จากกรณี น.ส.สาริณี อายุ 53 ปี ชาวบ้าน อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี ดื่มน้ำอัดลมสีเขียวปริศนาที่มาวางไว้หน้าบ้าน หลังดื่มไปครึ่งแก้วกลับน้ำลายฟูมปากดับสลด ขณะที่ลูกชายดื่มไป 1 อึก กลับอาเจียนออกมาทันรอดหวุดหวิด ส่วนสามีเชื่อถูกวางยาหวังฆ่ายกครัว เนื่องจากตรวจสอบพบว่าในน้ำเขียวมีส่วนผสมของยาฆ่าหญ้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น




ล่าสุดวันนี้ (4 ก.ค. 2567) ที่ สภ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญตัวนางสาวมลฤดี อายุ 34 ปี อดีตลูกสะใภ้ของผู้เสียชีวิต ผู้ต้องสงสัยหลักมาสอบปากคำ พร้อมกับ นายพิษณุ หรือ ตุ่ย เพื่อนชายคนสนิทที่นางสาวมลฤดีมักไปมาหาสู่กัน และนอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้มีการเชิญตัวนายศุภชัย หรือ ลี่ อายุ 37 ปี ลูกชาย และนายถวัลย์ อายุ 53 ปี สามีผู้ตาย มาสอบปากคำเพิ่มเติมโดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 5 ชั่วโมง


ขณะเดียวตำรวจได้นำตัวนางสาวมลฤดี อดีตสะใภ้ และ นายพิษณุ เพื่อนชายคนสนิทออกมาเก็บปัสสาวะเพื่อหาตรวจหาสารเสพติด ทีมข่าวจึงได้มีโอกาสสอบถามทั้ง 2 คน แต่นางสาวมลฤดีไม่ได้ตอบคำถามนักข่าวแต่อย่างใด ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องสืบทันที ส่วนนายพิษณุก็ไม่ได้ตอบคำถามนักข่าว พร้อมกับโบกมือปฏิเสธที่จะตอบคำถามและก็รีบเดินเข้าไปห้องสืบอย่างรวดเร็ว




ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนางสาวมลฤดีขึ้นรถยนต์สายสืบฯ ในระหว่างนี้ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสสอบถามนางสาวมลฤดีอีกครั้ง ว่าเคยถูกผู้ตายซึ่งเป็นแม่สามีทำร้ายเตะปากจริงไหม ซึ่งในระหว่างนี้ทางนางสาวมลฤดีไม่ได้ตอบคำถามแต่พยักหน้าให้นักข่าว 1 ครั้ง




จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามเรื่องการบาดหมางกับแม่สามี ถึงขั้นแม่สามีขู่ว่าจะล่ามโซ่ลูกสะใภ้จริงหรือไม่ ซึ่งคำถามนี้นางมลฤดีไม่ได้ตอบคำถามนักข่าวแต่อย่างใด ก่อนจะขึ้นรถเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและขับออกจากโรงพักไปทันทีโดยไม่ทราบจุดหมายว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำตัวนางสาวมลฤดีไปที่ไหน


ต่อมาทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จากบ้านผู้ตายมาที่ร้านค้าของชุมชน ที่ผู้ตายไปซื้อบุหรี่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิต พบว่า เมื่อเวลา 17.45 น. วันที่ 1 กรกฎาคม โดยกล้องวงจรปิดที่บ้านหลังนี้จับภาพนางสาริณี ผู้ตาย สวมชุดสีเขียวขี้ม้า สะพายกระเป๋าสีดำ เดินมาจากเส้นข้างวัดก่อนจะตรงเข้ามาที่บ้านที่มีกล้องวงจรปิดและก็ได้มีการหยุดคุยกับกลุ่มยายที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน




