จากกรณีที่เด็กหญิง อลิส วัย 3 ขวบ หายไปจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนพบจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำกลางทุ่งนา ระยะห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไปประมาณ 800 เมตร เมื่อเวลา 12.40 น. ของวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งพ่อแม่ยัน ไม่ปักใจเชื่อลูกตนเองเดินไปยังจุดเกิดเหตุ


ขณะเดียวกันประเด็นที่ยังค้างคาอยู่ว่า เด็กอีก 1 คนที่ครูน้อยล้างมือให้ในวันเกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้ครูน้อย เคยพาทีมข่าวช่อง 8 ไปชี้ที่ก๊อกน้ำ โดยให้ข้อมูลว่าจำเด็กได้ 2 คนก็คือ น้องอลิส กับน้องโปรด แต่จำชื่อเด็กอีก 2 คนไม่ได้ จนกระทั่งต่อมาทีมข่าวไปได้เบาะแสเด็กที่เล่นน้ำกับน้องโปรด เพิ่มมาเองอีก 1 คนคือ น้องอะเดล และล่าสุดวันนี้ (5 ก.ค. 2567) ทีมข่าวไปได้เบาะแสมาเพิ่มเติมว่าตำรวจกำลังจะมีการเชิญผู้ปกครองของน้องเตชิน ซึ่งเป็นเด็กชายวัย 3 ขวบ 8 เดือน ไปพบเพื่อให้ที่จะพาน้องเตชิน ไปสอบปากคำกับสหวิชาชีพ-นักจิตวิทยา




จากนั้นเมื่อทีมข่าวได้ข้อมูลดังกล่าววันนี้ จึงได้ย้อนกลับไปหาข้อมูลในพื้นที่อีกครั้งว่า ทำไมตำรวจถึงกำลังจะมีการเชิญน้องเตชินไปสอบปากคำ และไปตามหาว่าใครเป็นคนให้ข้อมูลตำรวจเกี่ยวกับน้องเตชิน และน้องเตชินเกี่ยวข้องยังไงกับคดีของน้องอลิส ซึ่งทีมข่าวช่อง 8 เลือกที่จะมุ่งหน้าไปที่ตัวน้องโปรด เพราะก่อนหน้านี้ตำรวจไปสอบปากคำย่าของน้องโปรดบ่อยที่สุด และตัวน้องโปรดก็เป็นเด็กที่เล่นน้ำกับน้องอลิส ในวันเกิดเหตุ


ซึ่งปรากฏว่าทีมข่าวไปได้ข้อมูลจากน้องโปรด โดยย่ากับปู่ของน้องโปรดมีการอัดคลิปถามน้องโปรด ให้ว่าวันเกิดเหตุเล่นตรงบันไดและเล่นน้ำกับใครบ้าง ซึ่งน้องโปรด ตอบปู่กับย่าว่าเล่นกับอะเดล จากนั้นปู่กับย่าก็ถามอีกว่า นอกจากเล่นกับน้องอะเดล เล่นกับใคนอีก ซึ่งน้องโปรด ตอบชื่อมาสั้น ๆ ว่าเล่นกับชิน




ส่วนคลิปที่ 2. ทางปู่และย่า ยังถามกับน้องโปรด เพิ่มอีกว่า วันเกิดเหตุครูคนไหนอาบน้ำให้น้องโปรด ซึ่งน้องโปรด ตอบว่าครูปูเป้ จากนั้นย่าก็ถามว่าแล้วใครอาบน้ำให้น้องอลิส ซึ่งน้องโปรด ก็ตอบว่าครูปูเป้ ต่อมาคลิปที่ 3 เมื่อย่าได้ยินว่าน้องโปรดพูดว่าครูปูเป้อาบน้ำให้ ย่าก็เลยเดินมาถามน้องโปรด ให้แน่ใจอีกครั้งว่าครูคนไหนอาบน้ำให้น้องอลิส กันแน่ ซึ่งตอนที่ถามรอบที่ 2 น้องโปรด ก็ตอบย่าเหมือนเดิมว่า ครูปูเป้อาบน้ำให้น้องอลิส


