"ทนายพัช" แย้มเชิญ "หนุ่ม กรรชัย-บิ๊กโจ๊ก" ร่วมสืบพยานคดี "แอม ไซยาไนด์" เผยเตรียมงัดอีกมุมสู้คดี
เชิญ "หนุ่ม กรรชัย-บิ๊กโจ๊ก" พยานคดี "แอม ไซยาไนด์"
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 กรกฎาคม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้นัดพิจารณาสืบพยานฝ่ายโจทก์ในคดีการเสียชีวิตของ ก้อย หรือ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ ซึ่งมี นางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ เป็นจำเลยที่ 1, พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ เป็นจำเลยที่ 2 และ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช เป็นจำเลยที่ 3
โดยวันนี้ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ หรือทนายพัช ทนายความของแอม ไซยาไนด์ เดินทางมายังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เพื่อร่วมนักสืบพยานนัดแรกคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย โดยทนายพัชได้เดินทางมาพร้อมกับทีมทนายความมากถึง 7 คน
ทนายพัชเปิดเผยว่า ตนมีความพร้อมในคดีนี้มานานแล้ว ซึ่งระยะเวลาที่ศาลนัดพิจารณาคดีนั้น อาจจะช้าไปนิดหนึ่ง เลยอาจจะไม่ทันใจหลาย ๆ คน ซึ่งยืนยันว่า วันนี้ตนเตรียมพร้อมทางคดีอย่างเต็มที่ โดยดูได้จากทีมทนายความที่มาพร้อมกับตน ซึ่งฝั่งตนได้เบิกพยานบุคคลประมาณ 10 กว่าปากได้ ในจำนวนนี้ทนายพัชอ้างว่า ในจำนวนนี้ ได้เชิญพยานบุคคลที่มีชื่อเสียงมาให้การในชั้นศาลด้วย เช่น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และคุณกรรชัย กำเนิดพลอย ซึ่งคาดว่าน่าจะใช้เวลาสืบพยานถึงช่วงเดือนกันยายน
ส่วนเรื่องผลทางคดีนั้น ตนขอให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน พวกตนและทีมทนายความ มีหน้าที่เพียงนำเสนอข้อเท็จจริงอีกมุมมองหนึ่งที่ทางโจทก์ไม่ได้นำเสนอให้ศาลให้เห็น ซึ่งจะมีประเด็นอะไรบ้าง ตนขอสงวนไว้เพื่อเป็นข้อต่อสู้ในชั้นศาล แต่อาจจะเป็นเรื่องของกล้องวงจรปิดหรือเรื่องของความสัมพันธ์ต่าง ๆ
"ทนายพัช" ปัดทำลายหลักฐานคดี "แอม ไซยาไนด์"
สำหรับประเด็นที่ถูกกล่าวหาว่า ทนายพัช มีส่วนร่วมในการให้ฝั่งจำเลยทำลายพยานหลักฐานนั้น ทนายพัชยืนยันว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและบอกอีกว่า หน้าที่ของทนายความนั้นอยู่ภายใต้ข้อจำกัดตามกรอบของกฎหมาย แต่ตนมองว่า ก็มีอะไรบางอย่างอยู่ในกระบวนการที่ทำให้แอมรับสารภาพเช่นเดียวกัน
ส่วนประเด็นเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่ทนายพัชเคยเอามาพูดนั้น ทนายพัชระบุว่า การจับกุมนั้นแม้จะเป็นการจับกุมโดยมิชอบ แต่ไม่ได้ทำให้กระบวนการสอบสวนเสียไป พนักงานอัยการยังคงมีอำนาจฟ้องคดีตามปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนก็ได้ดำเนินการตามเรื่องของ พ.ร.บ.อุ้มหายไปแล้วและอยู่ในระหว่างการพิจารณาของพนักงานอัยการ
สำหรับก่อนหน้านี้ที่ทนายพัชเคยให้สัมภาษณ์บอกว่า คดีนี้เสร็จแน่ ทนายพัชชี้แจงว่าจริง ๆ แล้วหมายความว่า คดีนี้นั้นเสร็จทีมทนายความของตน อีกทั้งประเด็นที่ตนถูก กล่าวหาว่าออกมาพูดชี้นำคดีนั้น ตนขอไม่ออกความเห็นในเรื่องนี้อีก แต่ที่ตนได้พูดไปก่อนหน้านี้นั้น ตนมองในภาพรวมเท่านั้น
เปิดแนวทางต่อสู้ "ทนายพัช" ตกเป็นจำเลยที่3
ด้านนายภูดิท โทณผลิน ทนายความให้กับทนายพัชเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทนายพัชได้ทำหน้าที่ทนายความตามหลักวิชาชีพในการให้คำแนะนำแก่จำเลยในการปฏิเสธ เพราะจริง ๆ แล้วจำเลยไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ว่ารายละเอียดของทางคดีนั้น ต้องสืบพยานไปสักพักก่อน แล้วภายใน 1-2 สัปดาห์ ก็จะรู้แนวทางการต่อสู้ว่าควรจะต่อสู้อย่างไร
"แอม ไซยาไนด์" อวบขึ้น สวมชุดผู้ต้องขัง สวมแมสก์ ใส่แว่นตา ขึ้นศาลนัดสืบพยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในห้องพิจารณาคดี ศาลได้เบิกตัวนางสรารัตน์ รังสิตวุฒาภรณ์ หรือแอม ไซยาไนด์ จากทัณฑสถานหญิงกลางมาร่วมฟังสืบพยาน โดยมี พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ สามีของแอมและจำเลยที่ 2 ซึ่งได้รับการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ในเดินทางมาด้วย ส่วน น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือทนายพัช จำเลยที่ 3 นั่งอยู่ในคอกทนายความฝั่งจำเลย
จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่า แอมไซยาไนด์และสามีนั่งคู่กันบริเวณที่นั่งของจำเลยแถวหน้าสุด โดยแอม ตัดผมสั้น สวมชุดผู้ต้องขัง สวมแว่นตา ใส่แมสก์ สีหน้าเรียบเฉยและดูอวบขึ้น ในขณะที่ พ.ต.ท.วิฑูรย์ สวมชุดสูท ใส่แมสก์ สีหน้าเรียบเฉย ซึ่งทั้งคู่นั้นได้พูดคุยและก้มหน้าดูเอกสารให้กันและกัน แต่สังเกตได้ว่า ในขณะที่แม่ของก้อยขึ้นเบิกความ ทั้งคู่ไม่มีท่าทีที่จะฟังคำให้การของแม่ก้อยแต่อย่างใด โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการสืบพยานฝั่งโจทก์ตลอดทั้งวันนี้