สักพักผู้ตายก็เดินเข้ามาเอาผักบุ้งไป 1 กำมือ และได้มีการพูดคุยกับกลุ่มยายที่นั่งเล่นอยู่หน้าบ้านสักพัก ก่อนที่ผู้ตายจะเดินออกจากบ้านไปและมุ่งหน้าไปที่ร้านค้าชุมชนเพื่อไปซื้อบุหรี่หรือยาเส้น โดยจากการสังเกตของทีมข่าว พบว่า ผู้ตายมีลักษณะยิ้มแย้มและพูดคุยหัวเราะกับกลุ่มยายที่นั่งอยู่หน้าบ้าน จากนั้นเวลา 18.05 น. กล้องวงจรปิดตัวเดิมจับภาพนางสาริณี ผู้ตาย เดินกลับมาจากร้านค้าผ่านกล้องวงจรปิดเพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้าน


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกบ้านผู้บ้าน พบว่า ในช่วงเวลาเกิดเหตุ พบว่า มีรถจักรยานยนต์ขี่เข้าออกและผ่านบ้านผู้ตายอยู่ประมาณ 6 คัน โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 20.18 น. กล้องวงจรปิดของเพื่อนบ้านจับภาพรถจักรยานยนต์ขี่มาจากฝั่งบ้านผู้ตายมุ่งหน้าเข้าหมู่บ้าน




ต่อมา เวลา 20.57 น. กล้องวงจรปิดตัวเดิมจับภาพรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่งขี่มุ่งหน้าไปทางบ้าน ซึ่งวงจรปิดจับได้สองมุม จากนั้นเวลา 21.44 น. มีรถจักรยานยนต์อีก 1 คัน ขี่ผ่านกล้องมุ่งหน้าไปทางบ้านผู้ตาย และเวลา 22.04 น. มีรถจักรยานยนต์อีกหนึ่งคัน วิ่งผ่านกล้องวงจรปิดเพื่อนบ้านของผู้ตายมุ่งหน้าไปที่บ้านของผู้ตายอีก




และเวลา 23.59 น. มีรถจักรยานยนต์หนึ่งคันขี่มุ่งหน้าเข้าไปยังบ้านผู้ตาย ต่อมาเวลา 00.09 น. มีรถจักรยานยนต์วิ่งผ่านกล้องวงจรปิดขึ้นบ้านมาจากทางบ้านของผู้ตาย ซึ่งขี่ด้วยความเร็ว คาดว่าไปตามคนมาช่วยเหลือ ซึ่งกล้องวงจรปิดจับได้ทั้งสองมุม จากนั้นเวลา 00.43 น. รถพยาบาลวิ่งเข้าไปช่วยเหลือผู้ตายยังบ้านพักที่เกิดเหตุ


จากรายงานการสืบสวนของตำรวจ สภ.หนองวัวซอ เบื้องต้นได้ตรวจสอบ พบว่าน้ำอัดลมสองขวดมีความผิดปกติทั้งสองขวด คาดว่าน่าจะมีสิ่งเจือปนทั้งสองขวด ซึ่งตอนนี้ตำรวจยังรอผลจากการตรวจจากสามหน่วยงาน ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการเปรียบเทียบสารพิษวิทยาในขวดน้ำอัดลมเร็วสุดหนึ่งสัปดาห์ ส่วนการตรวจสอบน้ำอัดลมทั้งสองขวดนั้นตำรวจได้ใช้วิธีการตรวจสอบไปยังต้นทางที่จัดส่งน้ำอัดลม พบว่า เป็นขวดน้ำอัดลมที่ถูกวางจำหน่ายอยู่ในพื้นที่ตำบลโนนหวาย อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี และยังเป็นพื้นที่บ้านของนางสาวมลฤดีอาศัยอยู่ ขณะที่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่มาที่ สภ.หนองวัวซอ เพื่อเก็บหลักฐานรอยนิ้วมือแฝงของผู้ต้องสงสัยเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับ รอยนิ้วมือแฝงที่ขวดน้ำอัดลม