จากนั้นเมื่อทีมข่าวได้ข้อมูลกับน้องโปรดว่าเล่นกับน้องเตชิน ล่าสุดวันนี้ (5 ก.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 จึงเดินทางไปพบกับผู้ปกครองของน้องเตชิน โดยนายสุริยา อายุ 54 ปี เป็นตาของน้องเตชิน เปิดใจกับทีมข่าวว่า ก่อนที่นักข่าวช่อง 8 จะมาที่บ้านเมื่อประมาณ 10 โมงที่ผ่านมา ตำรวจได้เข้ามาสอบถามน้องเตชิน เบื้องต้นว่ารู้จักกับน้องโปรดหรือไม่ เล่นกับน้องโปรดหรือไม่ ซึ่งน้องเตชินก็ตอบว่าเล่นกับโปรด


จากนั้นเมื่อน้องเตชิน ยืนยันกับตำรวจว่าเล่นกับน้องโปรด ตำรวจจึงนัดตนเองให้พาน้องเตชินไปพบที่ สภ.ยางชุมน้อย เวลา 08.30 น. วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม ซึ่งทางตำรวจยังบอกอีกว่า เมื่อไปถึงที่โรงพักตามวันเวลาที่นัดไว้ ตำรวจจะพาตนเองกับน้องเตชินขึ้นรถตู้พาไปสอบปากคำกับสหวิชาชีพและไปพบกับนักจิตวิทยา ซึ่งการเข้ามาของตำรวจในวันนี้ตั้งแต่เกิดเหตุ ตำรวจเข้ามาที่บ้านเป็นครั้งแรก และก่อนหน้านี้ตำรวจไม่เคยเชิญตนเองไปสอบปากคำ ซึ่งเชื่อว่าที่ตำรวจเข้ามาเป็นเพราะว่านักจิตวิทยาได้ข้อมูลมาจากน้องโปรด




ส่วนประเด็นที่ตนเองไปรับน้องเตเชินในวันเกิดเหตุ เท่าที่จำได้ตนเองไปถึงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กประมาณ 14.00 น. ซึ่งตอนไปถึงเห็นน้องเตชิน ปั่นจักรยานเล่นอยู่กับเด็กผู้หญิงภายในศูนย์ ส่วนครูน้อยเดินถือโทรศัพท์คุยกับใครไม่รู้ แล้วก็เดินอ้อมศูนย์ลงไปที่ทุ่งนา ซึ่งตอนที่ตนเองไปถึงจนรับหลานออกมา ยืนยันไม่เห็นครูหนุ่ยอยู่ภายในศูนย์


ส่วนประเด็นเรื่องตัวเปียกน้ำ ยืนยันวันเกิดเหตุน้องเตชิน ตัวไม่ได้เปียกน้ำ ซึ่งเสื้อผ้าที่เตรียมไปให้เปลี่ยนยังอยู่ในกระเป๋าเป้ครบทั้งเสื้อและกางเกงแต่ยอมรับว่า ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน น้องเตชินเคยตัวเปียกจนครูต้องเปลี่ยนทั้งเสื้อและกางเกงให้ และวันนั้นที่หลานตัวเปียกน้ำ เท่าที่จำได้ครูบอกกับตนเองว่า น้องเตชินตัวเปียกน้ำเพราะชอบไปเล่นน้ำกับเพื่อน ๆ ของเขาที่อ่างน้ำซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นอ่างล้างมือหรืออ่างน้ำตรงไหน


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังไปเจอกับนางทองดี อายุ 55 ปี เป็นยายของน้องฟุตซอล เด็กชายวัย 2 ขวบ 1 เดือน ที่ชอบเล่นน้ำกับน้องโปรดและน้องอะเดล ขณะนี้วันนี้ยายทองดี ได้มีการนำเสื้อสีฟ้าของน้องฟุตซอลมาโชว์ทีมข่าว ซึ่งเสื้อตัวดังกล่าว เป็นเสื้อที่เด็ก ๆ ของศูนพัฒนาเด็กเล็กจะต้องใส่ไปเรียนในวันเกิดเหตุ จากนั้นคุณยายทองดียังใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป , ขวดนม , นม และเสื้อผ้าไปในกระเป๋าเป้ โดยบอกว่าจะต้องเตรียมของพวกนี้ใส่กระเป๋าให้หลานก่อนไปส่งที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก




