จากกรณีที่เพจ สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช v.3 ได้มีการโพสต์คลิปและข้อความที่ว่า “สาวสุดซ่าประกาศโทรโข่งทวงหนี้ คนโกง สาวชะอวด โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาดู และคอมเมนต์ทุกคอมเมนต์นะคะ ไม่ได้คิดไปถึงเรื่องกฎหมายค่ะ คิดแค่ต้องได้เงินคืน เพราะ ณ ตอนนี้เงินที่มีอยู่เอาไปชดให้ #อีเฒ่านี้ หมดแล้ว และยังค้างจ่ายเงินให้กับพนักงานอีกหลายคน คนที่เข้ามาเมนต์แล้วไม่เห็นด้วย ถ้าคุณเป็นเรา คุณจะเข้าใจว่าการที่เราต้องใช้เงินมันเป็นยังไง ยังมีพนักงานหลายคนที่รอรับเงินจากเราอยู่...”




ล่าสุด (4 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางจันสุดา อายุ 34 ปี เจ้าของคลิปใช้โทรโข่งทวงหนี้ โดยนางจันสุดา เล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ตนเองเป็นของธุรกิจขนส่งพัสดุในอำเภอชะอวด มีลูกจ้างที่ทำงานด้วยอยู่ประมาณ 20 คน ซึ่งจะมีทั้งทำงานแบบประจำ และทำงานแบบพาร์ตไทม์ โดยเปิดธุรกิจนี้มาได้ประมาณปีกว่าแล้ว




จนกระทั่งได้รับพนักงานส่งพัสดุรายหนึ่งเข้ามา โดยพนักงานคนนี้เป็นพนักงานประจำของตน ซึ่งในช่วงแรกก็ทำงานส่งพัสดุตามบ้านได้อย่างดี มีแต่ชาวบ้านชื่นชม ก่อนที่ช่วงหลัง ๆ พนักงานส่งพัสดุรายดังกล่าวก็เริ่มมีความผิดปกติโดยได้รับการรายงานมาจากลูกที่รอส่งพัสดุมาว่า พนักงานขนส่งพัสดุรายนี้มักจะรีบไปส่งพัสดุให้กับลูกค้าที่สั่งของแบบเก็บปลายทางก่อนเสมอ และหากพัสดุที่พนักงานขนส่งพัสดุรายนี้จะต้องไปส่งแบบไม่มีการเก็บปลายทาง ก็มักจะไม่สนใจส่งและมีของตกค้างหรือว่าส่งช้า


ทำให้ทางตนนั้นจึงเข้าไปตรวจสอบความผิดปกติของการเงินบริษัท เกี่ยวกับรายได้จากการเก็บปลายทางที่ได้รับจากลูกค้าของพนักงานขนส่งพัสดุรายดังกล่าว แล้วไปพบว่าทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ ในขณะที่รับพัสดุที่เป็นการเก็บปลายทางไปส่งจากทางบริษัทนั้น พบว่านำเงินของลูกค้าจากการเก็บปลายทางมาให้กับทางบริษัทไม่หมด สมมติว่าวันหนึ่งได้เงินค่าเก็บปลายทางจากทางลูกค้า 1,000 บาท แต่นำเงินมาให้กับทางบริษัทเพียง 800 บาท หายไป 200 บาท โดยเงินที่หายไปทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ ได้นำไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งถือเป็นการยักยอกทรัพย์ของบริษัท




ในช่วงที่ทราบตอนแรกนั้น ทางตนก็ได้มีการตักเตือนว่ากล่าวทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ไปแล้ว ว่าขออย่าให้ทำอีกหากรู้อาจจะมีแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งทางพนักงานรายนี้ก็รับทราบ และสัญญาว่าจะปฏิบัติตาม แต่เท่าที่เช็กไปเช็กมาในช่วงนี้ ทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ก็ยังคงทำการยักยอกทรัพย์บริษัทเหมือนเดิม จนตอนนี้มูลค่าความเสียหายที่ทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ยักยอกเงินบริษัทไป ก็รวมมูลค่ากว่า 13,000 บาท และตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา พนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ก็ไม่มาทำงานและไม่สามารถติดต่อได้เลย


ขณะเดียวกันเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็เป็นวันที่ตนนั้นจะต้องนำเงินจากการเก็บค่าพัสดุปลายทางของลูกค้าส่งไปยังบริษัทแม่ ซึ่งพอรวบรวมเงินทั้งหมดที่จะต้องส่งบริษัทแม่นั้น ปรากฏว่าขาดไปจำนวน 13,000 บาท ซึ่งเป็นเงินที่ทางพนักงานขนส่งพัสดุรายดังกล่าวยักยอกไป ทำให้ตนนั้นก็ต้องออกเงินของตัวเองส่งไปยังบริษัทแม่ก่อน โดยเงินที่ตนออกไปก่อนก็เป็นเงินที่จะต้องจ่ายให้กับพนักงานพาร์ตไทม์ในบริษัทของตัวเองอีกด้วย




นั่นจึงทำให้ในวันเดียวกันนี้ทางตนจึงทนไม่ไหว จึงได้มีการขับรถและใช้โทรโข่งทวงหนี้ที่พนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ยักยอกไปถึงที่บ้าน แล้วก็เป็นไปตามที่ปรากฏในคลิปที่ตนได้มีการพูดจาต่าง ๆ นา ๆ ในการขอเงินคืน แต่เมื่อไปถึงก็เจอแต่พ่อแม่ของทางพนักงานขนส่งพัสดุรายดังกล่าว ซึ่งพ่อแม่ก็บอกแต่เพียงว่าพวกตนทำอาชีพตัดยางทำสวน ไม่รู้เลยว่าลูกหายไปไหน


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองก็ได้ไปแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยกับทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ ในข้อหายักยอกทรัพย์ ดังนั้นหลังจากนี้ทางตนก็ไม่อยากมีปัญหาหรือแจ้งความกับใครเลย เพราะตนนั้นถือว่าเป็นคนที่ใจดีมาก ๆ แล้ว จึงอยากขอความกรุณาจากทางพนักงานขนส่งพัสดุรายนี้ ช่วยติดต่อกลับมาและนำเงินที่ยักยอกไปมาคืน แล้วทางตนจะไม่เอาเรื่อง แต่ก็คงไม่รับเข้าทำงานอีกแล้วอย่างแน่นอน

 

มิติใหม่ทวงหนี้! ซิ่งรถแห่โทรโข่งหาขับวนรอบหมู่บ้าน