ต่อมาทีมข่าวได้มาตรวจสอบร้านจำหน่ายยาฆ่าหญ้าและสารเคมี ประเภททำลายภายในหมู่บ้านของผู้ตาย ซึ่งปรากฏว่าไม่มีร้านค้าที่จำหน่ายยาฆ่าหญ้าในหมู่บ้านผู้ตาย จากนั้นทีมข่าวได้เดินทางมาที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านของผู้ตายมาประมาณเกือบ 2 กิโลเมตร


โดยทีมข่าวได้พบกับร้านจำหน่ายยาฆ่าหญ้าและสารเคมีประเภททำลายร้านหนึ่ง ทีมข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามและได้พบกับนายเจษฏา อายุ 43 ปี เจ้าของร้าน เผยว่า ร้านค้าของตนเองจะมีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อยาฆ่าหญ้าและสารเคมีประเภททำลายอยู่ประจำ เนื่องจากช่วงนี้ชาวบ้านมักจะซื้อยาฆ่าหญ้าไปฆ่าหญ้าในทุ่งนาซะเป็นส่วนใหญ่ ส่วนราคาขายยาฆ่าหญ้าของตนจะเริ่มตั้งแต่ราคา 150 บาท ไปจนถึงหลักพันและจะมีขายตั้งแต่ชนิดผงไปจนถึงชนิดน้ำ ส่วนยาฆ่าหญ้าแต่ละชนิดจะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน บางตัวก็มีกลิ่นฉุนรุนแรง บางตัวก็มีกลิ่นฉุนบางเบา ส่วนชนิดของน้ำยาฆ่าหญ้า ตนเองก็ไม่เคยเปิดดูว่าแต่ละชนิดมีสีเป็นอย่างไรบ้าง




ส่วนระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน ถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ยอมรับว่ามีลูกค้าเข้ามาซื้อยาฆ่าหญ้าอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตนเองก็ไม่ได้จดจำว่าเป็นใครที่เข้ามาซื้อบ้าง เพราะส่วนใหญ่บางคนที่เข้ามาซื้อก็จะสวมหมวกหรือสวมไอ้โม่งบ้าง เนื่องจากเป็นชาวนา ส่วนลูกสะใภ้ของผู้ตาย ตนเองยอมรับว่าเคยเห็นหน้าเพราะเคยขี่รถผ่านหน้าร้านตนเองอยู่เป็นประจำแต่ในช่วงระยะหลังตนเองไม่ได้เห็นลูกสะใภ้ของผู้ตายนานแล้ว


และยืนยันว่าลูกสะใภ้ของผู้ตายไม่เคยมาซื้อของที่ร้านค้าของตนเองสักครั้ง ส่วนสามีของผู้ตายตนเองก็ไม่เคยเห็นมาซื้อของที่ร้านเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม นายเจษฎา เจ้าของร้าน ได้ตั้งข้อสังเกตว่าหากผู้ต้องสงสัยจะมีการวางยาฆ่านางสาริณี ตนมองว่าคงจะไม่มีเงินมาซื้อยาฆ่าหญ้าที่มีราคาแพง แต่ตนคาดว่าอาจจะมีการไปขอแบ่งกับชาวบ้านที่เหลือจากการใช้งานในการเกษตรมากกว่า


ต่อมาทีมข่าวได้รับข้อมูลมาว่าผู้ตายและครอบครัว มักจะมาซื้อของที่ร้านค้าในหมู่บ้านเป็นประจำ ทีมข่าวจึงได้มาพูดคุยกับนางสาวอ้น (นามสมมติ) เจ้าของร้านค้าในหมู่บ้าน ห่างจากบ้านผู้ตายประมาณ 1 กิโลเมตร เล่าให้ฟังว่า ปกติสามีผู้ตายรวมทั้งลูกชายและผู้ตายมักจะมาซื้อของใช้ที่ร้านของตนเองเป็นประจำ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาซื้อของใช้และบุหรี่แต่ไม่เคยเห็นว่าครอบครัวผู้ตายหรือแม้กระทั่งผู้ตายเองมาซื้อน้ำอัดลม เนื่องจากว่าครอบครัวของผู้ตายค่อนข้างไม่ค่อยมีเงินจึงมักจะไม่ค่อยซื้อของฟุ่มเฟือย ส่วนที่ร้านเองน้ำอัดลมที่เป็นประเภทสีมักจะขายไม่ค่อยออก เพราะลูกค้าไม่ค่อยได้นิยม ส่วนใหญ่ลูกค้าจะนิยมดื่มน้ำอัดลมสีดำ ส่วนใหญ่น้ำอัดลมที่เป็นประเภทสีมักจะขายได้ในช่วงเทศกาล ตนจึงไม่ค่อยลงน้ำอัดลมที่เป็นประเภทสี