โดยทางคุณยายทองดี บอกว่า วันเกิดเหตุตนเองเข้าไปรับหลานตอนประมาณ 13.00 น. ซึ่งตอนไปถึงเห็นหลานนอนหลับอยู่ข้าง ๆ น้องอะเดล และก็เห็นครูหนุ่ยยืนอยู่ตรงที่วางขวดนมเด็ก ส่วนป้านิ่มยืนอยู่ตรงก๊อกน้ำ ซึ่งตอนนั้นเมื่อเห็นชาวบ้านตะโกนว่าพบศพน้องอลิสแล้ว ตนเองยังพยายามที่จะวิ่งไปดูแต่ไปไม่ถึงจุดพบศพ


ส่วนประเด็นที่หลานชอบเล่นน้ำที่ศูนย์พัฒนา จริง ๆ แล้วตนเองไม่เคยได้ยินจากปากหลานเพราะหลานยังพูดไม่รู้เรื่อง แต่ครูเคยบอกว่าหลานชอบเล่นน้ำกับเด็กรุ่นเดียวกัน ซึ่งวันเกิดเหตุตัวหลานไม่ได้เปียกน้ำ แต่ก่อนเกิดเหตุ หลานเคยตัวเปียกน้ำถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกครูเปลี่ยนแต่กางเกงให้ ส่วนครั้งที่ 2 ที่ตัวเปียกน้ำในวันที่ 7 มิถุนายน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ ครูเปลี่ยนชุดให้หลานทั้งเสื้อและกางเกง และครูยังเอาชุดของหลานที่เปียกน้ำใส่กระเป๋าให้เด็กคนอื่นผิดไป โดยถึงวันนี้ยายก็ยังไม่ได้ชุดของหลานคืนกลับมา ซึ่งตอนที่ไปทวงกับครูน้อย ครูน้อยอ้างว่าจำไม่ได้ว่าเอาชุดหลานใส่กระเป๋าเด็กคนไหนไป และครูน้อยก็บอกว่าจำได้แค่วันที่เปลี่ยนชุด เปลี่ยนให้เด็กตัวเปียกน้ำ 2 คน




ซึ่งประเด็นที่หลานเคยตัวเปียกน้ำถึง 2 ครั้ง ตัวยายเองเคยถามกับครูว่าทำไมถึงปล่อยให้หลานตัวเปียกน้ำ ครูปล่อยให้เด็กไปเล่นน้ำที่ไหนกัน ทำไมไม่ดูแลเด็กให้ดี ซึ่งครูตอบว่าหลานไปเล่นน้ำก๊อกตรงที่ล้างมือ "หลานยายชอบเล่นน้ำ หลานยายดื้อ เด็กในศูนย์มันเยอะ ครูดูแลเด็กไม่ทันและดูแลไม่ทั่วถึง"


ส่วนประเด็นอื่นก่อนจะเกิดเหตุ 2 วัน ทางตาของน้องฟุตซอล เคยไปทักทวงกับครูตอนที่ไปส่งหลานว่า หลังศูนย์มีน้ำนะ สถานที่มันไม่ปลอดภัย อย่าปล่อยให้เด็กออกไปเล่นน้ำนะ แต่ครูก็เฉยและหลังจากที่ตาไปทักครูเรื่องดังกล่าว 2 วันก็มาเกิดเหตุกับน้องอลิส จริง ๆ ยืนยันถึงแม้ทาง อบต. จะปรับปรุงศูนย์ดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่เปลี่ยนครูและแม่ครัวยกชุด จะไม่มีทางส่งหลานไปเรียนที่ศูนย์อีกเด็ดขาด


ทั้งนี้ จากกรณีเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทางครอบครัว หนูน้อย วัย 3 ขวบ ได้นัดเจรจาไกล่เกลี่ยค่าสินไหมทดแทน กับทาง อบต.คอนกาม พร้อม 3 ครู เป็นครั้งแรก แต่เป็นเพียงการนัดพูดคุยและเซ็นชื่อรับทราบการเรียกค่าสินไหมทดแทน จำนวน 15 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 ยอด ยอดที่ 1 ครูน้อย ครูหนุ่ย ครูปูเป้ รับผิดชอบ รวม 10 ล้าน บาท และยอดที่ 2 ทาง อบต.คอนกาม จำนวน 5 ล้าน บาท ทั้งนี้ เป็นเพียงการรับฟังข้อเสนอจากครอบครัว และจะมีการนัดเจรจาไกลเกลี่ยอีกครั้ง ในวันที่ (2 ก.ค) และได้มีการเลื่อนนัดเจรจาไป รอบที่ 2 เป็นวันที่ (5 ก.ค.) นั้น


