เบสบอล ไขควง โดยมีจำนวนหลายชิ้น


ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาหนึ่งรายมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.บางนา ซึ่งก็คือนายดนัย หรือ “ออม” ซึ่งเป็นตัวชี้เป้าและเป็นตัวโคฟเวอร์คุ้มกันมือยิงโดยมีช่วงหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายและทนายออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำซึ่งเจ้าตัวก็มีท่าทีที่ปกติไม่ได้ตื่นตระหนกหรือมีอาการเครียดแต่อย่างใด


ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายช้าง (นามสมมติ) อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นปู่ของนายดนัย หรือ ออม อายุ 26 ปี ต้องหาตามหมายจับ ที่ถูกตำรวจเข้าจับตัวเมื่อเช้านี้ หลังพบพยานหลักฐานชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับคดีการยิง "ต่าย คอลาย" เสียชีวิตคารถฟอร์จูนเนอร์ โดยจากแนวทางการสืบสวนของตำรวจและพยานหลักฐานชัดเจนว่า นายดนัยทำหน้าที่ ชี้เป้ากลุ่มผู้เสียชีวิตรวมถึง คอยขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ จนกระทั่งไปถึงจุดเกิดเหตุ โดยการก่อเหตุในคืนดังกล่าว มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่การทำงาน ซึ่งหลังจากที่ตำรวจคุมตัว นายดนัย มาสอบปากคำที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา ปู่ก็ได้ตามมาหาด้วย และนั่งเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้าห้องสืบสวน




โดยปู่ของผู้ต้องหา ระบุว่า ปกติแล้วหลานชายเป็นคน ร่าเริง แจ่มใส ไม่เกเร อยู่ติดบ้าน จะมีออกไปกับเพื่อนบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่ได้เกเรอะไร ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นก็เชื่อว่าหลานไม่ใช่คนที่ลงมือยิง แต่อาจจะอยู่ร่วมในกลุ่มที่ก่อเหตุ เนื่องจากว่าถูกรุ่นพี่ชักชวนเพราะที่ผ่านมาเคยได้ยินหลานรับโทรศัพท์ของรุ่นพี่ แต่ไม่รู้ว่าพูดคุยเรื่องอะไร ได้ยินหลานบอกเพียงแค่ว่า "ครับพี่" เพียงเท่านั้น


หลังจากที่มีข้อมูลว่า กลุ่มผู้ต้องหาจะความพยายามในการข่มขู่ประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับตำรวจ เรื่องของการตรวจสอบกล้องวงจรปิด แต่ตามเส้นทาง นอกจากกล้องของประชาชนแล้วยังมีกล้องของ เขตและพื้นที่ที่สามารถบันทึกเอาไว้ได้ทำให้ตำรวจ มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนจนกระทั่งออกหมายจับผู้ต้อง รวมถึงติดตามไปกระทั่ง รู้จุดเซฟเฮ้าส์ของกลุ่มผู้ต้องหานำมาสู่การเปิดปฏิบัติการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยเป็นภาพกล้องวงจรปิดช่วงตี 2 ของวันที่ 29 มิถุนายน




โดยกล้องตัวแรกเวลา 2.26 น. จับภาพกลุ่มผู้ต้องหาขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันมา โดยขี่หลบหนีแยกย้ายกันมาหลังจากที่ก่อเหตุยิงกลางสี่แยกแล้ว เข้าไปภายในซอยแบริ่ง 48 จากนั้นเวลา 2.27 น. กล้องวงจรปิดก็จับภาพกลุ่มผู้ต้องหาที่ขี่รถจักรยานยนต์บางส่วนหลบหนีเข้ามาในพื้นที่ด่านสำโรงเช่นกัน


ขณะเดียวกัน จากการรวบรวมพยานหลักฐานตอนนี้ตำรวจทราบชื่อของมือปืนสองคนที่ก่อเหตุแล้ว แม้จะใส่หมวกกันน็อก แต่ก็สืบทราบได้ คือ นายโบ๊ท และ นายมีน อยู่ระหว่างกัน ขอศาลออกหมายจับ และเร่งติดตามตัว และชุดสืบสวนเชื่อว่าจะได้หนึ่งคนในมือยิงในไม่ช้านี้




นายเพชร เจ้าของบ้าน หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายที่ตำรวจเข้าตรวจค้นเช้านี้ ซึ่งบ้านเปิดเป็นสำนักงานกฎหมาย และลักษณะคล้ายอู่รถเดินทางเข้าพบตำรวจ เพื่อนำหลักฐานเอกสารการครอบครองอาวุธปืนที่มีการตรวจยึดได้ในเช้าวันนี้ มามอบกับตำรวจพร้อมให้ปากคำ ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนของตำรวจ นายเพชร และนายไปบ์ ทั้งสองเป็นอดีตนักศึกษาช่างกลชื่อดังย่านบรรทัดทองและยังพัวพัน “ธุรกิจสีเทา” ซึ่งขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการออกหมายจับทั้ง 2 คนนี้


โดยหลังจากที่ นายเพชร ให้ปากคำเบื้องต้นกับตำรวจเสร็จแล้ว ผู้สื่อข่าวได้พยายามเข้าไปสอบถาม กรณีที่ตำรวจเข้าตรวจค้นสำนักงานกฎหมายของเขาในวันนี้พร้อมทั้งยึดปืนได้ 15 กระบอก รวมถึงยังมีการตรวจค้นจุดอื่น และบ้านนายไปบ์ ยึดปืนได้อีก 24 กระบอก ที่มีความเชื่อมโยงกับคดียิงกันกลางแยกลาซาล แต่นายเพชรปฏิเสธที่จะตอบคำถามกับสื่อมวลชนพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอ ก่อนจะเดินขึ้นรถ ขับออกไปทันทีพร้อมกับภรรยา