นางสาวอ้น เจ้าของร้านค้าในหมู่บ้าน เผยว่า ล่าสุดวันเกิดเหตุช่วงเย็นผู้ตายได้มาซื้อบุหรี่ (ยาเส้น) ที่ร้านของตน และได้มีการพูดคุยกับย่าของตนเอง ว่าผู้ตายจะรีบไปตัดผักมาขายให้กับแม่ค้าในหมู่บ้าน หลังจากได้บุหรี่ผู้ตายก็ออกจากร้านไป โดยในวันนั้นก็ยืนยันเช่นกันว่าผู้ตายไม่ได้ซื้อน้ำอัดลมแต่อย่างใด ส่วนลูกสะใภ้ของผู้ตายตนเองไม่เห็นมานานหลายเดือนแล้ว และตัวลูกสะใภ้เองก็ไม่เคยมาซื้อของที่ร้านของตนแต่อย่างใด ส่วนใหญ่จะเป็นสามีและผู้ตายที่มาซื้อ ขณะเดียวกันร้านก็ไม่ได้มีการขายยาฆ่าหญ้าหรือสารประเภทอันตราย แต่ส่วนใหญ่ส่วนใหญ่ชาวบ้านที่นี่มักจะเข้าไปซื้อในตัวอำเภอมากกว่า


ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านของผู้ตาย พบว่า เป็นบ้านปูนชั้นเดียวตั้งอยู่ท้ายมุมหมู่บ้านหลังเดียว ล้อมรอบด้วยไร่อ้อย ส่วนเส้นทางเข้า-ออกบ้านของผู้ตายมีเพียงเส้นทางเดียวที่ออกจากหมู่บ้านโคกผักหอม ยาวไปจนสุดลำห้วย ระยะทางจากหมู่บ้านถึงบ้านผู้ตาย ประมาณ 1.5 กิโลเมตร จากบ้านผู้ตายไปลำห้วย ประมาณ 800 เมตร ซึ่งส่วนใหญ่เส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรไปทุ่งนาและไปหาปลาในลำห้วย แต่ในขณะเดียวกันก็มีเส้นทางเลียบลำห้วยที่สามารถไปทะลุได้อีกหลายหมู่บ้าน


ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจภายในบ้านของผู้ตาย พบว่า ไม่มีทรัพย์สินมีค่าอะไรเป็นบ้านโล่ง ๆ มีห้องนอนอยู่ 3 ห้องนอน ซึ่งที่ดินทั้งหมด 9 ไร่เป็นของผู้ตาย ต่อมานายถวัลย์ อายุ 53 ปี สามีผู้ตาย ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดที่น้ำอัดลมจำนวน 2 ขวดถูกนำมาวางไว้ที่บริเวณหน้าบ้านข้างต้นเสาหน้าบ้าน พร้อมกับจุดที่ผู้ตายนั่งน้ำลายฟูมปากที่โซฟาหน้าบ้าน โดยนายถวัลย์ สามีผู้ตาย ได้ทำท่าทางที่ภรรยาของตนเองนั่งน้ำลายฟูมปากอยู่ที่โซฟาหน้าบ้าน