ล่าสุดช่วงเช้าเวลา 11.00 น. วันนี้ (5 ก.ค. 2567) ครูทั้ง 3 คน ครูหนุ่ย ครูน้อย และครูปูเป้ ได้เดินทางมายัง สภ.ยางชุมน้อย ตามนัดหมายการเจรจาไกล่เกลี่ย ครั้งที่ 2 ซึ่งผู้สื่อข่าวสังเกตได้ว่า วันนี้ ครูหนุ่ยสวมเสื้อสีชมพู มีลักษณะใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนครูน้อยสวมเสื้อสีฟ้า สีหน้าปกติ และ ครูปูเป้ ที่สวมเสื้อสีม่วง สวมแมสก์ พร้อมยกมือไหว้ทักทายสื่อมวลชนอีกด้วย




ต่อมาเวลา 11.30 น. ทนายโนบิตะ หรือ นายเตชธรรม โลหิตดี พร้อมครอบครัวน้องอลิส ได้เดินทางมาถึง สภ.ยางชุมน้อย ซึ่งหลังลงจากรถทนายโนบิตะได้แวะทักทายกับสื่อมวลชน ก่อนจะนำครอบครัวเดินเข้าห้องไกล่เกลี่ยไป ขณะเดียวกันผู้อำนวยการกองการศึกษา พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกรองค์การบริหารส่วนตำบลคอนกามได้เดินทางมารับฟังด้วย จากนั้นประมาณ 15 นาที ทนายโนบิตะได้ขอความเป็นส่วนตัวเปิดห้องประชุม โดยนำ พ่อกับแม่ ย่าและยาย น้องอลิส และครูทั้ง 3 คน แยกไปเจรจาพูดคุยส่วนตัว พร้อมกับเก็บมือถือทุกคนในการเจรจา


ต่อมา หลังทนายโนบิตะ ได้เปิดห้องประชุมนัดเคลียร์ใจส่วนตัว ระหว่างครอบครัวน้องอลิส และคุณครูทั้ง 3 คน โดยใช้เวลาการเจรจาไกล่เกลี่ยนานถึง 2 ชั่วโมง หลังจากนั้นทนายโนบิตะได้ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันนี้เป็นการนัดเจรจาครั้งที่ 2 ของประเด็น ไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย โดยที่ผ่านมาเป็นการพูดผ่านสื่อมาตลอด ซึ่งวันนี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองฝ่ายได้เคลียร์ใจเป็นการส่วนตัว โดยตนเองได้รับมอบหมายจาก คุณกัน จอมพลัง ให้เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยครั้งนี้ เพื่อหาข้อยุติในกรณีดังกล่าว


เบื้องต้น ได้มีการพูดคุยกับครู ทั้ง 3 คน เป็นการเปิดใจพูดคุยในเรื่องราวทั้งหมด โดย พ่อแม่ ย่าและยาย ได้สอบถามประเด็นที่ค้างคาใจและได้คำตอบไปแล้ว เช่น ช่วงเวลาที่น้องหายไป คุณครูแต่ละคนทำอะไร ความเอาใจใส่มากน้อยแค่ไหน จากนั้นครูทั้งสามคนได้ทำการขอขมา ครอบครัวน้องอลิสพร้อมทั้งน้ำตา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าทุกคน


ทั้งนี้ทนายโนบิตะเอง ได้แนะนำให้พ่อแม่ น้องอลิส ได้ทำการปรับความเข้าใจกับคุณครู ทั้ง 3 คน ด้วยกัน 3 ประเด็น คือ 1. ครูต้องพูดความจริงกับทางครอบครัว 2. ขอโทษจากใจจริง 3. และเยียวยาอย่างเหมาะสม โดยภาพรวมการเจรจา ก็เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี นอกจากนี้ทางครอบครัวก็ได้มีการตำหนิกับครูทั้งสามคน และทนายยังได้ให้คำแนะนำ พร้อมกับปรับปรุงในเรื่องของความรอบคอบ