ขณะที่บรรยากาศความเคลื่อนไหวที่ สน.บางนา หลังจากทำการตรวจค้นทั้ง 5 จุดเป็นที่เรียบร้อย ตำรวจได้นำของกลางทั้งหมดมาไว้ที่ สน.บางนา โดยที่ส่วนใหญ่จะเป็นรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีจำนวนหลายคัน ซึ่งเป็นรถที่นำมาจำนำไว้กับแก๊งคนร้าย รวมถึงได้นำของกลางที่เป็นอาวุธซึ่งมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นปืนจำนวนมาก มีดสั้น มีดยาว ไม้เบสบอล ไขควง ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาหนึ่งรายมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.บางนา ซึ่งก็คือนายดนัย หรือ “ออม” จับได้ที่ห้องเช่าคอนโดชื่อดังแห่งหนึ่ง ซ.ด่านสำโรง 11 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งนายออมทำหน้าที่เป็นตัวชี้เป้าและเป็นตัวโคฟเวอร์คุ้มกันมือยิงโดยมีช่วงหนึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายออมและทนายออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำซึ่งเจ้าตัวก็มีท่าทีที่ปกติไม่ได้ตื่นตระหนกหรือมีอาการเครียดแต่อย่างใด




โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ปฏิบัติการ “โค่นอิทธิพลเถื่อนด่านสำโรง” ใช้กำลังกว่า 100 นาย บุกเข้าค้นเซฟเฮ้าส์ 5 จุด รวบตัวการสำคัญที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวได้ พบมีปืนมากถึง 38 กระบอก กระสุนปืนกว่า 800 นัด เงินสด 127,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร 16 เล่ม โฉนดที่ดิน 10 ฉบับ คู่มือจดทะเบียนรถ 15 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง รถจักรยานยนต์ต้องสงสัย 6 คัน และมีดอีกจำนวนมาก


กลุ่มนี้มีพฤติการณ์ “อิทธิพลเถื่อน” กลุ่มหัวหน้าอยู่ในพื้นที่ละแวกซอย “วัดด่านสำโรง” ซึ่งเคยร่วมกันก่อคดีในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยก่อเหตุลักษณะนี้มาไม่ต่ำกว่า 10 คดี ในห้วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเดิมกลุ่มคนร้ายมักจะก่อเหตุแต่ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ แต่ครั้งนี้ข้ามมาถึงเขตกองบัญชาการตำรวจนครบาลเลย จ.สมุทรปราการ เพียง 100 เมตร ซึ่งคนร้ายมีมากถึง 23 คน และยังพบเบาะแสว่ากลุ่มคนร้ายนี้เป็น “หัวเชื้อ” ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุของกลุ่มนักศึกษาช่างกลชื่อดังใจกลางกรุงในอีกหลาย ๆ คดี โดยจากการเข้าตรวจค้นพบธงป่งสัญลักษณ์ ของนักศึกษาช่างกลดังกล่าว หนึ่งในบ้านของเป้าหมายด้วย




ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เปิดเผยว่าภายในพื้นที่ของกลุ่มผู้ต้องหาที่อยู่ภายในสภ.สำโรงเหนือ ถือว่าเป็นพื้นที่ที่กลุ่มผู้ต้องหาใช้กบดานพบพฤติการณ์คนร้ายมีการปล่อยเงินกู้ และผู้ต้องหาที่จับกุมตัวได้ 1 รายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และยอมรับว่าผู้ต้องหามีพฤติการณ์ที่อุดอาจมีการนำถุงดำไปครอบกล้องวงจรปิด รวมถึงข่มขู่ประชาชนในพื้นที่ถ้าหากให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ก็จะไปเผาบ้านจนสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชน ซึ่งตอนนี้ทางนครบาลได้มีการประสานงานร่วมกับตำรวจภูธรภาค 1 รวมถึงตำรวจในพื้นที่เพื่อที่จะทำการกวาดล้างกลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ให้หมดไป เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุต่อเนื่องแบบนี้ขึ้นอีก


พร้อมบอกว่าประวัติผู้ต้องหาบางคนเคยเป็นนักศึกษาช่างกลในสถาบันอาชีวะแห่งหนึ่ง แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบัน ส่วนที่รวมกลุ่มตั้งแก๊งค์กันขึ้นมาจะเรียกว่าเป็นองค์กรอาชญากรรมเลยหรือไม่นั้น พล.ต.ต.นพศิลป์ มองว่ามีการวางแผนเป็นอย่างดีเหมือนกัน มีการไปรวมตัวกันที่บ้านพักที่เข้าค้นภายในวันนี้ และหลังเกิดเหตุก็มารวมตัวกันก่อนจะแยกย้ายหลบหนี มีการหลอกล่อผู้เสีย-ผู้ตาย ให้ขับรถตามออกไป ก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ เมื่อถามว่าในการเข้าไปจับกุมมีการตัดไฟภายในบ้านผู้ต้องสงสัยหรือไม่ พล.ต.ตนพศิลป์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาจะรู้ตัวจึงได้มีการปิดบ้านปิดไฟและหลบหนี จึงต้องประสานไปที่ผู้ใหญ่บ้านเพื่อเป็นพยานในการตรวจค้น ก่อนที่หนึ่งในกลุ่มเป้าหมายจะออกมาเปิดประตูให้กับเจ้าหน้าที่

 

"สารวัตรแจ๊ะ" ออกล่า! ปิดเกม "แก๊งด่านสำโรง" โยงคดีเด็ดหัว "ต่าย คอลาย"