นายถวัลย์ เล่าว่า ช่วงเช้าจนถึงตนเองและภรรยาพร้อมด้วยลูกชายอยู่ที่บ้าน ส่วนลูกสะใภ้ไม่ได้เข้ามาบ้านนานเกือบสัปดาห์ หลังจากนั้นช่วงประมาณบ่าย 3-4 โมงเย็น ตนออกไปหาปลาที่ลำห้วยและกลับมาอีกทีช่วงประมาณเกือบ 6 โมงเย็น โดยตนเองได้เดินลัดเลาะป่าอ้อยเข้ามาที่หลังบ้าน จากนั้นตนเองและภรรยาจึงได้ช่วยกันทำปลาที่หลังบ้าน จนถึงประมาณเกือบ 5 ทุ่ม โดยไม่ได้เดินออกมาหน้าบ้านแต่อย่างใด หลังจากทำเสร็จตนเองก็เก็บแห ส่วนภรรยาได้เดินมาที่หน้าบ้าน


สักพักตนรู้สึกปวดหลังจึงเดินมาที่หน้าบ้าน เพื่อที่จะมานั่งที่โซฟา ก็เห็นภรรยานั่งและเอาหัวพิงกับโซฟา ปากแห้งและมีคราบน้ำลายแห้งติดปาก ตนนึกว่าภรรยาคอแห้งจึงได้นำน้ำมาหยอดลงคอให้ภรรยา แต่ภรรยากลับน้ำลายฟูมปาก หลังจากนั้นภรรยาก็น้ำลายฟูมปากจำนวนมาก ตนตกใจจึงได้รีบหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดน้ำลายออกจากปากภรรยา ในขณะเดียวกันตนก็ได้หันไปเห็นขวดน้ำอัดลมจำนวนสองขวดตั้งอยู่ข้างเสา โดยทั้งสองขวดอยู่ในถุงพลาสติกใหม่ ซึ่งขวดหนึ่งถูกเปิดออกและได้มีการดื่มไปประมาณเกือบครึ่งขวดและได้มีการปิดฝาไว้เช่นเดิม ส่วนอีกขวดยังไม่ได้เปิดฝาขวด น้ำยังเต็มขวด โดยในตอนนั้นตนได้สังเกตุเห็นขวดน้ำอัดลมที่ถูกเปิดมีลักษณะลักษณะฟองน้ำที่เต็มขวด ส่วนอีกขวดไม่ได้มีอะไรผิดปกติ


ขณะเดียวกันช่วงที่ตนเองพยายามนำผ้ามาเช็ดน้ำลายออกจากปากภรรยา ยืนยันว่าไม่ได้กลิ่นสารเคมีหรือกลิ่นยาฆ่าหญ้าแต่อย่างใด เนื่องจากตนเองมัวแต่เช็ดน้ำลายออกจากปากภรรยา ต่อมาตนจึงได้พยายามสอบถามภรรยาว่า “ใครเอาอะไรให้กิน” จากนั้นภรรยาได้ชี้นิ้วไปที่ขวดน้ำเขียว ตนจึงได้ถามต่อว่า “ใครเอามาให้กิน” ซึ่งภรรยาก็พยายามจะตอบแต่เสียงก็แผ่วเบาจนไม่ได้ยิน จนภรรยาสิ้นใจไปต่อหน้า




นายถวัลย์ สามีผู้ตาย บอกว่า ในระหว่างที่ตนเองอยู่ที่บ้านยืนยันว่าไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ขี่เข้ามาที่บ้านของตนเองแต่อย่างใด แต่ในช่วงที่ตนออกไปหาปลาตนเองก็ไม่รู้ว่ามีใครมาที่บ้านไหม เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวก็มีแต่ชาวบ้านที่ใช้สัญจรไปทุ่งนา ส่วนช่วงก่อนที่เกิดเหตุก็ไม่เห็นมีรถจักรยานยนต์คันไหนที่ขับเข้ามาจอดที่บ้าน และตนเองก็ไม่ได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์มาจอดที่หน้าบ้านแต่อย่างใด อีกทั้งในช่วงเวลาที่เกิดเหตุสุนัขที่ตนเลี้ยงไว้ที่บ้านก็ไม่ได้ส่งเสียงเห่าจึงทำให้ตนไม่ได้เอะใจว่าจะมีใครมาที่บ้านหรือไม่ ขณะเดียวกันยืนยันว่าที่บ้านไม่เคยใช้ยาฆ่าหญ้า เพราะส่วนใหญ่ตนจะถางหญ้าเอาเอง เพราะไม่ต้องซื้อจึงยืนยันได้ว่าไม่มีใครเผลอเอายาฆ่าหญ้าใส่ขวดน้ำอัดลม และมาตั้งวางไว้ที่หน้าบ้านแน่นอน