อีกทั้งในส่วนทั้ง 3 ประเด็น ที่ทนายโนบิตะได้กล่าวอีกว่า คุณครูทั้งสามคน กล้าที่จะยอมรับความจริง ขอโทษ และเยียวยา ครอบครัวผู้เสียหาย ดังนั้นครอบครัวจึงไม่ติดใจในยอดของการเยียวยา จำนวน 15,000,000 บาท แต่ เป็นกรณีที่คุณครูทั้งสามท่านจะเสนอมา และนำมาวางในชั้นพนักงานสอบสวนหรือชั้นศาลก็ได้ ส่วนกรณีค่าเยียวยา จากองค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม หรือค่าจัดงานศพต่างๆ ก็จะให้ศาลเป็นผู้พิจารณาต่อไป


ทั้งนี้ หลังการเจรจาทางครอบครัวขอยืนยันว่าไม่ติดใจ กับคุณครูทั้งสาม เนื่องจากได้รับข้อเท็จจริงเรื่องราวไทม์ไลน์ของน้องจากคุณครู แต่ก็ยังคงดำเนินการ ในเรื่องของสาเหตุเด็กเดินไปเสียชีวิตได้อย่างไรหรือใครเป็นคนพาไป ซึ่งในส่วนของคดีครูทั้งสามคนยอมรับประมาท ไม่ดูแลบุตรหลานของทางครอบครัวให้ดี และขอโอกาสดูแลเด็ก ๆ ต่อไป จากนั้นผู้ข่าวได้สอบถามประเด็นกำหนดตัวเลขหรือไม่ในการเยียวยา โดยทำไมโดบิตะได้กล่าวว่าชีวิตของหนูน้อยวัยสามขวบไม่สามารถประเมินราคาได้ จึงให้ครูทั้งสามคนพิจารณาความเหมาะสมในการเยียวยา ซึ่งครอบครัวก็ยอมรับ


ต่อมา หลังเจรจาส่วนตัวกับ 3 ครู และครอบครัวลงตัว ทนายโนบิตะ ได้เดินเข้าไปห้องสอบสวนอีกครั้ง เพื่อพูดคุยกับร้อยเวรสอบสวนโดยมี 3 ครู กำลังพูดคุยอยู่ภายในห้อง ประมาณ 20 นาที ทนายโนบิตะได้เดินออกมาด้วยความโมโห พร้อมกล่าวว่า “ครูกลับคำพูด” ซึ่งเป็นครูหนุ่ยกลับคำไม่รับสารภาพ หลังโทรปรึกษาทนายความ โดยจะไม่รับสารภาพและไม่เยียวยาใด ๆ ทั้งสิ้น ในเบื้องต้น ซึ่งครูยืนยันจะขอดำเนินการสารภาพ และวางเงินที่ศาลเพียงเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้มีการตกลงจะให้ครอบครัวรับเงินเพียง 100,000 บาท และยอมรับไม่ติดใจ ส่วนเงินส่วนอื่นนั้น จะเป็นหน้าที่ให้ศาลตัดสิน แต่ครูหนุ่ยกลับคำ ไม่ยอมรับสารภาพพร้อมจะขอสู้ในชั้นศาล




ขณะเดียวกันหลังจากทั้ง 3 ครู ได้เดินมาออกจากห้องสอบสวน ผู้สื่อข่าวจึงได้พยายามสอบถามครูหนุ่ย ซึ่งมีท่าทีเคร่งเครียด และรีบเดินออกไปโดยเร็ว ผู้สื่อข่าวจึงพยายามเดินตามไปและพูดคุยกับครูหนุ่ย ในประเด็นของจำนวนเงินในการเยียวยา ซึ่งครูหนุ่ยก็กล่าวขอความเป็นส่วนตัว จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามประเด็นทำไมมีการกลับคำยอมรับสารภาพ โดยครูหนุ่ย เผยว่า ครูไม่รู้กฎหมาย จากนั้นถามประเด็นอีกว่าจำนวนชดใช้เยียวยาจะชดใช้ที่เงินเท่าไร ครูหนุ่ยก็กล่าวเพียงว่า ให้การหน้าที่ตำรวจไปแล้วให้ไปถามได้เลย


