เจ้าหนี้เงินกู้ดอกโหด ท้าทายกฎหมายแจ้งความ 3 ครั้งคดีไม่คืบ "สายไหมต้องรอด"ช่วยตามตัวมาดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมด้วยทีมงาน ติดตามการช่วยเหลือแม่ของลูกหนี้รายหนึ่ง ถูกเจ้าหนี้เงินกู้ดอกโหดบุกมาทำร้ายด้วยการตบหน้า โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะสถานที่เกิดเหตุอยู่ตรงข้ามกับ สน.ร่มเกล้า

ทั้งนี้ น.ส.บี (นามสมมุติ) ลูกหนี้ เล่าว่าตนเคยไปกู้เงินกับเจ้าแม่เงินกู้รายนี้ที่ชื่อหมวย (นามสมมุติ) เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ตนได้กู้เงินกับ น.ส.หมวย (นามสมมุติ) โดยกู้เงินมา 2,000 บาท ต้องส่งดอกเบี้ยวันละ60 บาท จนกว่าจะจ่ายต้นคืนทั้งหมด จากนั้นกู้เพิ่มมาอีก 4,000 บาท ส่งวัน 454 บาท 15 วัน

เมื่อถึงระยะหนึ่ง ตนไม่มีเงินส่งดอกเบี้ย น.ส.หมวยจึงให้กู้เงินเพิ่มอีก 5,000 บาท เพื่อนำมาส่งดอกที่ติดไว้ จนทำให้ปัจจุบันมีหนี้สินทั้งหมด 14,900 บาท ตนจึงส่งไม่ไหว เพราะตกงาน และกำลังหางานใหม่ จึงได้ขอให้เจ้าหนี้พักหนี้ให้ก่อน แต่น.ส.หมวย ไม่ยอม
บังคับให้หาเงินมาให้ 5,000 บาทตอนนี้ ตนไม่มีเงินให้จึงไม่กล้ารับสายโทรศัพท์

เมื่อน.ส.หมวย ติดต่อไม่ได้ ทำให้วันที่ 3 มิถุนายน 2567 เจ้าหนี้เงินกู้ได้นำสีมาละเลงบ้านของตนจึงแจ้งความไว้ จากนั้นวันที่ 26 มิถุนายน 2567 พวกเงินกู้ได้นำสีมาละเลงที่บ้านอีกครั้ง ตนได้แจ้งความไว้อีก

กระทั่งวันที่ 28 มิถุนายน 2567 น.ส.หมวย พร้อมพวก เดินทางไปร้านขายข้าวของแม่ตน ที่เคหะร่มเกล้า แล้วทำร้ายแม่ด้วยการตบหน้าหลายครั้ง พร้อมกับถือโทรศัพท์ถ่ายคลิปไว้ด้วย ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้านี้ทำร้ายแม่ หนึ่งในแก๊งเงินกู้ชื่อ น.ส.นุช (นามสมมุติ) ได้โทรศัพท์มาหาตนเอง บอกว่าได้ทำร้ายแม่ตนอยู่ และให้ไปหาเงินมาจ่ายให้หมด ไม่เช่นนั้นจะตามไปทำร้ายลูกที่หน้าโรงเรียนอีกด้วย

ด้านแม่ของลูกหนี้ เล่าว่า ตนเป็นลูกจ้างร้านขายข้าวอยู่บริเวณริมถนนเคหะร่มเกล้า ได้มีคนบุกมาตบหน้า พร้อมกับบอกว่า “มึงรู้ไหมว่าลูกมึงกู้เงินไปแล้วไม่จ่าย” แล้วก็ตบหน้าตนหลายครั้ง จนฟุบลงกับโต๊ะ ตนได้แต่ถามว่าทำร้ายตนทำไม ตนเกี่ยวอะไรด้วย พวกเงินกู้ตอบกลับมาว่า “ก็มึงเป็นแม่มันไง” ตอนนั้นตนกลัวมาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะโดยตบจนมึนไปหมด ก่อนพวกเจ้าแม่เงินกู้จะกลับไป ได้ท้าทายให้ไปแจ้งความและ บอกว่ารู้จักตำรวจทั้งโรงพัก ไม่กลัว

ขณะที่นายเอกภพ และทีมงาน ได้พาผู้เสียหายไปตามความคืบหน้าคดีที่สน. ร่มเกล้า เนื่องจากผู้เสียหายได้แจ้งความไว้หลายครั้งแล้ว แต่คดียังไม่คืบหน้า ซ้ำยังถูกผู้ก่อเหตุตามมาข่มขู่ โดยผู้ก่อเหตุไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะที่เกิดเหตุอยู่หน้าสน. ร่มเกล้า ยังกล้าก่อเหตุแบบนี้ หลังจากที่ตนดูเอกสารใบแจ้งความ พบว่าเป็นแค่ใบบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่ใช่ใบแจ้งความดำเนินคดี ตำรวจยังไม่ไปตรวจร่างกายให้กับผู้เสียหาย

จึงประสานไปยังพล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยเร่งให้พนักงานสอบสวนทำคดี เพื่อติดตามผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมเป็นภัยคุกคามต่อสังคม และท้าทายนโยบายรัฐบาล ที่ต้องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอยู่ในขณะนี้