ส่วนความสัมพันธ์ภรรยาตนเองกับลูกสะใภ้ ยอมรับว่า ไม่ค่อยลงรอยกันเนื่องจากลูกสะใภ้เป็นคนขี้เกียจไม่ค่อยทำงานและมักจะออกไปเที่ยวเตร่นอกบ้านหลายวันจึงกลับมาบ้าน ซึ่งทำให้ภรรยาตนเองไม่พอใจและมักจะตักเตือนลูกสะใภ้แต่ก็โดนลูกสะใภ้สวนกลับและทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ซึ่งยอมรับว่าเคยมีเหตุการณ์ที่ลูกสะใภ้มีปากเสียงกับภรรยาของตนเอง ทำให้ภรรยาทนไม่ไหวลุกขึ้นเตะปากลูกสะใภ้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 3 อาทิตย์ที่แล้ว


ต่อมาทีมข่าวจึงได้เดินทางมาที่บ้านของนางสาวมลฤดี หนึ่งในผู้ต้องสงสัยและเป็นลูกสะใภ้ของผู้ตาย โดยทีมข่าวได้พบกับนายเหรียญ อายุ 71 ปี ตานางสาวมลฤดี ยืนยันว่า หลานสาวออกจากบ้านของผู้ตายมาได้ 10 วันหลังจากนั้นหลานสาวก็ไม่ได้ไปไหนเอาแต่นอนอยู่ที่บ้าน ส่วนวันเกิดเหตุตนก็ยืนยันได้เช่นกัน ว่าหลานสาวนอนอยู่ที่บ้านเนื่องจากว่าไม่สบายโดยไม่ได้ออกไปไหน จนกระทั่งประมาณช่วงบ่ายสามโมงมีคนมาแจ้งว่านางสาริณี แม่สามี ของหลานสาวเสียชีวิตหลานสาวก็เพิ่งรู้




ส่วนเรื่องกรณียาฆ่าหญ้าที่บ้าน ยอมรับว่าได้ซื้อมาใช้นาข้าวเหมือนกันแต่เพิ่งจะไปซื้อเมื่อวานนี้ โดยให้ลูกชายเป็นคนไปซื้อและก็นำมาฉีดยาในนาข้าวและก็ได้ใช้จนหมด ซึ่งตนเองก็มีพยานที่ยืนยันได้ว่าตนไปซื้อหลังจากที่นางสาริณีเสียชีวิต ส่วนเรื่องเครื่องดื่มน้ำอัดลม ยอมรับว่าก็เคยซื้อมาให้หลานที่บ้านกินแต่โดยส่วนตัวนางสาวมลฤดี หลานสาว ไม่มีเงินซื้อน้ำอัดลมมากถึงสองขวดแน่นอน เพราะนางสาวมลฤดีหลานสาวไม่มีเงิน


ตอนนี้ตนรู้สึกเสียใจที่หลานสาวถูกกล่าวหา ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนางสาริณี โดยตนเองได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว ยืนยันว่าที่เกิดเหตุหลานสาวอยู่ที่บ้านทั้งวันทั้งคืนไม่ได้ออกไปไหน ส่วนที่ตำรวจยังไม่ปล่อยตัวหลานสาวออกมาเพราะถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาเสพติด ไม่ใช่คดีการเสียชีวิตของนางสาริณีแต่อย่างใด

น้ำเขียวมรณะ! ตรวจเจอผสมยาฆ่าหญ้า หญิงยกดื่มน้ำลายฟูมปากดับ