จากนั้นครูหนุ่ยพยายามเดินออกไปด้านนอกสถานีตำรวจ โดยกล่าวว่าตนเองจะรีบเดินไปหาพี่สาวที่ไม่สบายอยู่ที่โรงพยาบาล จากนั้นผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามต่อไปอีกว่าครูเครียดหรือไม่ ซึ่งครูก็เผยว่าตนเครียดไม่รู้จะหาเงินมาจากที่ไหน ก่อนจะไม่ตอบคำถามใด ๆ พร้อมขอความเป็นส่วนตัว


ต่อมา หลังจากทนายโนบิตะและครอบครัวน้องอลิส รับทราบว่า คุณครูหนุ่ยได้มีการกลับคำไม่รับสารภาพ และจะไม่วางเงินเยียวยาครอบครัวเบื้องต้น จึงได้ทำการเข้าไปเจรจาใหม่อีกครั้ง ในเรื่องของการเยียวยาและการยอมรับสารภาพ ของครูหนุ่ย ครูน้อย ครูปูเป้ ในห้องสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.ปัญญา โพธิ์ขำ สว.สอบสวน นั่งฟังอยู่ด้วย ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป




ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวสังเกตได้ว่า บรรยากาศในห้องสอบสวน ทนายโนบิตะมีลักษณะท่าทีค่อนข้างเดือด และมีการลุกขึ้นมาชี้หน้าครูหนุ่ย โดยจับใจความได้ว่า “คุณครูผิดคำพูด ไร้สัจจะ” ซึ่งท่าทีของครอบครัวก็ไม่พอใจเช่นเดียวกัน ซึ่งก็มีการพูดคุยประเด็นเงินเยียวยา โดยทางครอบครัวจะไม่บังคับ ให้คุณครูเป็นผู้เสนอในการรับผิดชอบค่าเสียหายตามความเหมาะสม และให้ยอมรับสารภาพผิดข้อหาประมาทในเบื้องต้น


จากนั้นผู้สื่อข่าวสังเกตได้ว่า ท่าทีของครูน้อย มีการตกลงกับทางครอบครัวอย่างจริงใจ โดยยอมรับสารภาพข้อหาประมาท พร้อมจะเยียวยาให้กับทางครอบครัว จากนั้นครูปูเป้ได้เดินออกไปโทรศัพท์ก่อนจะกลับมาเคลียร์ใจ โดยครูปูเป้ก็มีท่าทียืนยันยอมรับสารภาพ และพร้อมจะเยียวยาด้วยเช่นกัน




ขณะเดียวกัน ครูหนุ่ยได้เดินออกมาบริเวณหน้าห้องไกล่เกลี่ย และโทรศัพท์หาทนายอีกครั้งด้วยท่าทีเคร่งเครียด เพื่อสอบถามข้อมูลและมีการปรึกษากับทนาย และกลุ่มเจ้าหน้าที่ อบต. คอนกาม ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง หลังจากนั้น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ทุกคน จะเดินออกมาจากห้องไกล่เกลี่ย ผู้สื่อข่าวยังสังเกตได้อีกว่า ครูน้อยและครูปูเป้ เคลียร์ใจกับทางครอบครัวด้วยดี แต่ครูหนุ่ยยังมีท่าทีที่เคร่งเครียด


จากนั้น ทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปสนทนาจากแหล่งข่าว เป็นคลิปบรรยากาศในห้องไกล่เกลี่ย ระหว่างครู ทั้ง 3 คน และ ครอบครัว โดยมีใจความว่า ทางครอบครัวให้โอกาสครูน้อย และครูปูเป้สมัครใจในการยอมรับสารภาพ และการเยียวยาจากใจจริง โดยทนาย กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นกับตัวแต่ละบุคคลของครูที่จะให้ความจริงใจ พูดความจริง และเยียวยาอย่างเหมาะสม โดยครูหนุ่ยพยายามโต้แย้งกับทนายว่าตนมีความจริงใจ และพูดแทนครูน้อย ครูปูเป้ ซึ่งทางครอบครัวต้องการให้ ครูท่านอื่นตัดสินใจด้วยตนเอง โดยสรุปได้ว่าปูเป้ และครูหนุ่ยจะขอเวลาปรึกษากับทางครอบครัวก่อน 1 วัน แต่เบื้องต้นครูก็จะยอมรับข้อเสนอ จากทางครอบครัว

 

"น้องโปรด" เฉลยความลับมีคนอาบน้ำให้ "น้องอลิส" ส่อแวว 3 ครูวงแตกหลังเจรจา ทนายโนบิ